stadium

รู้จัก ศุภนิช พูลเกิด ฮีโร่ 4 เหรียญทองซีเกมส์ 2021

4 มกราคม 2566

เกือบ 10 ปีเต็ม นับตั้งแต่วันแรกที่ น่าน หรือ จ่าอากาศตรีหญิงศุภนิช พูลเกิด เข้าสู่วงการวิ่ง จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง ที่สูงแค่ 150 เซนติเมตร สู่ฮีโร่ 4 เหรียญทองซีเกมส์

 

 

ก่อนจะเป็น "น่าน ศุภนิช"

 

เส้นทางนักวิ่งของน่าน เริ่มต้นเมื่อตอนอายุ 14 ปี เด็กผู้หญิงบุคลิกห้าวๆ ตัวเล็ก ผอม สูงแค่ 150 เซนติเมตร มีใจรักกีฬาหลายชนิด ทั้งฟุตบอล วอลเลย์บอล เธอคือนักกีฬาหลายชนิดของโรงเรียนเชียงกลางประชาพัฒนา จังหวัดน่าน

 

"ชื่อน่านเป็นฉายานะ ที่จริงชื่อฝ้าย แต่ชอบชื่อน่านมากกว่า ที่ผ่านมาก็เล่นกีฬามาตลอด เตะบอล วอลเล่ วิ่ง มีแข่งอะไรก็ซ้อมอันนั้น เพราะชอบเล่นกีฬา โรงเรียนก็มีนักเรียนน้อย ครูเขาเห็นเล่นกีฬาได้ ก็เลยแข่งได้ทุกอย่าง" ตอนแรกนั้นน่านบอกว่าชอบฟุตบอลมากที่สุด แต่ก็วิ่งไปด้วย

 

"ตอนเด็กเราก็วิ่งบ้าง แต่มาจริงจังตอน ม.3 เพราะเข้ามาเป็นนักวิ่งโรงเรียนกีฬากรุงเทพ ตอนแรกก็โดนบังคับแหละ (หัวเราะ) โค้ชเขาเห็นแววว่าทำได้ดี แต่เราก็รู้สึกเหนื่อยกับการวิ่งนะ"

 

น่านบอกว่าโค้ช สัมพันธ์ อินทร์สองใจ โค้ชและครูคนแรกด้านการวิ่ง ตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดน่าน เป็นคนแรกที่พาไปแข่งวิ่ง ได้เหรียญทองแดงมา 2 เหรียญ และผลักดันให้ใช้ความสามารถพิเศษด้านกีฬาเพื่อเข้าเรียนระดับมัธยม

 

แม้จะบอกว่าชอบฟุตบอล และเหนื่อยกับการวิ่ง แต่เมื่อเข้าสู่รั้วโรงเรียนกีฬากรุงเทพ ความชอบในกีฬาชนิดนี้ก็เพิ่มขึ้น "ให้เลือกอีกทีก็เลือกวิ่งนะ ตอนนี้ก็ชอบการวิ่งแล้ว พอเป็นนักวิ่งเต็มตัวก็ชอบมากขึ้น มันเหนื่อยแหละ แต่เดี๋ยวก็หาย สมัยเด็กก็คือซ้อมเหนื่อย แต่ก็มีเพื่อนเหนื่อยด้วยกัน"

 

 

 

ติดทีมชาติครั้งแรกตั้งแต่มัธยม

 

หลังจากเข้าสู่เส้นทางนักวิ่งเต็มตัวได้ 1 ปี เมื่อเข้าสู่รั้วโรงเรียนกีฬากรุงเทพ น่าน ศุภนิชก็ติดทีมชาติชุดเยาวชน ไปแข่งกีฬานักเรียนไทยที่ประเทศเวียดนาม รายการ ผลัด 4*400 เมตร ด้วยอายุแค่ 15 ปี ซึ่งน่านบอกว่า เธอมีความถนัดทั้งการวิ่งระยะ 400 เมตร และ 200 เมตรมาตั้งแต่แรก แต่โอกาสแรกของการติดทีมชาติได้รับเลือกให้แข่งในระยะ 400 เมตรก่อน

 

"ตอนไปแข่งครั้งแรกที่เวียดนามยังเด็กมากค่ะ เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรก ก็ตื่นเต้น ขึ้นเครื่องครั้งแรก มีคนบอกว่าให้ถอยหลังขึ้น จะได้ขึ้นอีกแต่ไม่ได้ทำตามนะ (หัวเราะ)" และแล้ววันนั้นน่านกับทีมผลัด 4*400 ก็กลับมาพร้อมเหรียญเงิน

 

นับเป็นก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามในการเปิดตัว และทำให้น่านได้ติดทีมชาติชุดใหญ่ในปีถัดมา ซึ่งเป็นรายการที่ใหญ่มากก็คือ "เอเชียนเกมส์" ครั้งนั้นจัดที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2014

 

"ตอนนั้นยังไม่ได้ดีใจมากเท่าไหร่ แต่คนรอบตัวดีใจมาก ส่วนเรามึนไปเลย เพราะไม่ได้คาดหวังจะติด ซึ่งก็ได้ไปแข่ง 4*400 ไปเป็นสำรอง" น่านเล่าประสบการณ์ในทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกของเธอ แม้จะเริ่มจากการเป็น สำรอง แต่ก็เป็นก้าวสำคัญของประสบการณ์ ซึ่งทำให้ได้เป็นตัวจริงในการแข่งซีเกมส์ที่จัดต่อในปีถัดมา

 

 

 

ชุดแข่งอุปสรรคการวิ่งของ "น่าน"

 

และแล้วโอกาสในการเป็นตัวจริงก็มาถึง น่าน ศุภนิช ในซีเกมส์ 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์ ในรายการเดิม รายการถนัด 4*400 เมตร นอกจากความภูมิใจแล้ว ก็มีความตื่นเต้นผสมอยู่ด้วย รวมถึงความเขินกับชุดแข่ง ซึ่งตามปกติแล้วนักวิ่งหญิงจะต้องสวมสปอร์ตบราและกางเกงขาสั้นที่คล้ายกับบิกินี่ ซึ่งไม่ค่อยสัมพันธ์กับบุคลิกสาวห้าวของน่าน

 

และที่สำคัญการแข่งในนามทีมชาติครั้งแรกของน่าน ยังได้รับบทไม้แรก ซึ่งจะต้องแบกรับความกดดันไว้มากที่สุดในทีม เพราะต้องออกตัวจากบล็อกสตาร์ท หากเสียสมาธิและออกตัวพลาดก็จะทำให้แพ้ฟาล์วทั้งทีมได้ แต่น่านก็ตั้งสมาธิและกระตุ้นความฮึกเหิมในตัวเอง จนก้าวข้ามทุกความรู้สึกไปได้

 

"วิ่งไม้แรกเลยค่ะ ตื่นเต้นมาก โดยเฉพาะชุด ที่ต้องใส่เหมือนกางเกงในกับสปอร์ตบรา เราก็เขิน แต่ในใจก็คิดว่า คนอื่นก็ใส่เหมือนกัน เขาไม่เห็นเขิน เราต้องทำได้ แล้วก็ทำได้ดีตามที่ตั้งใจ ได้เหรียญเงินกลับมา" จากนั้นน่านได้เป็นตัวจริงของทีมชาติไทยอีกหลายครั้ง ความเขินทั้งหมดก็ถูกแทนที่ด้วยความมั่นใจในพลังของตัวเอง

 

กระทั่งเข้าสู่ปีที่สิบของการรับใช้ชาติ น่านได้รับโอกาสอีกครั้งในซีเกมส์ครั้งล่าสุด ที่ฮานอย การแข่งขันที่ภูมิใจมากที่สุดของเธอ "ลง 4 รายการ ได้เหรียญทุกรายการ ตอนแรกที่ได้รับเลือกก็กังวลกลัวจะทำได้ไม่ดี และเป็นการแข่งร้อยเมตรครั้งแรก ดีใจมากที่ทำได้ดี"

