รู้จัก 3 ดาวรุ่งจาก "พะเยารันเนอร์" ว่าที่แนวหน้าวงการวิ่งถนนเมืองไทย

ช่วงหลายปีมานี้ ต้องยอมรับว่าวงการวิ่งถนนประเทศไทย มีนักวิ่งหน้าเดิมที่วนเวียนอยู่บนโพเดี้ยมทั้งการแข่งในและนอกประเทศ แต่ 2-3 ปีล่าสุดก็เริ่มมีนักวิ่งน้องใหม่เริ่มแย่งพื้นที่บนโพเดี้ยมได้บ้าง ด้วยสถิติที่น่าจับตามอง ในช่วงอายุที่กำลังปั้นได้ และเป็นความหวังว่าอาจจะกลายเป็นนักวิ่งระดับประเทศในอนาคต

ซึ่งน่าสนใจด้วยว่า นักวิ่งน้องใหม่ที่ว่านั้นมาจากทีมวิ่งเดียวกันคือ "พะเยารันเนอร์" และมีโค้ชผู้อยู่เบื้องหลัง คือ "ครูสมบัติ จันทร์ผ่องศรี" อดีตนักวิ่งมาราธอน

รู้จัก "พะเยารันเนอร์" ทีมวิ่งเยาวชนขาแรง

ตามหลักการแล้วช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดสำหรับนักกีฬาที่ร่างกายจะไปถึงจุดพีค และสามารถทำสถิติที่ดีที่สุดได้ จะเริ่มต้นตั้งแต่อายุ 17 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะนักวิ่งทางไกลซึ่งต้องใช้ศักยภาพร่างกายเป็นหลัก ดังนั้น การจะเฟ้นหานักวิ่งเพื่อความเป็นเลิศ สำหรับการแข่งขันระดับประเทศส่วนมาก จึงเริ่มต้นในช่วงเวลานั้น 

สมบัติ จันทร์ผ่องศรี ครูประจำโรงเรียนพะเยาวิทยาคมเป็นโค้ชประจำทีม โดยครูสมบัตินั้นเคยเป็นอดีตนักวิ่งมาราธอน พี่ชายและอดีตโค้ชของครูดิน สถาวร จันทร์ผ่องศรี ตำนานนักวิ่งไทยครูสมบัติเป็นเหมือนแมวมองที่ดึงดูดเด็กๆ ในโรงเรียนพะเยาวิทยาคม และในจังหวัดพะเยา เข้ามาฝึกซ้อมเพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ เริ่มปั้นกันตั้งแต่ ม.1 ทั้งชายและหญิง

"ครูสมบัติจะคอยส่งเสริมทุกคนในทีม ออกโปรแกรมการซ้อมให้ พาไปแข่ง ดูแลใส่ใจทุกอย่าง ไปจนถึงการหาผู้สนับสนุน ครูคอยส่งเสริมผลักดันทุกคนในทีมตลอด" นี่คือคำบอกเล่าจาก ‘ณัฐ’ ณัฐธิดา เถาหน้อย 1 ในนักวิ่งหญิงของทีมเอ่ยถึงครูสมบัติ

"พะเยารันเนอร์" คือทีมวิ่งที่สวมเสื้อลายทางขาวดำเหมือนม้าลาย เป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีล่าสุด ทั้งทางถนนและในสนามลู่ยาง โดยส่วนมากแล้วนักกีฬาในทีมจะเป็นรุ่นเยาวชน อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ค่อยๆ เข้าร่วมในงานวิ่งถนน โดยเฉพาะรายการใหญ่ จนเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการวิ่งในฐานะทีมวิ่งขาแรงที่กวาดถ้วยทุกสนาม 

ในงานวิ่งใดก็ตามที่พะเยารันเนอร์ไป นักวิ่งจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "เด็กพะเยามากวาดถ้วยแล้ว" โดยทีมมีดาวเด่นของหลายคน โดยเฉพาะ เบ้นท์ อภิสิทธิ์ ช้างหิน, ณัฐ ณัฐธิดา เถาหน้อย และ ภู วชิรวิทย์ ธุระสิทธิ์ 3 นักวิ่งที่ทำสถิติได้ดีอย่างต่อเนื่อง

