stadium

ทำความรู้จัก ‘หยก’ อชิรญาภรณ์ กำใจบุญ ดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการลูกยางไทย

27 ตุลาคม 2565

วงการวอลเลย์บอลไทยค้นพบดาวรุ่งดวงใหม่เสมือนเพชรเม็ดโตที่รอวันเจียรนัยให้เจิดจ้าอย่าง ‘หยก’ อชิรญาภรณ์ กำใจบุญ วัย 18 ปีดีกรีนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ซึ่งขณะนี้แสงไฟทุกดวงจับจ้องมาที่เธอด้วยผลงานที่โดดเด่นทั้งในนามทีมชาติและระดับสโมสรกับสุพรีม ชลบุรี- อีเทค ทำให้เป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่งในเวลานี้

 

StaduimTH จะพาไปรู้จักกับหยกให้มากขึ้น พร้อมทั้งเส้นทางการเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลตัวความหวังของทีมชาติไทย เด็กสาวที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นอนาคตคนต่อไป

 

 

ฉายแววรุ่งตั้งแต่วัยละอ่อน

 

เด็กหญิงหยกเกิดและเติบใหญ่ในครอบครัวกำใจบุญถิ่นฐานอาศัยอยู่ย่านมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ในช่วงวัยเด็กที่วิ่งเล่นตามประสาเด็กสาว เธอมักจะใช้เวลาว่างหลักเลิกเรียนฝึกจับลูกยางตีเล่นกับเพื่อนร่วมรุ่นอยู่เป็นประจำ เสมือนชะตาชีวิตกำหนดให้เธอต้องเดินไปบนเส้นทางสายกีฬาวอลเลย์บอล จากเด็กที่เล่นเพื่อสนุกกลายมาเป็นอนาคตในทีมชาติ

 

หยกบอกว่า ตนเองเริ่มเล่นวอลเลย์บอลครั้งแรกตั้งแต่อยู่ประถมศึกษาปีที่ 3 อาศัยช่วงเวลาที่นั่งรอพี่สาวเลิกเรียนจึงใช้เวลาในช่วงนั้นเล่นวอลเลย์บอลเป็นกิจกรรมยามว่าง กระทั่งอาจารย์ผู้สอนมองเห็นประการแสงที่เด่นออกมาจากตัวหยกว่าน่าจะปลุกปั้นให้เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลได้ จึงผลักดันให้เกิดการฝึกซ้อมแบบจริงๆ จังๆ แต่ทว่าในช่วงเวลานั้นโรงเรียนที่หยกศึกษาอยู่ผลงานการแข่งขันไม่เป็นไปตามเป้านัก จึงทำให้เกิดการโยกย้ายผู้เล่นสลับสับเปลี่ยนไปยังโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งที่มีแววรุ่งมากกว่า จนกระทั้งหยกได้มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันในระดับจังหวัดไล่เรียงมาถึงระดับประเทศ

 

ด้วยสรีระที่สูงใหญ่บวกกับพรสวรรค์ในการเล่นวอลเลย์บอล ออร่าเปล่งประกายออกมาเข้าตาโค้ชผู้ฝึกสอนจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ทำให้หยกได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาและเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลที่โรงเรียนแห่งนี้ โรงเรียนที่เป็นเสมือนแหล่งเพาะบ่มนักกีฬาวอลเลย์บอลชั้นเลิศ

 

“ช่วงที่เริ่มเบ่นวอลเลย์บอลแรกๆ ไม่ค่อยได้ติดตามกีฬาวอลเลย์บอลเท่าไหร่ แต่พอมาเป็นช่วงมัธยมก็เริ่มดูการแข่งขันในระดับสโมสร ระดับทีมชาติ ในรายการที่จัดการแข่งขันภายในประเทศและถ้ามีโอกาสก็จะไปตามดูการแข่งขันบ้างเพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและเป็นเป้าหมายให้กับตัวเอง โดยที่วางเป้าหมายให้เป็นไปทีละสเต็ป ตัวย่างเช่นหนูมีโอกาสได้เล่นในระดับสโมสรก็อยากจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดและถ้าเมื่อไหร่ที่มีโอกาสได้เข้าไปเป็นนักกีฬาทีมชาติก็จะทำให้เต็มที่เช่นกัน”

 

 

 

ก้าวสู่รั้วบดินทรเดชา

 

แน่นอนว่าการเข้าสู่รั้วบดินทรเดชาก็เหมือนเปิดโอกาสในการเข้าสู่การเป็นนักกีฬาทีมชาติ ตัวอย่างนักกีฬาวอลเลย์บอลที่เคยศึกษาอยู่ที่แห่งนี้เช่น ‘ปลื้มจิตร ถินขาว’, ‘อัจฉราพร คงยศ’ เหล่านี้คือนักตบระดับตำนานของไทยทั้งสิ้น การที่หยกได้เข้ามาเป็นหนึ่งในนีกกีฬาของโรงเรียนบดินทรเดชานั่นจึงเท่ากับว่าอ้อมกอดของทีมชาติไทยกำลังอ้าแขนรับเธอแล้ว

