stadium

ธวัชชัย หีมเอียด รองเท้ามือสองจุดเริ่มต้นเส้นทางนักวิ่งทีมชาติไทย

14 ตุลาคม 2565

เดือนกันยายน 2565 ณ ประเทศโคลอมเบีย มีการแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เยาวชนโลก ที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ของสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการส่งนักวิ่งระดับเยาวชนของบ้านเราไปร่วมแข่งขัน มี บิว ภูริพล บุญสอน และจอชชัว โรเบิร์ต แอทคินสัน เป็นความหวังหลัก พ่วงไปด้วยเยาวชนไทยอีก 7 คน 

 

ในรายการแข่งขัน คัดเลือกรอบแรก วิ่ง 200 เมตรชาย เกิดเซอร์ไพรส์ที่ไม่คาดคิดขึ้น จากการที่ "โอ๊ต ธวัชชัย หีมเอียด" นักวิ่งดาวรุ่งทีมชาติไทย จากจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งถูกวางตัวไว้วิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตร เขาได้รับโอกาสในการแข่งเดี่ยว และระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยม ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ โดยรายการก่อนหน้านั้น โอ๊ตก็ได้ลงแข่งเดี่ยว ระยะ 100 เมตร แม้จะไม่เข้ารอบแต่ก็ทำสถิติใหม่ให้ตัวเองได้ และเรื่องราวที่โคลอมเบียได้กลายเป็นการเดินทางก้าวสำคัญของโอ๊ต ธวัชชัย สู่การเป็นทีมชาติชุดใหญ่

 

 

ครูใหญ่หนองบัวแดงฯ เบื้องหลังนักวิ่งดาวรุ่งไทย

 

อายุ 14 ปี คือช่วงแรกของชีวิตที่โอ๊ตได้รู้จักกับการวิ่ง ตามประสาเด็กต่างจังหวัดที่เรียนหนังสือไม่เก่ง แต่ได้รับโอกาสจากครูนิเวศน์ ตั้งอุทัยสุข ครูใหญ่โรงเรียนหนองบัวแดงวิทยา จ.ชัยภูมิ ที่ชักจูงเขาสู่วงการกีฬา

 

"เจอเขาเพราะเรียนการงานด้วยกัน บอกเขาว่าถ้าเล่นกีฬาจะให้คะแนนพิเศษ ถึงจะเรียนไม่ดีก็จะได้เกรด 4 โอ๊ตสนใจ เลยได้คุยกับผู้ปกครองเขา ผมเลยรับมาอยู่บ้าน ดูแลปั้นให้เป็นนักกีฬา" ครูนิเวศน์เล่า

 

จากนั้นแววการเป็นนักวิ่งของโอ๊ต ธวัชชัย ก็ชัดเจนมากขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ อยากเป็นนักกีฬาจริงๆ ทำให้โอ๊ตมีวินัยมากกว่าเด็กทั่วไป "อยู่กับผม 2 ทุ่มเขาปิดมือถือนอนเลย มุ่งมั่นมาก เชื่อฟังมาก คือพ่อแม่ฐานะไม่ค่อยดี น้องเลยมุมานะกว่าเด็กคนอื่น"

 

ซึ่งโอ๊ต ธวัชชัย นั้นบอกว่า แม้จะเริ่มวิ่งเพราะมีเวลาว่าง และไม่มีเป้าหมายหลังเรียนจบ แต่นั่นทำให้เขาค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบ "เพราะช่วงนั้นไม่มีไรทำครับ เเล้วก็เบื่อมาก รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเป้าหมาย ไม่รู้ว่าจบม.6 จะไปทำไรต่อ เเล้วผมก็เข้ากรีฑากับครูใหญ่ครับ เเรกๆก็ไม่ได้จริงจังมาก เเต่พอไปเห็นว่าได้ระดับใหญ่ๆ ผมก็คิดไว้ว่าจะต้องไปเเข่งในระดับนั้นให้ได้ เเล้วผมก็เริ่มตั้งใจซ้อมครับ" 

 

 

 

ชัยชนะครั้งแรกของโอ๊ต เกิดขึ้นหลังเก็บตัวกับครูใหญ่ได้ 1 เดือน ในการแข่งกีฬาจังหวัดครับ วิ่ง100 เมตร เขาใช้สัญชาติญาณนักวิ่งกดหัวชนะรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกัน คนที่ดีใจที่สุดก็คือครูนิเวศน์ "เขาวิ่งมาหาผม บอกว่า ผมทำได้แล้วครับ ตอนนั้นกอดกันร้องไห้" และนั่นเป็นก้าวแรกของการไต่บันไดความฝัน ด้วยการได้เป็นตัวแทนจังหวัด และได้ไปแข่งเยาวชนแห่งชาติ แต่ด้วยสถานการณ์โควิดการแข่งถูกยกเลิก 

 

โอ๊ตจึงได้เปิดตัวระดับประเทศครั้งแรกที่งานแข่งชิงแชมป์ประเทศไทย ในตอนนั้นเหมือนเป็นการข้ามขั้นของเด็กอายุ 16 ปี ที่ได้ร่วมทีมกับนักวิ่งระดับตำนาน ทั้งมิ้ว จิระพงษ์ มีนาพระ, มอส บัณฑิต ช่วงไชย และแม็ก ณัฐพงศ์ วีระวงศ์รัตนศิริ โดยเป็นการแข่งผลัด 4 คูณ 100 เมตร

 

"ชิงแชมป์ประเทศไทยตอนนั้นได้ร่วมทีมกับพี่มิ้ง พี่มอส พี่แมค รู้สึกดีใจมากครับ แบบว่าผมก็ติดตามพวกพี่ๆ เค้าเหมือนกันครับ ไม่คิดว่าจะได้ร่วมทีมกัน" และการร่วมทีมครั้งแรกของทั้ง 4 คน ก็จบได้สวยงามด้วยการคว้าเหรียญเงิน

 

ในฐานะดาวรุ่งจากจังหวัดชัยภูมิ โอ๊ตเปิดฉากการแข่งขันแบบเดี่ยวอีกครั้งด้วยผลงานเหรียญเงินจากกีฬาแห่งชาติ 2565 ที่ศรีสะเกษ วิ่งไล่หลังบิวภูริพล เข้าอันดับ 2 ระยะ 200 เมตร ทำสถิติใหม่ให้ตัวเอง และยังเป็นทีมแชมป์ผลัด 4 คูณ 400 เมตร จึงทำให้ได้มาเก็บตัวในฐานะเยาวชนทีมชาติ

 

 

 

ปาฏิหาริย์ที่โคลอมเบีย

 

การเดินทางแรกในฐานะทีมชาติของโอ๊ต ธวัชชัย คือ ซีเกมส์ที่ฮานอย ในฐานะตัวสำรองทีมวิ่ง 4 คูณ 100 เมตร แม้จะไม่ได้ลงแข่งแต่ก็ถือเป็นการเดินทางเพื่อเก็บประสบการณ์ระดับนานาชาติครั้งแรกของเขา "ไม่คิดว่าตัวเองจะติด 4x100 ครับ ดีใจมากๆ ครับซีเกมส์ครั้งเเรก ได้ไปหาประสบการณ์" 

 

ถัดจากนั้นไม่นาน เมื่อแสงไฟฉายมาที่ทีมวิ่งไทย สมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในครั้งประวัติศาสตร์ด้วยการส่งนักวิ่งเยาวชนไทยไปร่วมแข่งขันศึกใหญ่ เยาวชนชิงแชมป์โลกที่ประเทศโคลอมเบีย และ 1 ในรายชื่อทัพนักกีฬาชุดนี้ก็คือ "ธวัชชัย หีมเอียด" แผนแรกคือ ลงผลัด 4 คูณร้อย และรอคอนเฟิร์ม 4 คูณ 400

 

และในการแข่งรอบแรกคือ 100 เมตรชาย คนไทยได้เห็นเซอร์ไพรส์แรกก็คือ "โอ๊ต" ในฐานะตัวละครลับ ได้แข่งเดี่ยวในรายการนี้ ในฮีตต่อจากบิว ภูริพล "เป็นการลงแข่งต่างประเทศครั้งแรก คู่แข่งตัวสูงมาก ก่อนแข่งก็กลัว แต่ลงสนามแล้วไม่กลัว คิดว่า อาจจะชนะได้" โอ๊ตเล่า 

 

ที่จุดปล่อยตัวโอ๊ตโบกมือให้กล้อง ใบหน้ามีรอยยิ้ม มือของเขาจับที่ธงชาติไทยที่หน้าอกเสื้อด้านซ้าย ตั้งสมาธิกับการแข่งขันระดับโลกครั้งแรกในชีวิต "ผมอยากชนะครับ ไม่ตื่นเต้นเลยตอนที่วิ่งออกไป" และผลการแข่งขัน แม้โอ๊ตจะไม่เข้ารอบชิง แต่เขาก็บันทึกสถิติใหม่ของตัวเองที่ 10.55 วินาที

 

 

ถัดจากนั้น เซอร์ไพร์สที่สอง คือการที่โอ๊ตได้ลงเดี่ยว 200 เมตรชายอีก 1 รายการ และปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น โอ๊ตสร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบรองชนะเลิศได้อย่างน่าประทับใจ "เกินความคาดหมายมากที่ไปโคลอมเบียครั้งนี้ ภูมิใจทำเวลาดี ดีใจมาก" โอ๊ตให้สัมภาษณ์ด้วยความภูมิใจ แม้สุดท้ายเขาจะไม่ผ่านเข้ารอบชิง แต่นี่คือรายการระดับโลกครั้งแรกที่สวยงามของเด็กจากชัยภูมิ

 

ครูใหญ่หนองบัวแดงฯที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ บอกว่าภูมิใจกับศิษย์รักมากที่สุด "ตอนแรกเหมือนแค่ตัวประกอบ คนไม่ค่อยสนใจ แต่ก็มีเพจนึงที่ลงข่าวน้อง รู้สึกขอบคุณและดีใจมาก และพอแข่งน้องก็เข้ารอบรองได้จริงๆ" ครูนิเวศน์บอกว่านี่คือความสุข ความภูมิใจในฐานะครู และผู้ทำหน้าที่เสมือนพ่อแท้ๆของน้องอีกคน 

 

"การวิ่งพาเขามาไกลมาก เกินเป้าหมายที่วางไว้ เราแค่โรงเรียนประจำอำเภอ ลู่วิ่งที่เราใช้ก็เป็นลูกรัง มีหินมีกรวด แต่เราได้เห็นความสำเร็จของโอ๊ต ภูมิใจที่เขาได้สิ่งที่ดีกับชีวิต ในอนาคตเขาจะได้มีอาชีพที่มั่นคง" ครูใหญ่เล่าความรู้สึกด้วยความตื้นตัน

 

 

ฝันต่อไปสู่ซีเกมส์และเหรียญระดับโลก

 

การวิ่งได้นำพา ธวัชชัย หีมเอียด เด็กชายจากชัยภูมิไปไกลข้ามทวีป ไปจนถึงจุดที่เกินฝัน และนี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่เขาไขว่คว้าไว้ได้ ณ วันนี้ โอ๊ตได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องชายอีก 2 คน จากเด็กติดเกมมาวิ่งเพราะภูมิใจในตัวพี่และอยากเก่งเหมือนพี่ชาย ซึ่งนั่นก็เป็นความภูมิใจของโอ๊ตเช่นเดียวกัน

 

จากรองเท้าคู่แรกที่ครูใหญ่มอบให้เด็กคนหนึ่ง เขาสวมมันจนมีวันนี้ ครูนิเวศน์ยังจำเรื่องของรองเท้าคู่นั้นได้ดี มันเป็นรองเท้ามือสองราคา 500 บาท "เขาใส่มันจนขาด ใส่อยู่ 2 ปี วันนี้โอ๊ตเขาไปได้ไกลมากแล้ว หาเงินจากการวิ่งได้ ผมบอกเขาว่า ให้เขาซื้อรองเท้าดีๆมาใส่ รองเท้าที่จะพาเขาไปได้ไกลยิ่งขึ้นอีก"

 

ทางที่ไกลขึ้นของโอ๊ตกำลังจะมาถึงในอีกไม่นานนี้ คือ ซีเกมส์ที่ประเทศกัมพูชา โอ๊ตจะได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองก่อน ที่กรีฑาชิงแชมป์ประเทศไทย หากผลงานดี เขาจะได้กลับไปสัมผัสการแข่งขันระดับนานาชาติอีกครั้ง

 

"หลังจากนี้ก็จะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นกว่านี้ รวมถึงซีเกมส์ก็จะพยายามให้เต็มที่ ถ้าพูดถึงครูผมอยากขอบคุณที่ให้โอกาส อยากขอบคุณที่ให้รองเท้าผม เพราะรองเท้าคู่นั้นทำให้ผมได้มีวันนี้ครับ" 

 

 

วิ่งเป็นกีฬาที่เหนื่อย ใช้พลังร่างกายสูง และวิ่งระยะสั้นยังต้องใช้พลังใจมากไม่ต่างกัน อายุ 18 ปีนั้น เป็นแค่ช่วงเริ่มต้นเต็มรูปแบบของนักวิ่งเพื่อความเป็นเลิศ

 

"ผมบอกเขาตลอดว่าเราไม่ต้องรีบ เราค่อยๆเติบโตไปตามวัย พัฒนาตัวเองในแบบของเรา อาจจะช้าแต่มั่นคง" ครูนิเวศน์ให้คำแนะนำนี้กับศิษย์รัก ซึ่งทำให้โอ๊ตเอง ยังมุ่งมั่น ฝึกซ้อม มีวินัย ตามเส้นทางความฝันของตัวเอง โดยมีลุงใหญ่ลุงเล็ก แห่งสมาคมกีฬากรีฑา ดูแลฝึกซ้อมอย่างใกล้ชิด

 

"เป้าหมายอยากได้เหรียญระดับโลก (ยิ้ม) ก็อยากฝากเชียร์และเป็นกำลังใจให้ผมด้วย" 

 

ใครสักคนที่จะคนจะคู่ควรกับความสำเร็จ เขาคนนั้นควรเป็นคนที่พยายามมากที่สุด คนที่เดินไปข้างหน้า แต่ไม่เคยลืมคนข้างหลัง อีกไม่ช้าไม่นานนี้ เราอาจได้เห็นการเติบโตของ โอ๊ต ธวัชชัย หีมเอียด บนเส้นทางนักวิ่งระยะสั้นของประเทศไทยไปจนถึงระดับโลก


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง

La Vie en Rose