stadium

เกมแรกของเชียงรายในเอซีแอล2020กำลังบอกอะไรเรา?

11 กุมภาพันธ์ 2563

เกมแรกของเชียงรายในเอซีแอล2020กำลังบอกอะไรเรา?

 

   “ประเดิมด้วยความพ่ายแพ้แบบสู้ได้” คือประโยคที่เป็นทั้งบทสรุปและยังถือเป็นเฮดไลน์ในแมตช์แรกบนเวทีชิงแชมป์สโมสรทวีปรอบแบ่งกลุ่มหนแรกของ เชียงราย ยูไนเต็ด ตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่จากไทย ถือเป็นสัญญาณการกลับมาสู่โหมดแห่งการแข่งขันแบบเอาจริงเอาจังอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

 

   ผมได้มีโอกาสดูเกมนี้ผ่านทางจอตู้ ควบคู่ไปกับการสั่งเครื่องดื่มประเภทปราศจากแอลกอฮอล์กับพี่ๆน้องๆสายบอลไทยหลายท่าน ท่ามกลางบรรยากาศที่แต่ละคนก็ต่างลุ้นให้เชียงรายฯเอาแต้มกลับเมืองไทยมาให้ได้

 

   มันมีอยู่ 1-2 เรื่องในระหว่างที่กำลังนั่งลุ้นนั่งเชียร์กันตามภาษาคนคุ้นเคยที่ชื่นชอบอะไรเหมือนๆกัน หลายคนต่างเห็นไปในทำนองคล้ายๆกันว่า ความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นในแมตช์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเป็นผลพวงมาจากทัศนคติและความคุ้นเคย(ที่ผิด)ของนักเตะไทยซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเอาเสียเลยในเวทีระดับเอเชีย

 

   อย่างแรกเลย คือ จุดโทษยังคงตามหลอกหลอนนักเตะไทย

 

   มีคนเคยบอกเอาไว้ว่านักเตะไทยเคยชินกับการฟาวล์ที่พวกเขาคิดว่ามัน “หยุมหยิม” และกรรมการไทยที่ลงทำหน้าที่ชี้ขาดบอลลีกหรือบอลถ้วยก็ดูจะมองข้ามการฟาวล์ที่ว่านั้นไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในหลายๆครั้ง

 

   จังหวะแบบ 50-50 ที่มันตั้งอยู่บนเส้นบางๆของคำว่า “ดุลพินิจ” ของกรรมการแต่ละท่านซึ่งโดยมากก็มักเลือกที่จะให้ฟาวล์เฉพาะในจังหวะที่มันชัดเจนจริงๆ ซึ่งผิดกับในระดับเอเชียที่เปาส่วนใหญ่ไม่ลังเลที่จะเป่าพร้อมทั้งบอกกับเราว่า “นั่นมันคือฟาวล์ (แบบลากเสียงสูง)”  

 

ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นการฟาวล์หนัก, ฟาวล์หน่อย หรือจะฟาวล์แบบหยุมหยิม หากมันอยู่ในกติกาที่ว่าด้วย Law of The Game ที่ผู้ตัดสินมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะเป่าได้ เขาก็พร้อมพ่นลมลงนกหวีดของเขาโดยอภิรมย์(แบบหมดข้อสงสัย) และจากจุดนี้นี่แหละที่นักเตะไทยดูจะไม่คุ้น แถมยังขัดใจและกลายเป็นระเบิดเวลาที่ทำให้ทีมมักเสียเปรียบคู่แข่งจากการเล่นที่ไม่ละเอียดพอ, จากการทำฟาวล์พร่ำเพรื่อ และจากการเสียใบเหลือง-ใบแดงแบบง่ายๆ

 

   เฉกเช่นเดียวกับการหยุดเล่นทันทีที่มีการปะทะหรือเกิดจังหวะแฮนด์บอล(หรือบอลทูแฮนด์)ที่มักมีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ และนักเตะไทยก็มักมาด้วยการยกมือยกไม้ฟ้องผู้ตัดสิน ซึ่งนั่นอาจเป็นพฤติกรรมที่เคยใช้ได้ผลบนเวทีระดับไทยลีก แต่ในเวทีระดับชิงแชมป์ทวีปแบบนี้ดูจะไม่ได้ผล และไม่สามารถทักให้กรรมการหันมาสนใจในสิ่งที่เรากำลังพยายามสื่อสารเชิงซักถาม-กดดันได้

