stadium

มาราธอนที่แลกด้วยเลือดและน้ำตา "จูน พรมณี" นักวิ่งสวยสังหาร

26 มกราคม 2566

หากจะพูดถึงนักวิ่งถนนในไทย ที่สวยด้วยเก่งด้วย หนึ่งในชื่อที่หลายคนนึกถึงจะมีชื่อของ "จูน พรมณี" รวมอยู่ด้วย เธอคือนักวิ่งสาวผมสั้นหน้าตาน่ารัก มีรอยยิ้มที่สดใสอยู่เสมอ แม้ว่าจะผ่านการวิ่ง 42.195 กิโลเมตรมาแล้ว นี่คือเรื่องราวของ "จูน" ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นในวงการวิ่ง จากต้นมะลิเมื่อปี 2015 สู่มาราธอนที่แลกมาด้วยเลือดและน้ำตา 

 

 

จากต้นมะลิสู่การซ้อมวิ่งจริงจัง

 

"จูนเป็นคนกินเก่ง กินเยอะ เลยอยากออกกำลังกาย ไม่อยากอ้วน อยากกินอย่างมีความสุข" จูน พรมณี คุณสิริประภารัตน์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นการวิ่งของเธอ ซึ่งไม่ต่างจากคนทั่วไปมากนัก เพราะเรื่องหลักคือเพื่อสุขภาพ ซึ่งตอนเริ่มต้นมีเพื่อนในที่ทำงานวิ่งด้วยกันหลายคนรวมถึงพี่ซัน บุญเลิศ จันทร์ศุภภักดี แฟนของจูนด้วย 

 

"ตอนนี้เพื่อนเลิกวิ่งหมดแล้ว จูนกับแฟนยังวิ่งอยู่ จนเจอเพื่อนในวงการวิ่งใหม่ๆ และเริ่มลงสมัครงานวิ่ง ตอนนั้นเป็นงานวิ่งวันแม่ เมื่อปี 2015 วิ่งสิบกิโล แจกต้นมะลิคนละต้น ยังไม่ได้ซ้อมจริงจัง ก็วิ่งแบบตามมีตามเกิด ก็เลยเหนื่อยมาก"  

 

จากการวิ่งเพื่อสุขภาพในวันนั้น ต้นมะลิจากงานวิ่งแรกเป็นจุดเปลี่ยนในการวิ่งของจูน จากสุขภาพไปสู่การพัฒนา "เหนื่อย แต่ก็ชอบท้าทาย ตอนนี้ไม่ได้คิดเรื่องสุขภาพแล้ว แต่วิ่งเพราะชอบ และมีเป้าหมายคือวิ่งให้พัฒนา ซ้อมหนักมาก บางทีก็เจ็บไปเลย แต่พอหายก็กลับมาซ้อมใหม่" 

 

งานวิ่งแรกผ่านไปจูนกับพี่ซันก็ชวนกันไปงานวิ่งต่อมา เป็นระยะฮาล์ฟมาราธอน วิ่งคู่กัน และใส่เสื้อคู่กัน "เปลี่ยนมา 21 โล เป็นงานใส่เสื้อคู่วิ่งกับแฟนที่สวนลุม คืออยากลอง อยากไปงานวิ่งที่น่ารัก พอวิ่งแล้วก็ชอบ แต่เหนื่อยมาก" จบฮาล์ฟมาราธอนแรกจูนกลับมาตั้งใจซ้อมต่อเนื่อง จนครบ 1 ปีก็เริ่มล่าฝันมาราธอนแรก

 

 

 

เดินร้องไห้ในมาราธอนแรก

 

ผ่านไปหนึ่งปีหลังเข้าสู่วงการวิ่ง จูนที่เต็มไปด้วยแพสชั่นก็ลองลงแข่งระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร มาราธอนแรกที่มีแค่ครั้งเดียวของจูนจบลงด้วยการเดินร้องไห้ "พอปี 2016 ก็ไปลงฟูล ที่จอมบึง เห็นคนอื่นวิ่งได้ก็อยากทำได้บ้าง เหมือนซ่า แต่ก็เจ็บจนวิ่งไม่ได้ช่วงนึง เดินร้องไห้อยู่ที่จอมบึง แต่ก็ได้บทเรียนกลับมา"

 

มีมาราธอนครั้งต่อมาเกิดขึ้นอีกหลายครั้งในชีวิตของจูน เพราะเธอค้นพบตัวเองว่าชอบการวิ่งระยะนี้มากที่สุด แม้จะใช้เวลาในการซ้อมเยอะ แต่ก็สนุกกับมัน ซึ่งในปี 2017 มีงานมาราธอนในตำนานเริ่มต้นขึ้นที่ชายหาดบางแสน งานวิ่งมาราธอนที่โหดที่สุดงานหนึ่งของประเทศไทยที่ได้กลายเป็นเป้าหมายของเหล่านักวิ่งทั่วโลก รวมถึงจูน

 

"บางแสน42 จูนลงตั้งแต่ปีแรกเลย แต่เจ็บซะก่อนเลยไม่ได้แข่ง จนได้มาลงอีกทีปีที่แล้ว ที่จัดช่วงต้นปีเดือนมีนา 65 แต่ติดโควิดก่อนแล้วหายทัน ไปแข่งก็เลยพังเลย ก็เลยมาแก้มืออีกครั้งเมื่อตุลาคมปีเดียวกัน" จูนเล่าว่า ก่อนแข่งเมื่อต้นปี 2565 เธอตั้งเป้าหมายวิ่งจบภายใน 4 ชั่วโมงเพราะอยากได้ตุ๊กตาคิงคอง ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับคนที่วิ่งเร็วที่สุดร้อยคนแรกในบางแสน42