"ภู วชิรวิทย์" เด็ก 17 นักวิ่งไทยแท้ ดาวดวงใหม่การวิ่งถนน

33 นาที 31 วินาที คือความเร็วที่ดีที่สุดในระยะ 10 กิโลเมตร ของ "ภู" วชิรวิทย์ ธุระสิทธิ์ นักวิ่งเด็กไทยแท้ดาวรุ่งจากจังหวัดพะเยา ปัจจุบันน้องภูเพิ่งจะอายุครบ 17 ปีเต็ม และสถิติ 33 นาทีทำได้เมื่อปีที่ผ่านมา เท่ากับว่าตอนนั้น ภู เพิ่งจะอายุ 16 ปีเท่านั้น

"ที่จริงแล้วผมเริ่มวิ่งตั้งแต่อนุบาล สมัยนั้นจะมีงานโรงเรียน ขายบัตรให้เด็กไปวิ่ง 20 บาท ผมก็ไปวิ่งกับเค้า ชนะแล้วได้ขนม แต่มาเริ่มจริงจังตอนเข้า ม.1 คิดว่าวิ่งแล้วสบาย แต่พอจริงจังแล้ว ซ้อมเหนื่อยขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังสนุก" ภูเล่าพร้อมกับหัวเราะ

รูปร่างสูงโปร่ง เป็นจุดเด่นของภู ส่วนความมีวินัยและการฝึกซ้อมที่เข้มข้น ผลักดันให้ทำสถิติได้ดีอย่างต่อเนื่อง ภูเริ่มเปิดตัวในการแข่งวิ่งถนนครั้งแรกในงาน CAT10K ปี 2019 มหกรรมงานวิ่งที่รวมดาวเด่นนักวิ่งขาแรงจากทั่วประเทศไว้ด้วยกัน เพื่อการันตีตำแหน่งการวิ่งที่เร็วที่สุด 100 คนของประเทศไทย

ปีนั้นภูอายุ 14 ปี แจ้งเกิดที่งานนั้นด้วยการเข้าอันดับ 30 ด้วยเวลา 36.40 นาที ความเป็นเด็กทำให้เขาไม่ได้ตื่นเต้นกับการติดอันดับเท่ากับการได้มาเที่ยวกรุงเทพ

"ผมไม่เคยมากรุงเทพเลย ครั้งแรก ตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นทุกอย่าง แต่ก็ดีใจมากที่ติดอันดับ" ภูเล่าย้อนความรู้สึก โดยที่ไม่รู้เลยว่าหลังผ่านวันนั้นไป เขาจะได้ยืนบนจุดสูงสุดของโพเดี้ยมอีกนับครั้งไม่ถ้วน 

ทั้งการแข่งระดับเยาวชนภาค 5 ด้วยผลงานเหรียญทองระยะ 10000 เมตร เหรียญเงินกรีฑาชิงแชมป์มุ่งซีเกมส์ ระยะ 5000 เมตร อันดับ 1 รุ่นอายุ Amazing Thailand Marathon ระยะมินิมาราธอน และอันดับ 2 Overall ที่งานเชียงราย10K

ในตอนนี้ภูยังเป็นเด็กมัธยม และเพิ่งจะอายุครบ 17 ปี และเพิ่งจะเข้าสู่ก้าวแรกของการพัฒนาเพื่อเป็นนักวิ่ง การซ้อมจะเข้มข้นขึ้น แตกต่างจากวัยเด็ก หากยังคงมีวินัยและมุ่งมั่นต่อไป วงการวิ่งไทยอาจได้เห็นสถิติใหม่จากเด็กคนนี้ "ผมอยากทำให้ตัวเองเก่งขึ้น พัฒนา ทำสถิติไปเรื่อยๆ เริ่มจากสถิติตัวเองก่อน พอโตขึ้นก็อยากเป็นนักวิ่งจังหวัดสร้างชื่อเสียงให้พะเยา และอยากสร้างชื่อเสียงให้ประเทศด้วย"

"เบ้นท์ อภิสิทธิ์" แชมป์เยาวชนแห่งชาติ

ที่พัทลุงเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2565 การแข่งขันระดับเยาวชนระยะ 5000 เมตร อภิสิทธิ์ ช้างหิน หรือ เบ้นท์ อายุ 17 ปี ในเสื้อทางม้าลาย เชือดคู่แข่งแบบเสี้ยววินาที กลายเป็นเยาวชนไทยที่วิ่งเร็วที่สุดด้วยเวลา 16:16.73 นาที ศิษย์เอกของครูสมบัติสร้างชื่อให้ทีมพะเยารันเนอร์อีกครั้ง 

เบ้นท์ถือว่าเริ่มวิ่งช้ากว่านักวิ่งทั่วไปเล็กน้อย โดยเขาเริ่มต้นจากการเป็นนักปั่นจักรยานก่อนจะหันเหความสนใจมาสู่การวิ่ง เพราะเห็นครูสมบัติฝึกซ้อมให้กับเพื่อนคนอื่นในทีม 

"ผมเริ่มจากปั่นจักรยาน ปั่นแข่งเลยครับแบบจริงจัง แล้วเริ่มเข้ามาวิ่งตอน ม.3 เห็นครู (สมบัติ) ที่สนามจังหวัด เลยอยากมาวิ่ง และวิ่งมาจนถึงตอนนั้น"

พรสวรรค์ในตัวฉายแววให้กับเขา จนได้เริ่มลงแข่งมากขึ้น และเริ่มชนะบ่อยครั้ง บวกกับพัฒนาการที่ยังไม่หยุด ทำให้เจ้าตัวยังมุ่งมั่น และสนุกกับเส้นทางนี้ "วิ่งแล้วก็สนุกนะครับ เหนื่อยขึ้นทุกวัน แต่ก็สนุก ยิ่งแข่งชนะ ก็ยิ่งดีใจ หาเงินได้ด้วยก็ยิ่งดีใจมาก" 

เบ้นท์เกิดและเติบโตในครอบครัวนักกีฬาที่พ่อแม่ส่งเสริมลูกอย่างเต็มที่ โดยมี "เหมย มุกตาภา ช้างหิน" พี่สาว เป็นต้นแบบของการเป็นนักกีฬา "ปัญจกีฬา" ทีมชาติ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสวยงามในการคว้าเหรียญเงินประเภททีมผสมในซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ ปี 2019 แรงผลักดันของครอบครัวจึงทำให้เบ้นท์ยังไล่ล่าความฝันต่อไป

สถิติปัจจุบันของเบ้นท์ คือ 33.07 นาที เป็นสถิติการวิ่งถนนที่ถือว่าเดือดมากๆ สำหรับเด็กอายุ 17 ที่ยังมีเวลาพัฒนาไปถึงจุดพีคได้อีกหลายปี 

"ผมอยากพัฒนาไปเรื่อยๆ อยากวิ่งให้เร็วกว่านี้" 

นี่คือความมุ่งมั่นของเบ้นท์ เราจึงได้เห็นเด็กคนนี้ใช้เวลาในช่วงวัยรุ่นทุ่มเทให้การวิ่ง และประสบความสำเร็จกับการแข่งแบบสม่ำเสมอ

"งานแจ้งเกิดผมคืองานยูเมะพลัส เชียงรายมาราธอนปี 2019 วิ่งเข้าออล 3 (หมายถึงคนที่เร็วที่สุดอันดับ 3 ของการแข่งขัน) ดีใจมาก ว่าเราก็ทำได้ ได้รางวัลเป็นเงินด้วย" นั่นเป็นการแข่งที่ตอกย้ำว่าเขาเลือกเส้นทางที่ถูกแล้วในการวิ่ง ประกอบกับเส้นทางที่ครูสมบัติตั้งเป้าหมายให้มุ่งไปเพื่อการแข่ง 10 กิโลเมตรทางถนน 