 

อย่างที่สอง คือ เก่าแต่เก๋าก็เปลี่ยนเกมได้

 

จริงๆแล้วตลอดทั้งเกมหากใครได้รับชมแบบไม่พลาดกันทุกช็อต เชียงรายเองดูจะเป็นทีมที่ทำได้ดีกว่าเจ้าบ้านเสียด้วยซ้ำทั้งการรังสรรค์โอกาสในการเข้าทำ, การยึดพื้นที่แดนกลางในสนาม, เปอร์เซ็นต์การตัดบอล และการสร้างความลำบากให้เจ้าบ้านในการขึ้นเกมจากแดนตัวเองขึ้นมา

 

เพียงแต่จุดที่ทำให้เกิดนี้มีความแตกต่างนั่นคือคำว่า “ประสบการณ์” บนเวทีระดับนี้ซึ่งในรายของเชียงรายฯ มีนักเตะไม่กี่คนที่เคยผ่านการแข่งขันในระดับทวีป  

 

ผิดกับทางฝั่งเมลเบิร์นของโค้ชคาร์ลอส เปเรซ ที่กล้าส่งบรรดาผู้เล่นมากประสบการ์ณอย่างทอยโวเนน, อดามา ตราโอเร่ และมิกเยน บาชาออกสตาร์ทเป็นตัวจริงภายใต้ความเชื่อที่ว่าประสบการ์ณที่นักเตะเหล่านี้เคยค้าแข้งในยุโรปมาหลายสโมสรจะมีภาษีดีกว่าความสดที่หมดไปเพราะวัยที่มากขึ้น(ซึ่งทั้ง 3 คนต่างเลยเลขสามไปแล้วทั้งนั้น)

 

จุดโทษที่เชียงรายฯเสียให้เจ้าบ้านก็เกิดจากจังหวะเข้าทางทอยโวเนนซึ่งมาจากประสบการ์ณของเขา หรือแม้แต่การปั่นป่วนเกมรับของกว่างโซ้งโดยตราโอเร่ จนนักเตะไทยต้องตัดฟาวล์อยู่หลายครั้ง แถมทั้งทอยโวเนนและตราโอเร่เองก็ยังเล่นบท “ดาวยั่ว” ให้ต่อมเดือดของนักเตะไทย(บางคน)หลุดไปในช่วง 20 นาทีสุดท้าย

 

เกมแรกของเชียงรายฯ ในเอซีแอล 2020 กำลังบอกสิ่งที่เรากำลัง “ขาด” หากอยากจะเขยิบตัวเองเข้าไปใกล้กับคำว่าระดับเอเชียมากขึ้นกว่านี้ (เรายังขาดความเข้าใจในกติกาสากล, ยังขาดประสบการณ์บนเวทีระดับสูง และยังคุ้นเคยกับอุปนิสัยที่ผิดเวลาอยู่ในสนาม)

 

คงต้องไปเริ่มแก้กันตั้งแต่ในระดับบอลลีกภายใน หรือแม้แต่การบ่มเพาะนิสัยของนักเตะเยาวชนของเราให้เรียนรู้, ใส่ใจและมีความกล้าที่จะออกไปแสวงหาความท้าทายในลีกที่สูงขึ้นกันมากขึ้น(กล้าที่จะมองเรื่องการพัฒนาสำคัญกว่าค่าตอบแทนและโบนัสที่จะได้รับในแต่ละเดือน)

 

 “แพ้นัดแรกไม่เป็นไร ยังมีอีกห้านัดให้แก้ตัว” ขอให้แมตช์ของเชียงรายแมตช์นี้เป็นตัวจุดประกายสิ่งดีๆใหม่ๆให้เกิดขึ้นกับวงการฟุตบอลลีกบ้านเรา ให้เราได้เรียนรู้, สนใจ และใส่ใจว่าระดับเอเชียเขาเล่นกันยังไง, เป่ากันยังไง แล้วผลกำไรจะไม่ไปไหน แต่มันจะเป็นนักเตะไทยและแฟนบอลชาวไทยที่ได้ไปเต็มๆ


stadium

author

“akinson149” พงศ์รัตน์ วินัยวัฒนวงศ์

Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย

La Vie en Rose