stadium

‘นุศรา ต้อมคำ’ กับความเชื่อมั่นต่ออนาคตวอลเลย์บอลไทย

22 พฤศจิกายน 2565

แฟนๆ กีฬาวอลเลย์บอลคงไม่มีใครปฏิเสธว่า 'นุชศรา ต้อมคำ'  คือมือเซตที่ดีที่สุดของทัพนักตบลูกยางสาวไทย ด้วยความที่เธอมีไหวพริบในการตั้งบอลเข้าขั้นอัจฉริยะคอยควบคุมทิศทางของลูกยางเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมตบทำคะแนน ทั้งยังการันตีความเก่งกาจด้วยการก้าวขึ้นไปสู่อันดับ 1 ของตำแหน่งตัวเซตของโลกมาแล้ว

นุศราโลดแล่นในเส้นทางวอลเลย์บอลมากว่า 20 ปี ทั้งในสีเสื้อทีมชาติและสโมสรต้นสังกัด ความสำเร็จมากมายที่เธอได้รับล้วนมาจากการฝึกฝนที่เข้มข้นและระเบียบวินัยที่เป็นของใจหลักของนักกีฬาพึงมี องค์ประกอบเหล่านี้หล่อหลอมให้เธอเติบโตขึ้นจนการเป็น 'ซุป'ตาร์' ในวงการวอลเลย์บอล 

 

 

จุดเริ่มต้นของมือเซตระดับโลก

การก้าวขึ้นมาสู่เบอร์หนึ่งโลกในตำแหน่งเซตเตอร์ จุดเริ่มต้นนั้นมาจากเด็กหญิงที่ไม่คิดจะเอาจริงเอาจังกับลูกวอลเลย์ หวังเพียงเพื่อความสนุกตามประสาเด็กผู้หญิงและมีพี่สาวเป็นแบบอย่าง นุศราจึงถูกดูดเข้าสู่วงโคจรวอลเลย์บอลไปโดยปริยาย

"ในช่วงป.3-ป.4 ทางโรงเรียนก็ทำการส่งเด็กออกไปแข่งนอกโรงเรียน ผู้หญิงก็วอลเลย์ส่วนผู้ชายก็ฟุตบอล มันเลยทำให้เราอยากที่จะลองเล่นดูโดยที่ไม่คิดว่าจะจริงจังกับมันคือพูดง่ายเห็นเพื่อนเล่นเราก็อยากเล่นซึ่งตอนที่เริ่มเราก็เป็นตัวเซ็ตมาตั้งแต่นั้นเลย เมื่อก่อนเขาไม่เรียกว่าตัวเซ็ตแต่เรียกว่าตัวตั้งแล้วมันก็ไม่มีใครอยากเล่นตำแหน่งนี้เพราะมันไม่ได้ทำแต้มแต่จะได้เล่นกับบอลเยอะกว่าคนอื่นๆ เราก็เลยเอาก็เอาเป็นตัวตั้งบอลก็ได้" 

แม้จะเป็นช่วงวัยเด็กที่ทักษะลูกยางยังไม่แก่กล้า แต่ทว่าการฝึกซ้อมและประสบการณ์จากการแข่งขันทำให้เธอพัฒนาฝีมือไปได้ไกลขึ้น จากเด็กหญิงที่ทักษะฝีมือยังไม่เข้าขั้นเทพสู่การเป็นมือเซตตัวหลักทีมชาติไทย

"มันรู้สึกตื่นเต้นมากที่มีชื่อติดทีมชาติเพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยทำการแข่งขันในรายการใหญ่มาก่อน การเริ่มต้นจากชุดยุวชนทีมชาติและไปได้อันดับที่สองของเอเชียมาด้วยมันก็เลยทำให้เรามีกำลังใจที่จะเล่นต่อและเป็นจังหวะเดียวกับที่พวกนักกีฬารุ่นพี่เขาเลิกเล่นเราก็เลยมีโอกาสได้ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่”

 

นุศราบอกต่อว่า การได้รับโอกาสในการติดทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติสำหรับเธอคือสิ่งที่ยากจะปฏิเสธ เพราะคำว่าโอกาสสำหรับเธอแทบจะไม่มีมาให้ได้ยินบ่อยนักและเมื่อมาถึงนุศราจึงรีบคว้าไว้ไม่ให้หลุดมือ รายการวอลเลย์บอล เวิลด์ กรังด์ปีซ์ 2003 คือรายการแรกที่เธอมีโอกาสได้สัมผัสเสมือนเวทีแรกในนามชุดใหญ่ที่นุศรามีโอกาสได้ปล่อยของ