ณ เวลานี้ เบ้นท์ อภิสิทธิ์ทำสถิติที่ดีที่สุดไว้ที่ 33.07 นาที พร้อมกับวางเป้าหมายที่จะพัฒนาตัวเองต่อไป มุ่งมั่นฝึกซ้อมเพื่อวิ่งให้เร็วขึ้น โดยเป้าหมายคือ 32 นาที 

ณัฐธิดา เถาหน้อย เป้าหมายคือทีมชาติ

จากเด็กน้อยที่ชอบการวิ่ง เข้าชมรมวิ่งเพราะน้องสาว มาถึงจุดที่เรียกได้ว่า "นักวิ่งอาชีพ" ณัฐ ณัฐธิดา เถาหน้อย ใช้ชีวิตของเธอไปกับการวิ่งด้วยแพสชั่นและเป้าหมายที่ชัดเจน จากนักวิ่งที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ณัฐใช้เวลาทุ่มเทแบบไม่เคยท้อ จนตอนนี้เธอคือนักวิ่งถนนหญิงแนวหน้าคนหนึ่งของประเทศไทย

ที่ศรีสะเกษ ปี 2565 งานกรีฑาที่แจ้งเกิดนักวิ่งหน้าใหม่หลายคน ณัฐได้พิชิตเป้าหมายของเธอด้วยการคว้า 2 เหรียญทองแดงจากระยะ 5000 และ 10000 เมตรหญิง และทำลายสถิติของตัวเอง 

"นั่นเป็นการแข่งระดับประเทศครั้งแรก หนูดีใจมาก เวลาก็ดี พ่อแม่ก็ดีใจ และตลอดที่ผ่านมาพ่อแม่ก็สนับสนุนหนูในทางการวิ่งมาตลอด พร้อมกับน้องสาวเค้ก-อรปรียา ก็เป็นนักวิ่งด้วยกัน" 

"หนูอยากติดทีมชาติ หนูอยากเป็นแชมป์" น้องณัฐตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ 

"หนูคิดว่าหนูเลือกเส้นทางถูกแล้ว ในการเป็นนักวิ่ง ทุกวันนี้หนูมีรายได้จากการวิ่ง หนูเริ่มหาเงินได้เองตั้งแต่มัธยมเพราะการวิ่ง" น้องณัฐเล่าและบอกว่าในตอนเริ่มต้นวิ่งแม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จในทันที เธอก็ยังวิ่งต่อ ซ้อมต่อ และเมื่อเข้าสู่ชั้นมหาวิทยาลัย มีโอกาสได้แข่งมากขึ้นก็เริ่มชนะบ่อยขึ้น

"ตอนแรกหนูก็คิดว่า วิ่งก็สนุกดี ได้เจอเพื่อน ไปแข่งก็ได้ไปเที่ยว หนูเลยวิ่งมาตลอด ไม่เคยเล่นกีฬาอื่น และครูคือคนที่สร้างหนูขึ้นมา" 

การได้เข้าสู่ทีมพะเยารันเนอร์ ใต้ปีกของครูสมบัติจึงเป็นปีกแห่งความฝันของเด็กหญิงคนนี้ ณัฐบอกว่าตอนนี้อายุ 25 ปีแล้ว ยังมีเวลาล่าฝันต่อไป และเป้าหมายคือการวิ่ง 10 กิโลเมตรที่ 37 นาที

ไม่มีความฝันใดสำเร็จได้หากไม่พยายาม และไม่มีความพยายามใดไปถึงได้โดยขาดกุนซือที่ดี ความฝันของดาวทั้ง 3 ดวงนี้ มีความพยายามเป็นพื้นฐาน โดยมีครูสมบัติอยู่เบื้องหลัง มอบความรู้และประสบการณ์เพื่อความฝันของเด็กๆ ด้วยคำแนะนำและการสนับสนุนในวิถีทางที่ถูกต้อง เราจึงได้เห็นเด็กๆ ในทีมเสื้อลายทางม้าลาย ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเสมอ 

หลังจากวันนี้ต่อไปหวังได้ว่าจะได้เห็นชื่อของทั้ง 3 คนถูกบันทึกไว้ ในฐานะนักวิ่งที่ประสบความสำเร็จ บนเส้นทางของการวิ่งถนนประเทศไทย