4 พฤศจิกายน 2565
นักกีฬายกน้ำหนักเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก อย่าง “แนน” ศานิกุณ ธนสาร หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ โสภิตา ธนสาร เธอเคยขึ้นสู่จุดสูงสุดมาแล้วในฐานะนักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทย และเคยถึงจุดต่ำสุดกับการโดนโทษแบนห้ามแข่งขันนานถึง 2 ปี ตอนนี้เธอกำลังหาทางกลับมาทวงคืนความสำเร็จอีกครั้ง โดยมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากละครไทยช่วยผ่อนคลายในยามว่าง ติดตามเรื่องราวของเธอได้กับทีมงาน Stadium TH
ฮีโร่ของคนไทยในชั่วข้ามคืน
ช่วงเช้ามืดของของวันที่ 7 สิงหาคม ปี 2016 วันแรกของมหกรรมโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่บราซิล ชีวิตของโสภิตา ธนสาร นักกีฬายกน้ำหนักหญิงทีมชาติไทยเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง หลังเธอสร้างผลงานคว้าเหรียญทองแรกให้กับทัพนักกีฬาไทยในการแข่งขันมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ โดยเธอขับเคี่ยวกับนักกีฬาจากอินโดนีเซียและญี่ปุ่น ก่อนจะคว้าเหรียญทองมาได้ในรุ่นน้ำหนัก 48 กิโลกรัมหญิง แน่นอนว่าเมื่อกลับสู่แผ่นดินบ้านเกิดเธอได้รับการต้อนรับจากคนทั้งประเทศในฐานะฮีโร่ของชาวไทย และสามารถรักษามาตรฐานการแข่งขันได้ในระดับสากลอยู่เสมอ มีผลงานคว้าเหรียญรางวัลจากยกน้ำหนักชิงแชมป์โลกถึง 2 ครั้ง “แนน” ถูกคาดการณ์ว่าจะสารมารถกลับมาสร้างความสำเร็จให้กับสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
จุดเปลี่ยนชีวิตโดนแบน 2 ปี
อย่างที่แฟนกีฬาไทยทราบข่าวกันก่อนหน้านี้ในปี 2018 นักกีฬายกน้ำหนักไทยมีชื่อเกี่ยวข้องกับการตรวจพบสารกระตุ้น ซึ่งที่สุดแล้วบทสรุปจากฝั่งเราชี้แจ้งว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด อย่างไรก็ตามสมาคมกีฬายกน้ำหนักของไทยถูกแบนจากการแข่งขันในระดับนานาชาติถึง 2 ปี ทำให้ในโตเกียว เกมส์ 2020 ไทยต้องพลาดการลุ้นเหรียญรางวัลจากกีฬายกน้ำหนัก ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่คอยสร้างความชื่นใจให้กับคนไทยเป็นประจำ ในส่วนของนักกีฬา ศานิกุณ ธนสาร ก็มีรายชื่ออยู่ในลิสต์ที่ถูกแบน นั่นทำให้เธอขอออกจากแคมป์ยกน้ำหนักทีมชาติไทย เพื่อขอเวลาชั่งใจกับอนาคตของชีวิตต่อไปว่าเส้นทางไหนเหมาะที่สุดแล้วสำหรับตัวเธอ โดย “แนน” หลังจากออกจากแคมป์ทีมชาติเธอได้เปิดร้านอาหารสัตว์ที่จังหวัดปทุมธานี และการที่เธอจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ ทำให้นี่คืออีกความท้าท้ายในชีวิต กับการต่อสู้ในรูปแบบนักธุรกิจ ที่ต้องคิดให้ครบรอบด้านเพื่อดำเนินกิจการไม่ให้ขาดทุน
มีสิ่งที่มันคาใจจึงขอกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง
“มันมีคำถามขึ้นในหัวว่า เราจะไปต่อไหม อายุเยอะกว่านี้จะทำได้ไหม แต่เราไม่อยากเลิกรับใช้ชาติเพราะว่ามีชื่อติดอยู่ในเรื่องการตรวจโด๊ป เราไม่อยากหายไปเพราะเหตุผลแบบนี้” นี่คือคำสัมภาษณ์ของศานิกุณ ในวัย 27 ปี ที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธออยากจะแก้ตัวและขอตั้งหลักใหม่กับการสู้อีกครั้งในนามนักกีฬายกน้ำหนักหญิงทีมชาติไทย