 

กระทั่งท้ายที่สุด นุศรากลายมาเป็นตัวหลักในนามทีมชาติก่อนที่แววฉกาจจะไปเตะตาบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในลีกอาชีพต่างแดนต่างจ้องตาเป็นมันหวังกระชากตัวไปร่วมทีม ทั้งลีกอาเซอร์ไบจาน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี ล้วนแล้วแต่ผ่านมือนุศราทั้งสิ้น ประสบการณ์จากลีกต่างประเทศทำให้นุศราพัฒนาฝีมือขึ้นอย่างมากและมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมวอลเลย์บอลยหญิงไทยสร้างชื่อกระฉ่อนโลก

 

 

จากแชมป์เอเชียสู่โอลิมปิกที่ยังไม่เคยสัมผัส

 

นุศราใช้เวลา 7 ปีก็สามารถพาทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยผงาดคว้าแชมป์เอเชียมาครองได้สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่ทัพนักตบลูกยางหญิงไทยทำได้ เธอบอกว่าการก้าวขึ้นสู่ทำเนียบแชมป์เปี้ยนนี้เปี่ยมไปด้วยความยินดีปนมึนงงเพราะทุกคนในทีมไม่คาดหวังว่าจะฝ่าอุปสรรคจากบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในวงการวอลเลย์บอลเอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ เธอบอกว่านี่คือจุดเปลี่ยนของวอลเลย์บอลไทย

 

“ในตอนนั้นเราต้องไต่เต้าจากระดับล่างจริงๆ ไม่คิดว่าจะขึ้นมาเทียบชั้นกับพวกทีมใหญ่ๆ ได้เลยเพราะพวกเขาแข็งแกร่งมาก มาตรฐานสูงกว่าเราแต่พอได้แชมป์มันก็เลยทำให้ดีใจมากๆ เพราะก่อนแข่งพวกเราหวังไว้แค่ติด 1 ใน 10 ก็ดีใจมากแล้วไม่คิดว่าจะมาไกลถึงการเป็นแชมป์ในตอนนั้นทุกคนยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เลยแม้ตอนที่นั่งเครื่องบินกลับมาไทยยังพูดกันเลยว่าเป็นไปได้ยังไง ซึ่งมันก็เป็นความทรงจำที่ดีและเริ่มที่จะเรียนรู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไป”

 

การได้แชมป์แรกมาครองทำให้นุศรามีความมั่นใจมากขึ้น เธอยอมรับว่ามันคือความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของวงการวอลเลย์บอลเมืองไทยกับการที่หาญกล้าท้าทายมหาอำนาจลูกยางอย่างทีมชาติจีนนำพามาซึ่งชัยชนะที่ทุกคนในทีมต่างภาคภูมิใจเป็นที่สุด

 

 

“ชัยชนะครั้งนั้นมันเหมือนเป็นการเปลี่ยนไมด์เซตของพวก้ราไปเลย ต่อให้เราแพ้มาแล้ว 30 ครั้งแต่การชนะเขาได้ครั้งเดียวมันมีความสำคัญมากๆ กับพวกเรา จากที่คิดมาตลอดว่ายังไงก็ไม่มีวันชนะได้ แต่พอเราทำได้มันก็เป็นเหมือนการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง เราชนะจีนได้แล้วทีมอื่นทำไมเราจะเอาชนะไม่ได้มันก็เลยกลายเป็นว่า เฮ้ย! เสร็จเราแน่เราต้องทำได้”

 

แม้ว่านุศราจะพาทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยตะเวนแข่งขันไปทั่วทิศทั่วแดนของโลก แต่มีเพียงรายการเดียวที่เธอยังไม่เคยสัมผัสสักครั้งในชีวิตนั่นคือ ‘โอลิมปิก’ มหกรรมกีฬาที่เสมือนจุดสุงสูดของคนกีฬา

 