 

“การปรับตัวของหนูในช่วงที่ต้องมาอยู่ที่หอพักนักกีฬา อันดับแรกเลยคือหนูเป็นคนที่ไม่เคยอยู่หอมาก่อนเพราะปกติจะไม่เคยห่างจากบ้านและจะมีพ่อกับแม่คอยอยู่ดัวยตลอด ในช่วงแรกตอนที่ยังเรียนอยู่มัธยมต้นจะไม่มีโทรศัพท์มือถือเลยจะมีเพิ่งแค่โทรศัพท์บ้านที่เป็นปุ่มกดเท่านั้นซึ่งมันก็เล่นโซเชียลมีเดียไม่ได้จะใช้ได้ก็แค่โทรหาพ่อกับแม่ซึ่งวันนึงเราจะใช้โทรศัพท์ได้แค่ครึ่งชั่วโมงเราจึงต้องแบ่งเวลามาให้ตรงส่วนนี้ด้วย”

 

คงไม่มีอะไรผิดแผกแปลกไปจากสามัญชนคนทั่วๆ ไป การที่ปลีกตัวเองจากกิจวัตรที่คุ้นชินยอมใช้เวลาปรับตัวทั้งสิ้น สำหรับหยกเองโชคดีที่ไม่ต้องห่างบ้านไกลจากครอบครัวนักเพราะพำนักอยู่ในเมืองกรุง แต่ก็ใช่ว่าจะง่ายดายในการปรับตัวให้เข้าวิถีชีวิตใหม่ ความรับผิดชอบที่สูงขึ้นและความอบอุ่นจากครอบครัว

 

 

 

“ในช่วงนั้นพ่อกับแม่เดินทางมาหาหนูเกือบทุกอาทิตย์เลยคงเป็นเพราะด้วยความคิดถึง อย่างที่บอกว่าหนูไม่เคยอยู่ห่างจากครอบครัวเลย แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ หนูก็เริ่มปรับตัวได้และอีกอย่างคือไม่อยากให้พ่อแม่ต้องเสียเวลาในการทำงานเพื่อมาหาบ่อยๆ ช่วงหลังมานี้ก็มีโอกาสได้วิดีโอคอลหากันบ้าง เวลามีการแข่งขันพ่อกับแม่ก็จะตามไปเชียร์ทุกสนามอยู่แล้ว”

 

หยกบอกว่า นอกจากความปลื้มใจที่ได้เข้ามาศึกษาและนักกีฬาวอลเลย์บอลให้กับบดินทรเดชาแล้วนั้น สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกว่าการตัดสินใจคว้าโอกาสนี้ไว้ทำให้เธอได้มาพบกับไอดอลต้นแบบการเล่นวอลเลย์บอลอย่าง ‘เพียว’ อัจราพร 

 

“ตั้งแต่แรกที่หนูกำลังจะได้มาอยู่ที่บดินทร์เดชา หนูเห็นพี่เพียว (อัจฉราพร คงยศ) เป็นคนแรกในความรู้สึกตอนนั้นมองว่าพี่เพียวเท่และมีสไตล์การเล่นที่ไม่ได้มีเพียงแค่ลูกหนักอย่างเดียวแต่ยังมีเทคนิคส่วนบุคคลเลยมองว่ามีเสน่ห์ อีกอย่างหนึ่งคือพี่เขาเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดียวกันด้วยก็เลยทำให้รู้สึกชอบตั้งแต่นั้น แม้ว่าจะเข้ามาไม่ทันรุ่นพี่เพียวแต่มีโอกาสได้เห็นพี่เขาเล่นเป็นคนแรกเลย”

 

 

เกือบจะต้องถอดใจจากการเป็นนักกีฬา

 

นอกจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามลดทอนความสำคัญลงไปเป็นอันขาดคือการเรียน แน่นอนว่าเมื่อขวบปีการศึกษาสูงขึ้นความรับผิดชอบก็ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

 

“ตอนที่หนูเรียนอยู่ชั้นประถมการบ้านอะไรไม่มีเยอะเท่าตอนเรียนมัธยม ไหนจะต้องมีแมตช์การแข่งขันที่เยอะกว่าเป็นเท่าตัว แล้วยังมีไหนเรื่องระเบียบวินัยที่จะต้องมีเหมือนกัน โดยหนูจะแบ่งเวลาออกเป็นในช่วงเช้าก็เรียนตามปกติ พอตกเย็นก็ต้องไปซ้อมวอลเลย์บอล ถ้าวันไหนมีการบ้านเยอะหรือมีงานที่ต้องรีบส่งหนูก็จะทำเดี๋ยวนั้นเลยแต่ถ้าไม่รีบก็จะเก็บไว้ไปทำในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยิ่งถ้าเป็นช่วงของการแข่งขันหนูแทบจะไม่ได้เข้าเรียนเลยแต่จะใช้วิธีตามเก็บงานที่อาจารย์สั่งแล้วส่งในคราวหน้าแทน”

