stadium

"แพ้เพื่อชนะ" หลิง นภหิรันย์ จากร้านเหล้าค้นพบตัวเองด้วยการวิ่งเทรล

19 มกราคม 2566

ไม่ต่างจากผู้ชายวัยสร้างตัวทั่วไปในวัย 30 ขึ้นไป ที่ต้องการค้นหาตัวเอง เพื่อวางเป้าหมายในชีวิต หลิง นภหิรันย์ ศรียี่ฟุง คือลูกชายจากครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะดีในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ย้ายมาเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนในกรุงเทพ เมื่อเรียนจบแล้วก็กลับไปทำธุรกิจกับที่บ้าน

 

แต่ด้วยความพยายามที่อยากค้นพบตัวเอง ทำให้เริ่มทำธุรกิจร้านเหล้ากับเพื่อนที่เชียงใหม่ โลกกลางคืนเติมความสุขชั่วคราวแต่ไม่เคยเต็ม สุขภาพที่เริ่มแย่ลง ทำให้หลิงมาถึงจุดพลิกผันในชีวิตครั้งใหญ่ และเข้าสู่วงการวิ่งเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

 

 

จากร้านเหล้าค้นพบตัวเองด้วยการวิ่งเทรล

 

"ถ้ายังทำร้านเหล้าอยู่ ก็คงไม่มีเวลาออกกำลังกาย" หลิง เริ่มเล่าถึงเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เขาตั้งคำถามกับชีวิตมากขึ้น ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น ไฟของวัยรุ่นเคยทำให้หลิงพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำธุรกิจกับเพื่อน เป็นร้านเหล้าในจังหวัดเชียงใหม่ บนทำเลทองถนนนิมมานเหมินทร์ ช่วงเวลานั้นร้านประสบความสำเร็จอย่างดี นับเป็นปีที่ค่ำคืนของเชียงใหม่เต็มไปด้วยสีสัน รวมถึงชีวิตของหลิง

 

โลกกลางคืนเติมความสุขชั่วคราวแต่ไม่เคยเต็ม สุขภาพที่เริ่มแย่ลง ทำให้หลิงมาถึงจุดพลิกผันในชีวิตครั้งใหญ่ ประกอบกับมีปัญหาในการทำร้านหลายอย่างทำให้ตัดสินใจถอนหุ้นออกมา "หยุดทำร้านเหล้าเพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้ชอบมันขนาดนั้น แค่ตามกระแส กับอยากช่วยเพื่อน พอเลิกแล้วก็เคว้ง ไม่มีที่ยึดเหนี่ยว ก็กลับมาอยู่บ้านที่เชียงราย"

 

ในตอนนั้นความรู้สึกหลักของหลิงคือผิดหวัง ทำให้รู้สึกดาวน์และเครียด เพราะขาดเป้าหมาย จึงเริ่มเข้าสู่วงการวิ่ง "ตอนนั้นไม่รู้จะเล่นกีฬาอะไร ก็เลยคิดว่าวิ่งดีกว่า เพราะรองเท้าคู่เดียวก็วิ่งได้ ตอนนั้นถือมือถือวิ่ง ใส่เสื้อบอล และมีรองเท้าคู่เดียวจริงๆ พอได้วิ่งก็ได้อยู่กับตัวเอง ยิ่งวิ่งยิ่งไกล รู้สึกโล่ง ได้ปลดปล่อยความเครียด"

 

หลิงบอกว่า จากรองเท้าคู่เดียวในวันนั้น พาเขาไปไกลกว่าที่คิดไว้ จากจุดยึดเหนี่ยวจิตใจ กลายเป็นเป้าหมายใหม่ "ตอนนั้นมันเหมือนเราเฟล ผิดหวัง รู้สึกชีวิตดาวน์หลายอย่าง มีปัญหาหลายเรื่อง จากร้านเหล้าเชียงใหม่ กลับมาอยู่บ้านร้อยเปอร์เซนต์ เลยต้องหาเป้าหมาย ไม่ให้มันเคว้ง ต้องมีจุดยึดเหนี่ยวจิตใจ"

 

จากการวิ่งถนนในช่วงปีแรก ผ่านมาระยะหนึ่งเมื่อมีโควิดระบาด ก็เปลี่ยนมาวิ่งเทรลเข้าป่าแทน เพราะสนามกีฬาปิด จนได้เจอสังคมใหม่ของกลุ่มนักวิ่งเทรลเชียงราย เริ่มหลงเสน่ห์โลกของการวิ่งเทรล โลกที่ใกล้ชิดธรรมชาติ กินนอนง่ายๆ ในป่า อยู่กับตัวเองได้เป็นสิบชั่วโมง ทำให้หลิงพบว่าอารมณ์ของตัวเขาเปลี่ยนแปลงไป

 

 

 

จากชีวิตที่ไม่เคยลำบาก เข้าสู่วงการเทรลเชียงราย

 

เพราะมาจากครอบครัวที่มีฐานะ ชีวิตแทบจะไม่เคยลำบาก แต่เพราะสังคมการวิ่งเทรลที่เชียงรายที่สนุกสนานเป็นกันเอง เส้นทางวิ่งสวยงามหลากหลาย ทำให้หลิงติดใจ เปลี่ยนจากการวิ่งถนนเข้าสู่วงการเทรลแบบเต็มตัว ซึ่งจุดแรกจากความสนุกนั้น ทำให้เขาค้นพบตัวเองว่า เขาอดทนกับความลำบากได้มากกว่าที่คิด

