29 ธันวาคม 2565
ชื่อของเต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์ เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศในฐานะนักแสดง มีผลงานการแสดงทั้งละครและภาพยนตร์มากมาย นับได้ว่า เป็น 1 ในนักแสดงแถวหน้าของประเทศไทย แต่เต้ยยังมีอีกบทบาทหนึ่งที่ทำได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน นั่นคือการเป็น "นักวิ่ง"
นี่คือเรื่องราวของเต้ย พงศกร ในมุมที่หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อน เป็นเรื่องราวของความมุ่งมั่น ตั้งใจ ในโลกแห่งการวิ่งมาราธอน
ก้าวแรกแห่งการวิ่งของ "เต้ย พงศกร"
ย้อนหลังกลับไปราว 7-8 ปีก่อน "พี่นง" ทนงศักดิ์ ศุภการ อดีตนักแสดง ที่หันเข้าสู่วงการวิ่งเพื่อดูแลสุขภาพ เป็นผู้ชักนำให้เต้ย พงศกร เข้าสู่โลกของการวิ่ง โดยชวนให้ไปร่วมงานวิ่งงานหนึ่งบนสะพานบรมราชชนนี ระยะ10 กิโลเมตร ซึ่งเต้ยที่ยังไม่รู้จักการวิ่งมากนักก็ทำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก
"เริ่มจากพี่นง ทนงศักดิ์ ชวนไปงานวิ่งที่วิ่งบนสะพานบรมฯ ตั้งแต่ประมาณ 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้นวิ่งสิบกิโลฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 14 นาที ทำให้ผมรู้สึกอยากชนะตัวเองเลยในวันนั้น" เต้ยเล่าว่า การวิ่งสิบกิโลเมตรแรกวันนั้นกระตุ้นความรู้สึกอยากเอาชนะตัวเอง ทำให้เริ่มตั้งใจซ้อมวิ่ง
"ผมก็ซ้อมไปเรื่อยๆเลย ซ้อมจนชอบ จนเสพติดการวิ่ง ชอบมาก" พี่นงยังคงชวนเต้ยไปวิ่งแข่งถนนอีกหลายงานหลังจากนั้น ซึ่งการจัดงานวิ่งมีเป็นประจำทุกสัปดาห์
“ตอนนั้นยังเป็นงานวิ่งสิบโล ผมก็ซ้อมเก็บระยะไปเรื่อยๆ ที่สวนลุมฯ บางวันก็วิ่งไกล 15 โล ตอนนั้นยังไม่ได้วิ่งเร็วมาก จนเริ่มเบื่อและอยากไปมาราธอน ได้ยินคนคุยกันเลยอยากลองบ้าง อยากชนะตัวเอง"
มาราธอนแรกของเต้ย และปิศาจกิโลเมตรที่ 32
"มาราธอนแรกของผมไม่ได้นอนเลย" เต้ยเล่าปนหัวเราะถึงมาราธอนแรกของเขา ด้วยอาชีพนักแสดงที่ทำงานหนักและไม่เป็นเวลา ทำให้การพิชิตมาราธอนแรกของเต้ยเจอกับอุปสรรคแรกคือการพักผ่อน และอุปสรรคที่สอง คือ ปีศาลกิโลเมตรที่ 32
"ผมจำได้เลย มาราธอนแรก นั่งแท็กซี่ไป ปล่อยตัวตีหนึ่ง เลิกกองสี่ทุ่ม ไม่ได้นอนเลย ไปวิ่งต่อ งานต้องวิ่งขึ้นสะพานบรมเหมือนกัน ผมตั้งใจซ้อมนะ พี่นงบอกว่ามาราธอนแรกมีครั้งเดียว ก็อยากทำให้ดี ซ้อมให้ถึง เลยซ้อมไป 30 กิโล 2 ครั้ง จะได้ไม่ทรมานมากหลังวิ่งจบ"
เต้ยในมาราธอนแรกจบลงแบบไม่ง่ายนัก แต่เขาก็ทำเวลาได้ดี ที่ราว 4 ชั่วโมง 36 นาที "ก็เจอปีศาจตอนกิโลที่ 32-35 แต่ตอนนั้นก็ตั้งใจอยากเอาชนะร่างกายตัวเองให้ได้ นึกถึงที่ซ้อมมา มีแรงฮึด เลยจบได้ เป็นเรื่องราวที่เราประทับใจ"
