stadium

ระเบียบวินัยสร้างความสำเร็จ เส้นทางลูกขนไก่ เบญญาภา ​เอี่ยมสอาด​

27 ธันวาคม 2565

ในรอบปีที่ผ่านมา การจับคู่กันของสองพี่น้องจากบ้านเอี่ยมสอาด “อันนา” นันทน์กาญจน์ คนพี่ กับ “มูนา” เบญญาภา คนน้อง ทั้งสองได้สร้างผลงานร้อนแรงแบบเหนือความคาดหมาย ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในระดับ เวิลด์ ทัวร์มากถึง 6 รายการ หนึ่งในนั้นคือเวิลด์ ทัวร์​ไฟนอลส์ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ก่อนจะจบปีด้วยการคว้าแชมป์ทั้งหมด 3 รายการ พร้อมทำอันดับโลกขึ้นมาอยู่ที่ 11​ ของโลก

 

เบื้องหลังการจับคู่สุดแสนลงตัว มาจากตัวตนที่แตกต่างกัน เรื่องราวในวันนี้เราจะพาไปพูดคุยทำความรู้จักคนน้องอย่าง “มูนา” เบญญาภา วัย 20 ปี ที่แม้ว่าลีลาในคอร์ทจะดูดุดันแบบไม่เกรงใจใคร แต่นอกคอร์ทนั้นสุดแสนทะเล้นสมวัย และยังแฝงไปด้วยทัศนคติอันน่าสนใจอีกด้วย ไปทำความรู้จักเธอคนนี้ไปพร้อมกับ StadiumTH 

 

 

จากเด็กเก็บลูกขนไก่สู่ดาวดวงใหม่ของวงการ

 

ช่วงวัยเด็กของมูนา คงไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวทั่วไปที่เห็นอะไรก็ให้ความสนใจทั้งสิ้น หนึ่งในกิจกรรมที่เธอพยายามจับจ้องเป็นพิเศษคือกีฬาแบดมินตัน เพราะด้วยความที่พี่สาวร่วมสายเลือดของเธอเป็นนักแบดมินตันประจำโรงเรียนอยู่แล้ว​ทำให้ความกระสันอยากที่จะลิ้มลองความรู้สึกของการตีลูกขนไก่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

 

“หนูเล่นแบดฯ ตามพี่สาว” เธอเท้าความถึงจุดเริ่มต้นด้วยรอยยิ้มแบบเขินๆ ก่อนจะเล่าต่อว่า

 

“เห็นพี่เล่นก็ขอเล่นด้วย แต่ว่าโค้ชของโรงเรียนมองว่าหนูไม่มีพื้นฐานของแบดฯ เลย จึงให้ไปเริ่มจากการเก็บลูกในเวลาที่เขาซ้อมกัน เอาจริงๆ หนูก็ไม่ได้ชอบอะไรมากเป็นพิเศษขนาดนั้น แต่ด้วยความที่เห็นพี่เล่นประจำก็เลยอยากลองบ้าง แต่พอหลังจากนั้นเหมือนได้ลงแข่งเรื่อยๆ เราได้เรียนรู้ในการแพ้ชนะ แล้วคุณพ่อก็อยากให้เข้าลงแข่งขันแบบจริงจัง ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการแบดมินตันเต็มตัวในวัย 11 ปี” 

 

“ช่วงแรกๆตอน อายุ 4-11 ปี​หนูไม่มีรางวัลอะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย มันก็มีท้อบ้างจนรู้สึกว่าหรือมันอาจจะไม่ใช่กีฬาที่เหมาะกับเรา”

 

 

 

มูนา บอกต่อว่า ด้วยความที่เธอเป็นเด็กที่หลงใหลในเกมกีฬาไม่ว่าจะวิ่งแข่งหรือวอลเลย์บอลเธอสัมผัสมาแล้วแทบทั้งสิ้น แต่ทว่าแบดมินตันได้กลายมาเป็นกีฬาหลักทั้งที่ไม่เคยคิดจะจริงจังทั้งยังถอดใจไปแล้วเสียด้วยซ้ำ แต่ทางครอบครัวเอี่ยมสอาดมองว่าเด็กหญิงมูนาในวันนั้นจะกลายมาเป็นแชมป์แบดมินตันในวันนี้

 