 

หยกต่อด้วยว่า จากการฝึกซ้อมที่เข้มข้น หนักหน่วงอย่างที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนเกือบจะทำให้เธอคิดที่จะเลิกเล่นและขอลาออกจากทีมวอลเลย์บอลโรงเรียนบดินทรเดชามันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่หยกสารภาพว่าคิดไม่ตกว่าจะยังเดินต่อไปบนเส้นทางลูกยางหรือไม่

 

“มันเกิดขึ้นช่วงที่หนูอยู่ชั้นมัธยมต้น โอกาสการลงเล่นก็ไม่ได้มีเยอะถึงขนาดที่หนูต้องโทรไปบอกพ่อกับแม่ว่าไม่ไหวแล้ว แต่พ่อบอกว่าให้หนูอยู่สู้ต่อยังไงก็ต้องสู้ จนมาถึง ม.3 หนูได้ลงสนามมากขึ้นทุกอย่างมันลงตัว มันจึงทำให้หนูคิดที่จะอยู่กับทีมต่อไปจนได้มาเป็นหนูในทุกวันนี้ ซึ่งมันทำให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นแต่ข้อเสียของหนูที่มีคือชอบทำพลาดเองบ่อย ตีติด ตีพลาด แก้ลูกไม่ได้ตรงนั้นก็ต้องมาแก้ไขกันต่อไปให้มันดีขึ้น” 

 

 

นักกีฬารุ่นพี่คือแบบอย่างที่ดีในอนาคต 

 

หากจะบอกว่า บรรดานักวอลเลย์บอลสาวไทยคือต้นแบบให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ในการนำไปเป็นแบบอย่างทั้งเทคนิคส่วนตัว รูปแบบการเล่นเป็นทีม ทำให้เยาวชนสามารถกำหนดทิศทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายคร่าวๆ ได้ เหล่านี้เองที่ทำให้หยกได้ซึบซับมาตั้งแต่เยาว์วัย

 

“โดยส่วนตัวหนูเป็นคนที่ชอบตั้งเป้าหมายในชีวิตให้สูงไว้ก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นคนใฝ่สูงแค่ต้องการติดทีมชาติให้ได้ ซึ่งมันก็เป็นไปตามเป้าหมายในตอนนี้ที่คิดไว้คือว่า ในระดับสโมสรต้องทำผลงานให้ดีในแต่ละรอบการแข่งขัน เลกหนึ่งต้องทำให้ได้ เลกสองต้องดีกว่าเดิมและถ้ามีโอกาสได้รับเลือกให้ติดทีมชาติหนูก็จะทำให้ดีที่สุด ถ้าจะให้บอกว่าทำไมนักกีฬารุ่นพี่ถึงได้มีอิทธิพลและกลายมาเป็นที่หลงรักของแฟนวอลเลย์บอล ตรงนี้หนูคิดว่าเราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเกมกีฬาไม่ใช่เพียงแค่การเอาชนะ แต่ต้องการให้มีอารมณ์สนุกร่วมไปกับเกมการแข่งขัน” 

 

 

หยกเสริมว่า ส่วนสำคัญที่สุดที่ทำให้นักกีฬาวอลเลย์บอลสาวไทยเป็นที่รักของคนทั่วโลก คือความสนิทสนมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากการเก็บตัวฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จึงทำให้เวลาที่ลงสนามไปเล่นเหมือนว่าได้เล่นร่วมกับพี่น้อง มีความพยายามที่จะช่วยกันเล่น ซึ่งเราจะเห็นได้จากนักกีฬาไทยมักจะรอยยิ้มแทรกขึ้นมาระหว่างการแข่งขันอยู่เสมอ

 

“ความสุขที่สุดในตอนนี้คือ การที่หนูสามารถลงซ้อมและทำได้ดีมันรู้สึกว่าตัวเองทำสำเร็จแล้ว กลับกันถ้าวันไหนซ้อมไม่เป็นดั่งใจมันจะเกิดความเครียดในระดับนึงในทุกครั้งที่ลงทำการแข่งขันหนูจะตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าจะต้องทำแต้มให้ได้มากที่สุดและพยายามทำพลาดให้น้อยที่สุดด้วย”

 

จากนี้ต่อไปก็ต้องมาดูกันว่า ในอนาคตหยกจะสามารถสอดแทรกขึ้นมาสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ได้หรือไม่ แน่นอนว่าชั่วโมงนี้เธอเองก็คืออีกหนึ่งนักวอลเลย์บอลดาวรุ่งที่น่าจับตามองเช่นกัน ผลงานในระดับสโมสรจะเป็นตัวชี้วัดศักยภาพของเธอเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรวงการวอลเลย์บอลไทยจะมีดาวรุ่งดวงใหม่เฉิดฉายอย่างแน่นอน

 


stadium

author

จิรวัฒน์ จามะรี

StadiumTH Content Creator

โฆษณา