จากมาราธอนแรก สู่มาราธอนที่ 2 เต้ยได้ไปแข่งที่โกเบ ประเทศญี่ปุ่น สามารถทำเวลาได้ดีขึ้น สนุกกับการวิ่งมาราธอนในวันนั้นมาก "ผมมีแพสชั่นจากการวิ่งเยอะขึ้นทุกวัน ที่โกเบคือมาราธอนที่ผมประทับใจมาก อยากไปมาราธอนที่ญี่ปุ่นให้หมดทุกสนาม ทุกอย่างดี อากาศ อาหาร กองเชียร์"
ความมุ่งมั่นในฐานะนักวิ่ง
ก่อนมีโควิด ชื่อของเต้ย พงศกร เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะดาราที่ชอบวิ่ง เนื่องจากแพสชั่นทำให้เต้ยตั้งใจซ้อม ซึ่งการจะพัฒนาตัวเองเรื่องความเร็วจะต้องซ้อมวิ่งหลายรูปแบบ ทั้งการวิ่งไกลในสวนปกติเพื่อสะสมระยะทางและความแข็งแรง ร่วมกับการวิ่งเร็วสลับช้าเพื่อเพิ่มความเร็วในสนามลู่ยาง 400 เมตร
นั่นทำให้คนในวงการวิ่งสมัครเล่นได้เจอเต้ยเป็นประจำที่สนามเทพหัสดิน โดยเต้ยจะมาพร้อมกับเพื่อนๆ รวมกลุ่มกันตั้งใจซ้อมวิ่งแบบสม่ำเสมอ จากนั้นเมื่อมีโควิดสนามเทพหัสดินปิด เต้ยและเพื่อนๆ ก็ย้ายมาซ้อมวิ่งที่สนามอินทรีจันทรสถิตย์แทน
"ได้เจอกลุ่มเพื่อนที่ซ้อมด้วยกัน ก็ค่อยๆ พัฒนาไปในทางที่ถูกต้อง วิ่งเร็วขึ้น จนวิ่งฮาล์ฟ 1 ชั่วโมง 27 นาทีได้ คือ มีเพื่อน มีแผนซ้อมจริงจัง เก็บเรื่องความเร็วที่เมื่อก่อนไม่เคยรู้จักมาก่อน ซ้อมแบบนี้มา 3 ปีแล้ว"
ความดังของเต้ยในฐานะนักแสดงถือว่าเป็นแถวหน้าคนหนึ่งของประเทศ เมื่อหลายคนทราบว่าเต้ยไปซ้อมวิ่งที่ไหน ก็จะตามมาดูบ้าง แต่บรรยากาศการซ้อมวิ่งของเต้ยก็ยังมีแต่มวลดีๆ มีแต่ความน่ารัก และเป็นกันเอง ให้เวลาส่วนตัวกับนักแสดงในโลกของการออกกำลังกาย
และเต้ยยังได้เป็นแรงบันดาลใจในการหยิบรองเท้าขึ้นมาวิ่งให้กับใครอีกหลายคน แฟนคลับของเต้ยบางคนเคยเล่าว่า “ตอนแรกมาวิ่งที่นี่เพราะอยากเจอเต้ย ชอบเขามาก เลยมาบ่อย จนตอนนี้หันมาวิ่งแล้ว มาบ่อยกว่าเดิม มีเต้ยเป็นแรงบันดาลใจ”
ส่วนนักวิ่งบางคนที่ไม่ได้สนใจดารามาก แต่ได้เจอเต้ยมาซ้อมวิ่งบ่อยๆ ก็ชื่นชมในวินัยของเขา และเรื่องนี้นับเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของเต้ย พงศกรด้วยเช่นกัน "คนชื่นชมผมในฐานะนักวิ่ง ก็ดีใจ เพราะเราก็ซ้อม และตั้งใจ เพราะการวิ่งคือการซ้อม ต้องทุ่มเท"
ผลลัพธ์ของความตั้งใจ
ก่อนหน้าจะเข้าสู่การวิ่งแบบเต็มตัว สมัยเด็กเต้ยเคยติดเกมออนไลน์มาก จนหันมาเล่นกอล์ฟแบบจริงจัง และตอนนี้เข้าสู่โลกการวิ่งแบบเต็มตัว
"ผมเคยตีกอล์ฟมาก่อน ตอนนี้ก็ยังตีอยู่ กอล์ฟคืองานอดิเรก แต่น้อยกว่าวิ่งเพราะกอล์ฟต้องใช้เวลา ยังรักกอล์ฟเหมือนเดิม เพราะกีฬากอล์ฟทำให้ผมออกจากโลกของการติดเกมออนไลน์ได้"