“ทางครอบครัวค่อนข้างจะเคร่งครัดมากๆ ในการฝึกซ้อมอย่างเช่นเมื่อก่อนที่คุณพ่อมักจะให้หนูตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อลุกขึ้นมาซ้อมพอตกเย็นก็ซ้อมอีก ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องปกติของนักกีฬาทั่วไป แต่สำหรับหนูแล้วมันรู้สึกว่าเหนื่อย ต้องบอกว่าคุณพ่อจริงจังกับการฝึกซ้อมของเรามากๆ ถ้าทำไม่ได้หรือทำไม่ดีท่านก็จะดุตลอด แรกๆ ก็กลัวแต่หนูรู้นิสัยของท่านดีว่าเป็นคนอย่างไร ซึ่งท่านเองจะไม่มาตีกรอบว่าจะต้องทำแบบนั้นแบบนี้ ค่อนข้างให้อิสระทางความคิด ยกเว้นเรื่องระเบียบวินัยท่านจะเคร่งครัดมากๆ ก็อาจจะเพราะว่าคุณพ่อเป็นทหารด้วยจึงทำให้เป็นแบบนั้นซึ่งมันก็เป็นผลดีกับตัวหนูเอง”

 

จากการเคี้ยวกรำของคุณพ่อ ทำให้มูนากลายมาเป็นนักกีฬาแบดมินตันในระดับเยาวชนได้สำเร็จ เธอผ่านเวทีการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยวมาโชกโชน แพ้บ้างชนะบ้าง กระทั่งท้ายที่สุดเธอก็เข้าไปสู่การดูแลของทางสมาคมฯ อย่างเต็มตัว

 

“ก่อนหน้าที่จะลงทำการแข่งขันในประเภทคู่ ในช่วงของการเป็นเยาวชนหนูเล่นมาหมดแล้วทุกประเภททั้งเดี่ยวและคู่หรือแม้แต่คู่ผสม ซึ่งทางสมาคมฯ ได้ให้โอกาสเนื่องจากมองเห็นว่าหนูมีความสามารถ แต่ในช่วงแรกยังไม่ได้เข้ามาอยู่กับทางสมาคมฯ แบบเต็มตัว ยังเป็นนักกีฬาฟาร์มมิ่ง หมายถึงตัวเราอยู่ที่สโมสรต้นสังกัด แต่การแข่งขันในต่างประเทศจะเป็นสมาคมฯ ที่ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ในช่วงแรกคุณพ่อท่านไม่ค่อยเต็มใจให้มาอยู่แบบเต็มตัว แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้วมันมองเห็นลู่ทางดูมีอนาคต จึงตกลงกันได้ ตอนนั้นหนูอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติมากๆ คุณพ่อก็เลยโอเคกับตรงนี้”

 

 

เรียนรู้จากรุ่นพี่ในทีมชาติ

 

ภายหลังจากก้าวสู่การทีมชาติสมใจ ทำให้เธอต้องรักษาระเบียบวินัยและความรับผิดชอบเพิ่มสูงขึ้น เพราะการก้าวขึ้นมาสู่นักแบดมินตันทีมชาติเธอจะทำเป็นทีเล่นทีจริงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จำเป็นต้องรีดความสามารถออกมาให้ดีที่สุดโดยได้รับคำแนะนำที่ดีจากพี่สาวร่วมสายเลือด

 

“สำหรับการที่หนูต้องเดินตามรอยของพี่สาวจะรู้ตัวเองเสมอว่าเราสามารถทำได้ในระดับไหน ฝีมือมีเท่าไหร่ มันเลยไม่เป็นการกดดันตัวเองเพียงแค่พยายามทำในสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้และต้องทำมันให้ดีที่สุด เพราะหนูรู้ตัวเองเสมอว่าเมื่อก่อนเป็นเด็กผู้หญิงที่ดื้อพอตัว เกเร โดดเรียนและเป็นคนที่ชอบคิดนอกกรอบ แต่พอมารู้จักกับแบดมินตันมันทำให้ต้องปรับเปลี่ยนความคิดและนิสัยเหล่านั้นไป ต้องรับผิดชอบตัวตัวเองมากขึ้นเพราะต้องซ้อมและอยู่ในระเบียบวินัย”

 

มูนา บอกต่อว่า ช่วงที่เข้ามาเก็บตัวใหม่ๆ ความรู้สึกที่เธอมีต่อรุ่นพี่ในทีมชาติว่าค่อนข้างที่จะซีเรียสและจริงจังกับการซ้อม สร้างความประหลาดใจก่อนฉุกคิดได้ว่าเธอเองก็ต้องทำงานให้หนัก ยกระดับตัวเองให้ได้เพื่อโอกาสในการประสบความสำเร็จบนเส้นทางแบดมินตัน

