stadium

คลิทช์โก้-โจชัว สายสัมพันธ์หลังสังเวียน   

7 มีนาคม 2563

 

                ในชีวิตนักกีฬา ย่อมมีช่วงเวลาที่ต้องเจอกับวันที่ทุกอย่างไม่เป็นใจ เจอกับช่วงฟอร์มตก เจอกับอาการบาดเจ็บ หรือเจอกับการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม สิ่งสำคัญคือทัศนคติต่อเรื่องเหล่านั้นเป็นอย่างไร บางคนอาจจะรับมือมันได้ด้วยตัวเอง หรือบางคนอาจจะใส่ใจมันมากเกินไปจนกู่ไม่กลับ สิ่งนี้มันขึ้นอยู่กับอุปนิสัยส่วนตัวและประสบการณ์

                แต่หากมีคนที่เคยเจอเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน และแสดงให้เห็นว่าสามารถกลับมาประสบความสำเร็จได้ มาให้คำปรึกษา มันย่อมทำให้การเรียกสติของตัวเองกลับมา ง่ายยิ่งขึ้น

                แอนโทนี่ โจชัว ยอดมวยรุ่นยักษ์ชาวสหราชอาณาจักร คือคนที่เคยเจอช่วงเวลาดังกล่าว แต่ฟื้นกลับมาได้เพราะมีที่ปรึกษาชื่อว่า วลาดิเมียร์ คลิทช์โก้ ตำนานกำปั้นชาวยูเครน

 

 

จุดเริ่มต้นสายสัมพันธ์ 2 แชมป์โอลิมปิก

                ในตอนที่ โจชัว คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ในปี 2012 นั้น คลิทช์โก้ อยู่ในสถานะแชมป์โลก 4 สถาบันแล้ว แต่เจ้าของเหรียญทองรุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวต จากโอลิมปิกปี 1996 ก็ไม่พลาดที่จะติดตามการถ่ายทอดสดศึกดวลกำปั้นในลอนดอน เกมส์ และถูกชะตานักชกรุ่นน้องต่างสัญชาติเข้าอย่างจัง

                "ครั้งแรกที่ผมเห็นเขาขึ้นชกในปี 2012 ผมรู้สึกได้ทันทีว่าเด็กนี่กำลังก้าวตามรอยของผมอยู่ ผมเริ่มติดตามการชกของเขามาตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งบางครั้งเขาก็ทำให้ผมคิดถึงตัวเอง" คลิทช์โก้ ย้อนถึงวันที่ได้ดู โจชัว ขึ้นชกเป็นครั้งแรก

                2 ปีต่อมา ระหว่างที่ โจชัว กำลังเดินหน้าสร้างชื่อในวงการมวยอาชีพ คลิทช์โก้ ก็เชิญชวนให้มาเป็นคู่ซ้อมของเขาในเทรนนิ่งแคมป์ที่ประเทศออสเตรีย ช่วงที่เตรียมตัวป้องกันตำแหน่งกับ คูบราต ปูเลฟ ผู้ท้าชิงชาวบัลแกเรีย ซึ่งโจชัวได้ลงนวมกับยอดมวยรุ่นพี่ไป 15 ยก ขณะที่ตัวคลิทช์โก้เองก็ยิ่งประทับใจในตัวนักชกชาวสหราชอาณาจักรรายนี้มากขึ้น

                "โจชัวเป็นแชมป์โอลิมปิก แต่เขาไม่ได้ยกตนข่มคนอื่น เขาถ่อมตัวและเรียนรู้ตลอดเวลา โจชัวเปิดกว้างสำหรับสิ่งใหม่ๆ เขามักจะมีคำถามอยู่เสมอ ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีที่เชิญเขามาที่นี่" คลิทช์โก้ เปิดเผยระหว่างเทรนนิ่งแคมป์ในปี 2014

                หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อกันเรื่อยมา จนกระทั่งได้เจอกันบนสังเวียนในไฟต์สุดท้ายของยอดมวยชาวยูเครน

 

 

ศัตรูที่เคารพ

                ไฟต์ระหว่าง โจชัว กับ คลิทช์โก้ ที่สนามเวมบลีย์ เมื่อวันที่ 29 เมษายนปี 2017 ได้รับการจับตามองอย่างมาก เพราะเป็นการเจอกันของยอดมวยจาก 2 ยุค โจชัว มาในฐานะแชมป์ไร้พ่ายของ ไอบีเอฟ ขณะที่ คลิทช์โก้ แม้จะเพิ่งเสียเข็มขัดทุกเส้นจากการแพ้ ไทสัน ฟิวรี่ แต่ย่อมไม่มีใครมองข้ามความสามารถของอดีตแชมป์ 5 สถาบัน

                อย่างไรก็ตาม บทสัมภาษณ์ของทั้งคู่ก่อนไฟต์ มีแต่ความเคารพซึ่งกันและกัน ไม่มีการใส่ร้ายป้ายสีเหมือนกับคู่อื่นๆ ที่เราเห็นกันจนชินตา

                "เขา(คลิทช์โก้) เป็นชายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าผมรับเอาแรงบันดาลใจมาจากเขาในการใช้ชีวิต แต่เมื่ออยู่ในสังเวียนคุณต้องเป็นตัวของตัวเอง"

                "พวกเรามีความเคารพซึ่งกันและกันอย่างมาก ซึ่งมันแตกต่างจากวงการมวยในปัจจุบัน" โจชัว กล่าวก่อนปะทะกับนักชกต้นแบบของตัวเอง

                ด้าน คลิทช์โก้ กล่าวถึงรุ่นน้องว่า "ถ้าเขาชนะ ผมก็จะแสดงความยินดี แต่หากผมชนะ ผมก็จะช่วยให้เขากลับมาได้อีกครั้ง"

                สุดท้าย โจชัว เป็นฝ่ายชนะทีเคโอ คลิทช์โก้ ในยกที่ 11 ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าทั้งคู่พูดถึงกันอย่างไร หลังจบไฟต์ที่ถูกยกให้เป็นไฟต์แห่งปี

 

โค้ชเฉพาะกาล

                ในตอนที่ โจชัว แพ้น็อกช็อกโลกต่อ แอนดี้ รุยซ์ จูเนียร์ ในเดือนมิถุนายนปี 2019 บรรดาสื่อและแฟนมวยต่างประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะก่อนขึ้นชกโจชัวเป็นต่อแทบทุกกระบวนท่า ซึ่งหลังจากนั้นความแปลกใจก็กลายเป็นความสงสัยเคลือบแคลง ดังนั้นในขณะที่โจชัวกำลังเตรียมขึ้นชกไฟต์รีแมตช์เจ้าตัวก็ตกเป็นเป้าวิจารณ์ไปด้วยเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นไม่ได้ส่งผลดีเลยแม้แต่น้อย

                อย่างไรก็ตาม มีคนหนึ่งที่ยังเชื่อมั่นในโจชัว และเข้ามาให้คำปรึกษาอย่างถูกที่ถูกเวลา เพราะเป็นสิ่งที่ตัวเองเคยเจอมาก่อนในอาชีพ

                "ผมอยากให้เขาประสบความสำเร็จ และไฟต์ที่เขาแพ้ รุยซ์ มันทำให้ผมนึกถึงตัวเองตอนแพ้ คอร์รี่ย์ แซนเดอร์ส เราต่างประเมินความสามารถของคู่ชกผิดพลาด" คลิทช์โก้ เปิดเผยถึงสาเหตุที่โทรเข้าไปให้กำลังใจและข้อคิดต่อโจชัว

                หากไม่มีความเคารพนับถือซึ่งกันและกันแล้ว ต่อให้เป็นคำพูดที่ดีเพียงใด คนฟังก็มีแต่จะเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ดังนั้นสายจาก คลิทช์โก้ จึงเป็นสิ่งที่ส่งผลในแง่บวกอย่างมาก

                "ผมให้ความเคารพนักชกทุกคน แต่ยกให้ คลิทช์โก้ เหนือกว่าคนอื่นๆ ดังนั้นผมจึงฟังคำพูดของเขาด้วยใจ และสิ่งหนึ่งที่ผมนับถือเขาอย่างมากคือ เขาโทรมาเพื่อให้คำปรึกษาโดยตรง ไม่ได้นำผมไปวิพากษ์วิจารณ์ผ่านหน้าสื่อเหมือนคนทั่วไป" โจชัว เหน็บ เลนน็อกซ์ ลูอิส อดีตแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวตเพื่อนร่วมชาติที่นำเขาไปวิจารณ์ผ่านสื่อ

 

 

                จากสายโทรศัพท์ในวันนั้น ทำให้ โจชัว ตาสว่างและกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ขณะที่ คลิทช์โก้ ยังคงให้คำปรึกษาและคอยเติมเต็มในสิ่งที่รุ่นน้องขาดหายไป จนสุดท้ายนักชกชาวสหราชอาณาจักรทวงเข็มขัดคืนจาก แอนดี้ รุยซ์ ได้สำเร็จ ซึ่งหลังจากนี้ต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับตัว โจชัว แล้วว่า จะสามารถเจริญรอยตาม

 

                สัจธรรมของวงการกีฬา คำว่า คลื่นลูกใหม่ไล่คลื่นลูกเก่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่คงมีไม่กี่ครั้งที่คลื่นลูกเก่าจะทำเหมือนสิ่งที่ วลาดิเมียร์ คลิทช์โก้ มอบให้กับ แอนโทนี่ โจชัว นั่นคือความยินดีและจริงใจที่จะถ่ายทอดความรู้รวมทั้งประสบการณ์ของตัวเองเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แม้รู้ดีว่าวันหนึ่งจะต้องเผชิญหน้ากันบนสังเวียนก็ตาม


stadium

author

ไทเกอร์ วืด

StadiumTH Content Creator