 

"ต้นปี 65 อยากได้คิงคอง แต่ 25 โลหลังพังเลย บนสะพานชลมาคร พอรอบตุลาเลยไปแก้มือ และครั้งนี้ก็ทำได้ จบที่ 3.48 วิ่งแบบสนุกไม่ได้เหนื่อยมาก เจ็บนิดหน่อยแต่ประคองไปได้ ดีใจมาก" นอกจากบางแสนแล้ว จูนยังสมัครงานวิ่งในต่างประเทศด้วย โดยมีงานวิ่งที่ประทับใจที่สุดคือ โอซาก้ามาราธอน ที่ประเทศญี่ปุ่น งานวิ่งที่เปิดประสบการณ์การวิ่งในต่างประเทศของเธอ

 

แม้จะประสบอุบัติเหตุล้มระหว่างทางจนเลือดตกยางออก แต่จูนก็วิ่งจนจบ และหลงรักโอซาก้ามาราธอน "1 ธันวาปี 2019 จูนไปโอซาก้ามาราธอนแล้วล้มที่โลที่ 38 รองเท้าขาด เข่าศอกเลือดไหล เพราะสะดุด แต่ก็จบที่ 3.55 ก็ยังสนุกมาก สนุกสุดๆ จะไปอีกรอบปีนี้"

 

 

 

เบื้องหลังความสุขในการวิ่งของจูน

 

การวิ่งเป็นกีฬาที่ต้องซ้อม หากมีเป้าหมายเพื่อการพัฒนา โดยเฉพาะการวิ่งระยะมาราธอน ที่ต้องเก็บสะสมระยะทาง ใส่ใจทุ่มเทกับการซ้อม ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในตัวของจูน พรมณี โดยมีพี่ซัน แฟนของจูนคอยซัพพอร์ต และไปวิ่งด้วยกันตลอด "แฟนก็ชอบ ก็เลยไปได้ไกลไปด้วยกัน เลิกงานก็ไปซ้อมวิ่งด้วยกัน มีกิจกรรมด้วยกัน สนุกกับการวิ่งมาก คุยกันว่าจะวิ่งไปจนกว่าจะวิ่งไม่ไหวทั้งคู่ เรายังมีแพสชั่นไปด้วยกัน" 

 

ณ วันนี้ จูนยังคงตั้งใจซ้อมอยู่กับพี่ซัน โดยมีโค้ชคือ "เดี่ยว ปฏิการ เพชรศรีชา" อดีตนักวิ่งทีมชาติผู้อยู่เบื้องหลังนักวิ่งถนนเก่งๆมากมาย ทำให้ทั้งสองคนซ้อมแบบมีระบบมากขึ้น พัฒนามากขึ้น และทำได้ตามเป้าหมาย และตั้งแต่งานวิ่งกลับมาจัดเต็มรูปแบบหลังผ่านวิกฤตโควิด จูนก็ได้ขึ้นโพเดี้ยมต่อเนื่อง โดยทุกครั้งจูนยังมีรอยยิ้มที่สดใสทั้งระหว่างวิ่งและหลังเข้าเส้นชัย ซึ่งจูนบอกว่ารูปสวยๆจากงานวิ่งก็เป็นสิ่งที่เธอชอบด้วยเช่นกัน

 

 

"คือไม่ได้บอกว่าตัวเองสวยนะคะ แต่เรามีเสน่ห์ในแบบของเรา บางคนบอกว่ายิ่งวิ่งยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น เพราะร่างกายเฟิร์มขึ้น ดูดีขึ้น เราก็แต่งหน้าแต่งตัวไปวิ่ง เราก็จะดูสวยในแบบของเรา ควบคู่กับการวิ่งให้ดีไปด้วยได้ค่ะ" จูนบอกว่ารู้สึกขอบคุณที่มีคนชมเธอเรื่องหน้าตา แต่สำหรับเธอสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองคู่กันไป นั่นคือความสุขในการวิ่งที่แท้จริง

 

ในทุกครั้งที่เหนื่อยจากการวิ่ง จูนไม่เคยท้อแต่บอกรักและให้กำลังใจตัวเองเสมอ โดยมีพี่ซันอยู่ข้างๆทุกครั้ง โลกแห่งการวิ่งของจูนจึงยังคงสดใสและเต็มไปด้วยความสุขแบบที่ไม่เคยลดลง ซึ่งเป้าหมายต่อไปคือเขาชะโงกซูเปอร์ฮาล์ฟ เพื่อรับถ้วยพระราชทานจากพระหัตถ์สมเด็จพระเทพฯ อีกครั้ง หลังเคยทำสำเร็จเมื่อปี 2018 ในระยะ 33 กิโลเมตรมาแล้ว

 

ถ้วยรางวัลมากมาย ตุ๊กตาคิงคอง และหลากหลายรางวัลจากการวิ่ง รวมถึงถ้วยพระราชทาน เป็นส่วนหนึ่งที่พิสูจน์ความตั้งใจของ จูน พรมณี นักวิ่งสาวที่มาพร้อมความสวยในทุกสนาม และจูนยังคงไม่หยุดที่จะฝันบนเส้นทางนี้ โดยมีพี่ซันคอยอยู่เคียงข้างในทุกเป้าหมาย


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง

La Vie en Rose