 

"พอวิ่งเทรลก็ค้นพบตัวเองเพิ่มอีก เคยเป็นคนรายละเอียดเยอะ เรื่องเยอะ และปล่อยวางยาก ก็จุกจิกน้อยลง อดทนเพิ่มขึ้น เปลี่ยนตัวเองจากคนเรื่องมาก ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น มาเป็นคนง่ายๆ สนใจคนอื่นน้อยลง อยู่กับตัวเองมากขึ้น คิดได้ว่า ในโลกของการวิ่งเทรล เราเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ คนนึง อีโก้ที่เคยมีก็ลดลง ติดดินมากขึ้น"

 

เมื่อซ้อมวิ่งเทรลไปได้ระยะหนึ่ง หลิงก็เริ่มมีโค้ชคอยให้โปรแกรมฝึกซ้อม และดูแลการวิ่ง เริ่มมีเป้าหมายในการแข่งขัน จากการเอาชนะตัวเอง ไปสู่โพเดี้ยมการแข่งวิ่ง เรื่องราวนี้เกิดขึ้นหลังจากหลิงได้รู้จักกับ โค้ชตี้ เธียรชัย จันทร์ตระกูล โค้ชและหัวหน้าทีมวิ่ง Run to Paradise เชียงราย ทีมวิ่งที่ตั้งขึ้นเพื่อแบ่งปันความรู้ และพัฒนาศักยภาพนักวิ่งของจังหวัด

 

"หลังจากมาซ้อมกับโค้ชตี้ก็จริงจังมากขึ้น ตอนแรกไม่เคยคิดจะแข่ง แค่สนุกกับมัน กับเส้นทาง และคลายเครียด จนผ่านมา 1 ปีก็เริ่มลงแข่ง" โลกของเทรลไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เส้นทางที่สวยงามแฝงไว้ด้วยความท้าทายเสมอ กว่าที่จะชนะได้ นักกีฬาทุกคนเคยผิดหวัง หลิงเองก็เช่นกัน

 

 

 

รู้จักยอมแพ้เพื่อชนะ

 

กลางปี 2565 ที่ผ่านมา ณ ดอยช้าง จ.เชียงราย หลิงเผชิญหน้ากับความผิดหวังครั้งแรกในฐานะนักวิ่งเทรล เขาลงแข่งระยะ 65 กิโลเมตร ที่ความชันสะสม 3,880 เมตร ผ่านไปเกินครึ่งทางแล้ว แต่ก็ต้องยอมหยุดวิ่ง เพราะหลงทางไปไกล ณ นาทีนั้น หลิงตัดสินใจยอมรับการพ่ายแพ้ เพื่อแลกกับการไม่บาดเจ็บ

 

"วิ่งไป 40 โลแล้ว หลงทางไป 7 โล เหลือ 20 โล คนอื่นก็หลง ซึ่งหลงไป 7 โลคือเยอะมาก ตอนนั้นเฟล ท้อเลย แต่ก็คิดว่า ชีวิตเราต้องยอมบ้าง ไม่งั้นเราจะบาดเจ็บ เพราะเราอยู่ในกลุ่มนักวิ่งที่ทำความเร็ว ถ้ากลับไปจะอันตราย ตอนนั้นก็บอกตัวเองว่า ปล่อยวาง งานหน้าค่อยเอาใหม่"

 

ความผิดหวังในวันนี้ ทำให้หลิงเรียนรู้ตัวเองเพิ่มขึ้นอีก 1 เรื่อง อีโก้ที่มีลดลง เข้าใจเหตุผลและสัจธรรมของชีวิต ยอมรับในความผิดหวังและนำกลับไปพัฒนาตัวเอง จากนั้นหนึ่งเดือนให้หลังเขาก็พิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ ที่งาน UTPK ULTRA TRAIL ที่ภูเก็ต ระยะ 60 กิโลเมตร

 

"ห่างจากงานนั้นหนึ่งเดือน มูฟออนจากความเสียใจมาเริ่มใหม่ และได้ที่ 2 ในกลุ่มอายุ ดีใจที่ทำได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็สนุกกับการวิ่งมากขึ้นอีก มากขึ้นเรื่อยๆ ได้ติดถ้วยอีกหลายงาน แต่ที่จริงไม่ได้ยึดติดกับรางวัล แต่อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ได้คาดหวังแต่อยากทำได้ดีขึ้นอีก"

 

เส้นทางการเรียนรู้ของแต่ละคนล้วนมีเรื่องราวแตกต่างกันไป ในทุกความผิดหวังหากกล้าที่จะเผชิญหน้า อาจได้ค้นพบเส้นทางใหม่ๆ หลิงในตอนนี้มีความสุขกับทุกเป้าหมาย และมีความสุขกับการใช้ชีวิตที่เชียงราย ดูแลกิจการของครอบครัว ณ วันนี้ ร่างกายและจิตใจพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน

 


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง

โฆษณา