เต้ย พงศกร ในวันนี้ แบ่งเวลาจากการแสดงมาซ้อมวิ่งอย่างสม่ำเสมอ และลงแข่งวิ่งต่อเนื่อง จนได้ถ้วยรางวัลจากการวิ่งเพิ่มขึ้น นับเป็นรางวัลของความตั้งใจและทุ่มเท
โดยในงานวิ่ง META : Time : Trials BANGKOK งานวิ่งระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2565 เต้ยได้ร่วมแข่งในงานนี้ด้วยเช่นกัน
นี่คือการประชันกันของเหล่านักวิ่งระดับอาเซียน และทีมชาติไทยหลายคน ทั้งโทนี่ เพนย์ และอาทิตย์ โสดา โดยมีเต้ยร่วมเป็นหนึ่งในอีลีทชายของงาน เต้ยทำเวลาได้ที่ 41:05 นาที นับเป็นความเร็วที่ไม่ธรรมดา และสะท้อนว่ามีการซ้อมมาเต็มที่ ซึ่ง 41 นาทีนั้นทำให้เต้ยรั้งอันดับที่ 16 ของกลุ่มอีลีทชายในงานนี้
หลังจากนั้น ที่งานกู๊ดกายรัน 2022 เต้ยร่วมวิ่งระยะ 13 กิโลเมตร ผ่ากลางเมืองขึ้นสะพานพระราม 8 เข้าเส้นชัยอันดับ 3 ของนักวิ่งชายทั้งหมด ซึ่งย้อนไปก่อนหน้านั้น 2 เดือน เต้ยก็เพิ่งจะร่วมแข่งงานสระบุรีลอยฟ้า 2022 เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 6 ของกลุ่มนักวิ่งชายทั้งหมดด้วยเช่นกัน
แต่เต้ยบอกว่า เป้าหมายของเขาคือการวิ่งให้เร็วขึ้นอีก "อยากวิ่งสิบกิโลต่ำกว่า 40 นาที แพสชั่นผมคือชนะตัวเอง มีเป้าของตัวเอง แข่งแต่ละงานผมจะคิดตลอดว่าอยากทำได้กี่นาที" สิ่งที่เต้ยเล่าในวันนี้ สะท้อนแพสชั่นในโลกแห่งการวิ่งของเขา ซึ่งยังเต็มเปี่ยมและมุ่งสู่เป้าหมายต่อไป
มุ่งสู่มาราธอนเมเจอร์
ในตอนนี้เต้ย พงศกร ได้รวมกลุ่มกับเพื่อนตั้งทีมวิ่งชื่อ NFB Runner รวมกลุ่มกันซ้อมและรวมตัวกันไปแข่งวิ่ง โดย NFBF นั้น ย่อมาจาก Not Fast But Fabulous ความหมายที่ถ่อมตัวแต่ขี้เล่นว่า นี่คือทีมที่ไม่ได้วิ่งเร็วแต่มีความเหลือเชื่อ
นักวิ่งในทีมนี้มีทั้งขาแรงและคนหน้าตาดี โดยเต้ยฝากให้ติดตามอินสตาแกรมของทีมได้ที่ @NFBFRunner "ในอินสตาแกรมนี้ ก็จะได้เห็นผมกับเพื่อนๆ และเห็นผมที่ไม่ใช่บทบาทของดารานักแสดง แต่เป็นบทบาทของการเป็นนักวิ่ง"
ส่วนเป้าหมายต่อไปของเต้ยนอกจากพัฒนาเรื่องความเร็วแล้ว เขายังปักหมุดตัวเองไว้ที่งานเวิล์ดมาราธอนเมเจอร์ เป้าหมายของนักวิ่งสมัครเล่นทั่วโลก ซึ่งเต้ยวางเป้าหมายไว้ที่ชิคาโกมาราธอน
"เล็งมาราธอนต่อไป เวิลด์เมเจอร์ เล็งชิคาโกไว้ ต้องทุ่มเท ผมพูดได้เลยร้อยเปอร์เซนต์ว่าซ้อมมาราธอนเหนื่อยมาก เหนื่อยกว่าวิ่งจริง แต่ผมก็ยังไม่หมดแพสชั่นกับมัน"
จากวันแรกสู่ปัจจุบัน เต้ย พงศกร ได้พิสูจน์ตัวเองในทุกบทบาท นี่คือนักแสดงที่มีผลงานสม่ำเสมอ และนี่คือนักวิ่งสมัครเล่นที่มีวินัย บทบาทที่ไม่สามารถสำเร็จได้หากไม่มีความมุ่งมั่น เต้ยในวันนี้ยังคงเดินต่อไปในทั้งสองเส้นทาง และได้กลายเป็นพลังให้หลายคนหันมาออกกำลังกาย
TAG ที่เกี่ยวข้อง