อย่างไรก็ตามในช่วงที่เธอไปทำธุรกิจส่วนตัว ห่างหายจากการเป็นนักกีฬาทีมชาติ สิ่งที่ยากที่สุดในการกลับมานั่นคือเรื่องการควบคุมน้ำหนัก เพราะ 2 ปี ที่ไม่ได้เล่นกีฬาเธอน้ำหนักกระโดดไปถึง 70 กิโลกรัม หรือมากกว่าในช่วงอยู่ที่แคมป์ทีมชาติก่อนหน้านี้ถึง 20 กิโลกรัม
“รู้ตัวดีว่าน้ำหนักมันเกินมามาก แต่พอกลับมาอยู่แคมป์ทีมชาติที่เชียงใหม่ ทุกอย่างก็เหมือนเดิมมีพี่ๆ น้องๆ พาซ้อม พากิน เราก็ควบคุมและค่อยๆ ลดลงมาเรื่อยๆ แบบไม่รีบร้อน เพราะต้องรักษาสภาพร่างกายไม่ให้หักโหมจนเกินไป ตอนนี้น้ำหนักประมาณ 52 กิโลกรัมแล้ว กับการขยับมาแข่งรุ่น 53 กิโลกรัม ถือว่ากำลังพอดี”
ทัวร์นาเมนต์แรกที่อดีตฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกกลับมาลงแข่งก็คือซีเกมส์ ที่เวียดนามเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดย “แนน” ขอแข่งขันแบบไม่กดดันเพราะเธอต้องการเรียกจังหวะ เรียกบรรยากาศเก่าๆ กลับมาเท่านั้น ผลลัพท์ที่ได้เธอพอใจกับเหรียญเงิน พร้อมกับการทุบสถิติท่าสแนชได้สำเร็จอีกด้วย
นอกสนามใช้ละครไทยผ่อนคลายหลังซ้อมหนัก
เมื่อถูกถามว่าชีวิตของเธอชื่นชอบการชมซีรีส์หรือภาพยนตร์ไหม นักกีฬายกน้ำหนักฮีโร่ของไทย ตอบกลับมาแบบเขินๆ ว่า “จริงๆ ไม่ค่อยได้ดูหนังหรือซีรีส์เลย เพราะเป็นนักกีฬาเก็บตัวที่แคมป์มีเวลาที่ค่อนข้างตายตัว และพวกเราก็เหนื่อยจากการซ้อมอยากพักผ่อนกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ล่าสุดติดกันงอมแงมเลยคะ สร้อยสะบันงาของช่อง 3 เพื่อนๆ นักกีฬาหญิงดูกันทั้งแคมป์เพราะชอบน้องนายกับใบเฟิร์น”
ตารางชีวิตนักกีฬาประเภทบุคคลถือว่าการซ้อมการอยู่กับตัวเองเป็นเรื่องปกติและก็ถือว่าเครียดอยู่ไม่น้อยหากวันไหนทำผลงานการซ้อมได้ไม่ค่อยดี ซึ่งโสภิตายังบอกอีกว่า ถ้ามีเวลาว่างหน่อยเธอไม่พลาดกับละครไทยหรือหนังไทยแนวตลกเรียกเสียงหัวเราะ เพราะตลอดทั้งวันเธอยอมรับว่าเครียดและมุ่งมั่นมีสมาธิกับการซ้อมมากทีเดียว
“แนน ชอบพี่มากพระโขนง ดูทีไรขำทุกทีหัวเราะกันตลอดกับทุกมุกในหนังเรื่องนี้ จริงๆ ชอบแนวย้อนยุคด้วยค่ะ บุพเพสันนิวาส แนนก็ไม่พลาดตลกดีละครแนวนี้มันทำให้ผ่อนคลาย เหมือนเราทุ่มเทกับการซ้อมมาทั้งวัน พอมาเจอเรื่องที่เรียกเสียงหัวเราะแบบนี้มันทำให้เรามีความสุขนอนหลับสนิทและพร้อมที่จะตื่นมาซ้อมกันใหม่”
อย่างไรก็ตามแนนบอกว่ามีภาพยนตร์อยู่ 1 เรื่องที่เธอตั้งตารอคอยที่จะเข้าชมในโรงภาพยนตร์นั่นก็คือ อวตาร ภาค 2 (AVATAR 2) ซึ่งเตรียมเข้าโรงฉายในช่วงสิ้นปีนี้ และมันพอดีกับที่เธอจะกลับมาจากการแข่งขันยกน้ำหนักชิงแชมป์โลกที่ประเทศโคลอมเบีย แนนย้ำว่าเธอรอภาคต่อของเรื่องนี้มานานมาก เธอชอบความแฟนตาซีสีสันของตัวละครในเรื่อง ที่ดูแล้วเพลินตาดีมาก และทั้งหมดนี้เราพอจะรู้แล้วว่านักกีฬายกน้ำหนักคนนี้ขอคลายเครียดไปกับอะไรๆ ที่เบาสมองไม่ต้องคิดเยอะ เพราะเวลาที่เธอคิดมันจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนยกลูกเหล็กเป็นร้อยๆ กิโลกรัมเท่านั้น
TAG ที่เกี่ยวข้อง