 

น่านกลับมาพร้อม 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง โดยเธอโพสต์ภาพและข้อความในอินสตาแกรมส่วนตัวถึงวันแห่งความทรงจำ โดยบอกว่า "ความสำเร็จในวันนี้ มันจะอยู่กับเราตลอดชีวิต ผลลัพธ์ในวันนี้ คือคำตอบของความตั้งใจที่เราทำมาตลอด"

 

 

 

ชีวิตใหม่จากการวิ่ง

 

แม้จะประสบความสำเร็จแค่ไหน แต่นักกีฬาผู้หญิงจะได้รับความสนใจน้อยกว่าผู้ชายเล็กน้อยอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่เฉพาะกรีฑาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับกีฬาแทบทุกชนิด แต่นั่นไม่เคยบั่นทอนความตั้งใจและความฝันของน่าน "ไม่เคยสนใจเลยว่าจะดังหรือไม่ดัง ไม่กดดันตัวเองดี ขอประสบความสำเร็จในแบบของเราดีกว่า"

 

ตั้งแต่เข้าเรียนมัธยมที่โรงเรียนกรีฑากรุงเทพ เข้าสู่การเป็นทีมชาติ น่านเล่าว่าเธอได้รับความเอ็นดูจากทุกคนเสมอ เหมือนเป็นครอบครัวใหม่ "ตอนนี้ก็คืออาชีพเป็นนักกีฬาแล้ว อดทนและภูมิใจ เวลาชนะได้เหรียญมาก็ดีใจกันทุกคนพี่ๆเพื่อนๆที่คอยดูแลกัน เหมือนเป็นครอบครัวใหม่ ครอบครัวที่ใหญ่มาก"

 

ณ วันนี้ น่านกำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่กรุงเทพธนบุรี แต่ก็ยังคงเก็บตัวอยู่กับอาจารย์โถม ยองใย ที่สนามไทยญี่ปุ่นดินแดง สนามซ้อมของโรงเรียนกีฬากรุงเทพฯ โดยยังมีโค้ชโถมครูผู้สร้างนักวิ่งทีมชาติ ดูแลน่านต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้

 

 

ความฝันของน่านในวัย 25 ปี ยังมุ่งมั่นต่อไปในฐานะนักวิ่งทีมชาติไทย และปี 2023 ที่กำลังจะมาถึง จะมีเป้าหมายให้ท้าทายหลายรายการ ทั้งเอเชียนเกมส์ที่หางโจว ประเทศจีน และซีเกมส์ที่กัมพูชา หากได้จัดตามกำหนดการที่ตั้งไว้ จะห่างกันราว 3 เดือน

 

"เอเชียนเกมส์จะมาอีกรอบ กับซีเกมส์ อยากประสบความสำเร็จในแมชต์นี้มาก ตอนนี้กลายเป็นรุ่นพี่ไปแล้ว ถ้ามีโอกาสลงอีก 4 รายการก็พร้อม จะทำให้ดีที่สุด ชีวิตตอนนี้คืออยู่แต่สนามซ้อม ไม่อยากขาดซ้อม ไม่อยากเริ่มใหม่ ชีวิตอยู่กับการวิ่ง และมีความสุขมาก"

 

เส้นทางนักวิ่งของน่าน ศุภนิช เริ่มต้นอย่างสวยงามตั้งแต่ระดับเยาวชน ผ่านการสะสมประสบการณ์ 10 ปี และยังก้าวสู่ปีต่อไป ความมุ่งมั่น ตั้งใจ และวินัยที่เต็มเปี่ยมอยู่เสมอ คือสิ่งที่ชัดเจนที่สุด และทำให้น่านก้าวข้ามผ่านทุกเรื่องราวและอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จได้


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง

La Vie en Rose