“ก่อนที่เราจะเลิกเล่นให้ทีมชาติไทยได้คุยกันว่า เราอยากจะไปถือธงชาติไทยในกีฬาโอลิมปิกสักครั้งเพื่อเป็นเกียรติให้กับชีวิต แต่ว่ารายการนี้จะจัดขึ้น 4 ปีต่อ 1 ครั้งจึงทำให้รายการต่างๆ ที่เราลงแข่งขันมันมีความสำคัญเพราะเราไม่ได้พุ่งเป้าไปที่โอลิมปิกเพียงอย่างเดียวมันจะไม่มีรวามหมายเลยถ้าตั้งเป้าหมายไว้เพียงอย่างเดียวต้องค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งพวกเราก็ตั้งความหวังว่าจะไปโอลิมปิกในทุกปีแต่ก็ทำได้แค่เฉียด ถามว่าผิดหวังมั้ยคือมันผิดหวังจนชินไปแล้วก็ได้แต่มาค่อยให้กำลังใจกันว่าถ้าเราสู้ก็จะสู้ด้วยกันถ้าไม่ได้ก็คือมันไม่ได้จริงๆ เพราะทำเต็มที่แล้ว”

 

 

ความเชื่อมันที่มีต่อทีมยุคใหม่

 

จากประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมมานานกว่า 20 ปีทั้งจากในและนอกประเทศ ทำให้นุศราถ่ายทอดมุมมองต่อวงการวอลเลย์บอลหญิงไทยในยุคปัจจุบันออกมาได่อย่างน่าสนใจ เธอบอกว่าเด็กรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยชุดนี้มีศักยภาพเหลือล้น มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดและเป็นความหวังใหม่ของวงการวอลเลย์บอลไทย

 

“เอาจริงๆ เรามองว่าเด็กพวกนี้เก่งกว่าด้วยซ้ำ พวกเขามีศักยภาพมากกว่าที่เราเห็นในจอทีวีเพียงแต่ว่ายังหาหัวใจหลักยังไม่เจอ แต่ถ้าเด็กพวกนี้ยังมีการร่วมตัวกันทำกานแข่งขันอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปีประสบการณ์ตรงนั้นจะช่วยให้ก้าวขึ้นไปเป็นทีมวอลเลย์บอลหญิงระดับโลกได้เอง”

 

เสียงชื่นชมของนักตบระดับตำนานอย่างนุศราที่สะท้อนให้เห็นว่า เด็กรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชาติสามารถทดแทนรุ่นเก๋าได้อย่างไร้ที่ติ นั่นไม่ใช่คำเยินยอหลอกล่อให้ได้ใจแต่มันคือสิ่งที่นุศราได้เห็นผ่านสายตาของเซตเตอร์เบอร์หนึ่งโลก เธอเชื่อว่าทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยยุคนี้จะนำความสำเร็จมาสู่แวดวงกีฬาไม่ใช่เพียงวอลเลย์บอลแต่จะเป็นหน้าเป็นตาให้ทั้งประเทศ

 

“ด้วยความที่เรายังเล่นทันเด็กชุดนี้ ทำให้มองเห็นพัฒนาการของพวกเขาจากที่ตอนแรกดูเหมือนจะเกร็งๆ ด้วยความที่เราเล่นเป็นตัวเซตก็อยากเห็นน้องๆ แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ในสนามแข่งขันเราจะบอกน้องตลอดว่าต้องกล้าเล่นนะไม่ต้องเกร็งไม่มีคำว่าพี่น้องทุกคนเท่ากันหมดซึ่งทั้งหมดก็เพื่อให้พวกเขาผ่อนคลายไม่เครียด ไม่เกร็ง ส่วนในสนามเราก็ทำตัวให้เหมือนเป็นพี่เป็นเพื่อนเป็นน้องและเป็นเหมือนโค้ชคอยสอนพวกเขาด้วยก็เลยทำให้เด็กพวกนั้นทำผลงานออกมาดี”

 

นุศราเสริมด้วยว่า กำลังใจคือสิ่งสำคัญต่อให้ล้มนับพันครั้งก็ขอให้ลุกขึ้นยืนต่อไปให้ได้ด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง พึงระลึกเสมอว่าธงชาติไทยประดับไว้ที่หน้าอกของให้ทำให้ทะลุขีดความสามารถ เธอเชื่อมั่นทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยชุดปัจจุบันนี้เป็นที่สุด


stadium

author

จิรวัฒน์ จามะรี

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose