stadium

ณิชชาอร จินดาพล ใช้ชีวิตหลุดกรอบแบบ Top Gun Maverick

7 ตุลาคม 2565

ณิชชาอร จินดาพล หรือ “แนท” คือนักกีฬาแบดมินตันที่โลดแล่นในวงการมากว่า 20 ปี สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยและตัวเองมาโดยตลอด ด้วยวัยที่มากขึ้นกับปัญหาอาการบาดเจ็บไหล่ข้างขวา สุดท้ายเธอต้องเลือกหันหลังให้วงการแบดมินตันอาชีพและก้าวเข้าสู่เส้นทางการเป็นโค้ช

 

บนทางเดินใหม่เธอขอใช้แนวความคิดของ พีท มิตเชลล์ หรือ “แมฟเวอร์ริค” พระเอกจากภาพยนตร์เรื่อง Top Gun : Maverick ส่งต่อความบ้าสู่คอร์ทแบดมินตันให้ลูกศิษย์

 

 

ตัดสินใจที่โคตรยาก

 

แฟนกีฬาไทยหลายคนคงทราบข่าวกันไปก่อนหน้านี้ที่ณิชชาอร จินดาพล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คตัวเองประกาศอำลาคอร์ทแบดมินตัน แน่นอนว่าแฟนคลับวงการลูกขนไก่ไทยต่างรู้สึกช็อค เพราะอายุของแนทเพิ่งจะเข้าสู่เลขสามเท่านั้น ในเส้นทางแบดฯอาชีพยังถือว่าสู้ต่อได้สบาย

 

“ขับรถไม่ได้ นอนตะแคงไม่ได้ ยกแขนใส่เสื้อยังลำบาก ซึ่งมันเป็นชีวิตประจำวันหมดเลยแนทคุยกับหมอมา 3 คน ทุกคนลงความเห็นให้ผ่าตัด ตอนนั้นก็เครียดเหมือนกันเพราะต้องพักนานประมาณ 8-12 เดือน แต่จะกลับไปแข่งได้หรือไม่ต้องอยู่ที่การกายภาพ แต่อีกทางเลือกหนึ่งคือผ่าแล้วเลิกเลย แล้วเปลี่ยนมาเส้นทางสายโค้ช แต่เราก็ไม่ได้คิดถึงการผ่าตัดเลย ลองกายภาพรักษาตัวเองก่อนถึง 4 เดือน จากนั้นก็ลองกลับมาซ้อม คือมันซ้อมได้แต่ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมและมันกลับมาแข่งไม่ได้” 

 

“แน่นอน เพราะเรารู้ศักยภาพร่างกายเราดี จนสุดท้ายโทรบอกหมอว่าผ่าเลย” ณิชชาอร เล่าถึงวินาทีตัดสินใจจะเลือกรักษาอาการบาดเจ็บไหล่ขวาที่เรื้อรังมานานด้วยการผ่าตัด

ซึ่งหลังผ่าตัด “แนท” ยังกลับมาจับไม้แบดฯได้และพยายามจะฮึดสู้อีกครั้งก่อนจะปรึกษากับทางบ้านว่าสิ่งที่ดีที่สุดจากนี้น่าจะเลือกเส้นทางโค้ช เพราะสุดท้ายแม้เธอจะไม่ได้กลับไปแข่งอาชีพอีก แต่เธอยังจะได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองรักและหลงใหลมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ นั่นคือกีฬาแบดมินตัน 

 

 

 

เส้นทางใหม่กับบทบาทโค้ช

 

“ต้องขอบคุณสมาคมกีฬาแบดมินตันขอบคุณคุณหญิงปัทมาที่ทำให้แนทมารับบทบาทนี้ คือยอมรับเลยว่าแนทยังไม่มีประสบการณ์การทำหน้าที่โค้ช แต่เรื่องประสบการณ์การแข่งขัน แนทมั่นใจว่ามีมากพอที่จะถ่ายทอดให้กับน้องๆ เยาวชนทีมชาติไทย เราอยากจะทำให้น้องดู นั่งคุยกับน้องๆ ค่อยๆ สอนเขา เราก็ใหม่ น้องๆ ในทีมก็ใหม่ แต่แนทพร้อมจะเรียนรู้ไปข้างหน้า”

 

“เป้าหมายของแนทคืออยากจะให้น้องเยาวชนที่แนทดูแลได้ไปแข่งในระดับที่สูงขึ้นกว่านี้ ไปแข่งกับระดับมืออาชีพไปเลย” นี่คือความตั้งใจของโค้ชหน้าใหม่แห่งวงการแบดมินตันของณิชชาอร จินดาพล

 

ณ ตอนนี้เธอรับหน้าที่ติวเข้มให้กับน้องๆ นักแบดมินตันหญิงเดี่ยวซึ่งเป็นประเภทที่เธอถนัดและลงเล่นมานาน เทคนิคในสนามทุกอย่างที่แนทเคยใช้ถูกถ่ายทอดอย่างค่อยเป็นค่อยไปให้กับลูกศิษย์ของเธอเอง โดยจะมีสมุดจดโน๊ตเล่มเล็กๆ ไว้ใช้บันทึกตารางการซ้อมข้อผิดพลาดของทั้งตัวเธอและน้องๆ นักแบดมินตันเพื่อที่การซ้อมครั้งหน้าจะได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

 

 

ขณะที่เรื่องของแรงกระตุ้นสภาพจิตใจของนักกีฬาประเภทบุคคล อดีตนักกีฬาทีมชาติอย่างแนทผ่านเรื่องราวมามากมายและเธอถ่ายทอดให้กับลูกศิษย์ผ่านการบอกเล่าและประสบการณ์ตรงที่เคยเจอกับคนที่เป็นทั้งคู่แข่งและเพื่อนร่วมทีมชาติอย่าง รัชกนก อินทนนท์ 

 

“ตอนพี่อายุ 18-19 ปีเพิ่งติดทีมชาติ แต่พี่ก็ไม่ได้เก่งมากและพี่เห็นเมย์ รัชกนก อินทนนท์ ที่เป็นรุ่นน้อง พี่เห็นความกระหายความตั้งใจแววตาความมุ่งมั่น พอพี่เห็นแบบนั้นพี่ก็ต้องพยายามกระตุ้นตัวเองเสมอ เราอยากพัฒนาตัวเองให้ตามทันเขา แนทเลยบอกน้องๆ นักกีฬาว่าลองหาไอดอลของตัวเองให้เจอแล้วเอามาเป็นแรงผลักดัน เขาจะทำให้เรามีพลังในการลงเล่น ส่วนพี่จะอยู่ตรงนี้อยู่หลังคอร์ทสนับสนุนน้องๆ ในทีมเสมอ น้องๆ เต็มที่ พี่ก็เต็มที่ด้วยเหมือนกัน”

 

 

 

Top Gun : Maverick  หนังโปรดที่แสนประทับใจ

 

“จริงๆ แนทไม่ค่อยได้ดูหนังเท่าไรนะ แต่ถ้านึกตอนนี้คือเรื่องที่เพิ่งไปดูมาเลย TOP GUN MAVERICK พอได้มีโอกาสไปดูเรื่องนี้แนทร้องไห้เลย มันเป็นน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจ”

สำหรับตัวของแนทเองยอมรับว่าอาจจะไม่ใช่คอหนังสักเท่าไร ช่วงเวลาว่างเธอมักฟังเพลงหรือออกไปคาเฟ่น่ารักๆ มากกว่า แต่กับเรื่องนี้เธอจดจำรายละเอียดของหนังได้แทบทั้งหมดเพราะเธอยอมรับว่าเป็นหนังที่ทรงพลังมากทีเดียว

 

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง TOP GUN MAVERICK เป็นหนังภาคต่อฟอร์มยักษ์ของพระเอกระดับเอลิสต์อย่างทอม ครูซ ซึ่งเรื่องนี้พระเอกทอม ครูซ รับบทนักบินเครื่องบินรบกัปตัน พีท มิทเชลล์ ผู้เป็นตำนานแห่งกองทัพอากาศของสหรัฐฯ และต้องเข้ามาฝึกสอนการบินในภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ให้กับบรรดาเหล่านักบินยังบลัด เพื่อที่ตัวเขาและลูกทีมทุกคนจะทำภารกิจเพื่อชาติสำเร็จและที่สำคัญรอดตายจากสนามรบทุกคน

 

“สำหรับแนทเองมองหนังเรื่องนี้ว่า คนจะเก่งมันมีหลายเวอร์ชั่น บางคนจะวิธีตามทฤษฏีเป๊ะๆ แต่บางคนก็มีลูกล่อลูกชน อย่างพระเอกของเรื่องเขาอาจจะออกนอกกรอบ แต่เขายังสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้ารับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ ได้ดี เหมือนตอนที่พระเอกกำลังฝึกให้นักบินของเขาบินให้ขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยความเร็วมากที่สุด ซึ่งมันอาจจะทำให้นักบินหมดสติได้ และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ก่อนที่สุดท้ายกัปตันมิตเชลล์จะใช้เสี้ยววินาทีของความเป็นความตายส่งสัญญาณเตือนนักบินฝึกหัดให้ตื่นขึ้นและรอดตายได้อย่างหวุดหวิด เหมือนเขาผ่านเรื่องราวแบบนี้มาจากการฝึกซ้อมจนชินไปแล้ว”

 

 

 

ส่งต่อลูกบ้าลูกกล้าแบบแมฟเวอร์ริคสู่น้องๆนักแบดรุ่นเยาว์

 

เมื่อลองถามถึงข้อคิดจากหนังเรื่อง Top Gun : Maverick ที่น่าจะนำมาใช้ในชีวิตของแนทในปัจจุบัน เธอตอบกลับมาในทันทีว่า “พระเอกของเรื่องก็เคยเป็นนักบินก่อนจะถอยตัวเองมาเป็นครูฝึกเหมือนกับแนท  สำหรับแนทชอบความบ้าของเขา เพราะเราก็มีความบ้าเหมือนกัน สมัยที่ยังลงเล่นแบดมินตันอาชีพ กีฬาแบดมินตันมันเหมือนต้องอยู่กับตัวเอง ต้องคอยกระตุ้นตัวเอง แนทอยู่ในสนามแนทพูดกับตัวเองด้วยนะ ต้องสู้ต้องเอาให้ได้แต้มนี้ต้องทำได้สิ บางอย่างเป็นการกระตุ้นตัวเอง เดี๋ยวมันจะสนุกและมันจะออกมาดี จะแพ้ชนะยังไงมันก็สนุกและที่สำคัญมันทำให้เรามีความกระหายต่อไป”

 

เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ที่เข้มข้นแสนระทึกใจตลอดเวลาสองชั่วโมงครึ่งในการลุ้นในปฏิบัติการที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ของกัปตันพีท มีทเชลล์ สุดท้ายจบลงแบบแฮปปี้ปมของตัวละครในหนังทุกคนที่เคยมีเรื่องค้างคาในจิตใจ สลายหายไปหมดด้วยรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจ แต่ทีมงาน Stadium TH ลองถามกลับแนทอีกมุมหนึ่งว่า หากในสนามแบดมินตันแนทและน้องๆ ขนไก่รุ่นเยาว์ไม่ได้สุขสมดังใจหมายในการแข่งขันเธอจะรับมือกับมันยังไง

 

 

“สุดท้ายอยู่ที่ตัวเด็กว่ามีความกระหายที่จะกลับมาหรือเปล่า แพ้ชนะมันคือเกมกีฬา เด็กๆ จะตกตะกอนยังไง จะคิดได้หรือไม่ ใช้เวลานานไหมเพราะผลงานไม่เป็นไปตามเป้ามันจะเสียใจแน่นอน ซึ่งเราต้องอยู่กับมันให้ได้และค่อยๆ ปรับตัว ส่วนแนทก็จะสนับสนุนพวกเขาเหมือนเดิมและต้องไม่ลืมลูกบ้าที่จะเอากลับมาใช้อีกครั้งในสนาม”


stadium

author

ปองพล สิงห์สิทธิ์

StadiumTH Content Creator

โฆษณา