 

 

พี่น้องสองสาวที่รู้ใจ

 

มูนา ยอมรับว่า เธอโชคดีมากที่ได้อันนาพี่สาวแท้ๆ มาเป็นคู่หู เพราะนอกจากจะรับบทพี่สาวที่แสนดีแล้ว ยังคอยช่วยดึงสติของเธอให้กลับมาในเวลาที่หลุดลอย การที่มีอันนาอยู่เคียงข้างและพยายามทำให้มีสมาธิในการแข่งขันอยู่เสมอ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ก้าวขึ้นไปสู่ทำเนียบแชมป์เปี้ยน

 

“การเล่นเดี่ยวมันต้องตีคนเดียวทั้งคอร์ท ถามว่าไหวมั้ยแน่นอนว่าไหว แต่ถ้าเป็นแบบคู่ล่ะซึ่งตรงนี้คิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่จะมีคนมาช่วยกันเล่น ช่วยกันคิดและประสบความสำเร็จไปด้วยกันถึงจะแพ้เราก็ไม่ได้แพ้คนเดียวแต่ในทางกลับกันในวันที่เราชนะคู่ของเราก็จะชนะไปด้วยกันพูดง่ายๆ คือหนูอยากประสบความสำเร็จไปพร้อมกับพี่สาว”

 

นั่นเป็นเรื่องของในสนาม แต่เมื่อถอดยูนิฟอร์มนักกีฬาออกไปแล้วทั้งคู่แทบจะนับคำพูดกันได้ มูนายอมรับว่าเธอและอันนาสนทนากันน้อยครั้งมากแต่ด้วยสายสัมพันธ์ที่เกี่ยวดองทางสายเลือด คำพูดจึงไม่ใช่สิ่งจำเป็นแค่มองตาก็ดูออกแล้วว่าคิดอะไร

 

 

“เราไม่เคยคุยอะไรที่จริงจังกันเลย มีบ้างที่เวลานั่งกินข้าวด้วยกันแต่ก็จะคุยแค่เรื่องทั่วไป อาจเป็นเพราะเราสนิทกันมากมันจึงเป็นความรู้สึกที่ว่าเราทั้งคู่สามารถช่วยเหลือกันทั้งในและนอกสนามแข่งขันได้ ถ้าหากเป็นในบางคู่ที่พี่น้องลงแข่งด้วยกันหลายคนอาจจะมองว่าต้องทะเลาะกัน แต่สำหรับเรามันไม่ใช่ ไม่มีเรื่องของการแตกแยก เราต่างช่วยกันเล่น เชื่อใจกัน ซึ่งพี่สาวจะคอยแนะนำ และช่วยดึงสติให้หับหนูอยู่เสมอ”

 

มูนา เพิ่มเติมว่า เป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนไปได้ตามกาลเวลา ในเมื่อเราสามารถประสบความสำเร็จในครั้งหนึ่งแล้วก็เป็นธรรมดาที่จะมองเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ตัวอย่างเช่นการได้แชมป์ในบางรายการซึ่งเธอมองว่านั่นไม่ใช่รายการใหญ่ยังไม่สามารถวัดความสำเร็จของตัวเธอเองได้ เพียงแต่เป็นการวัดศักยภาพของตัวเองเท่านั้นว่าพร้อมที่จะลงแข่งขันในรายการใหญ่หรือไม่ โดยที่เป้าหมายสูงสุดของมูนาคือต้องไปโอลิมปิกและคว้าเหรียญรางวัลมาให้จงได้เพราะนั่นคือความฝันของนักกีฬาทุกคน

 

จากเด็กผู้หญิงหัวดื้อในอดีตสู่การเป็นนักกีฬาแบดมินตันดาวโรจน์ความหวังใหม่ของทีมชาติไทย คงไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่าเธอจะสามารถทำเป้าหมายในชีวิตได้สำเร็จหรือไม่ สิ่งเดียวที่จะชี้วัดคำตอบนั้นได้คือความพยายามที่มูนากำลังทำให้เห็นว่าเธอพร้อมแล้วกับการก้าวขึ้นไปท้าชนมืออันดับต้นของโลก


stadium

author

จิรวัฒน์ จามะรี

StadiumTH Content Creator

โฆษณา