stadium

อดิศร นิลวิสุทธิ์ พ่อผู้สร้างฝันให้ลูกสาววัย 15 อยากพิชิตโลกด้วยการวิ่ง

3 ตุลาคม 2565

กิจกรรมร่วมกันภายในครอบครัว คือ จุดเริ่มต้นของ "พ่อลูกตะลุยเทรล" คู่พ่อและลูกสาวสายวิ่งเทรลลุยป่าต้องเคยเจอ เพราะผลงานขึ้นโพเดี้ยมหลายสนามเทรลที่ทำให้ทั้งสองคนเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการวิ่งเทรล

 

จุดเริ่มต้นเพื่อสุขภาพของคุณพ่อ สู่กิจกรรมยามว่างของลูกสาว ที่ปูทางไปสู่การเป็นนักวิ่งอาชีพ คือเรื่องราวของ เยน อดิศร นิลวิสุทธิ์ และมินนี่ ปภาดา นิลวิสุทธิ์ "พ่อลูกตะลุยเทรล" 

 

 

 

นักวิทย์อดีตนักวิ่ง เส้นทางชีวิตจากพ่อสู่ลูกสาว

 

"เมื่อก่อนผมเป็นนักวิ่ง 400 เมตร ตั้งแต่สมัยมัธยมจนถึงปริญญาตรี" พ่อเยนเล่าย้อนวัย ก่อนที่จะบอกว่าปัจจุบันมีอาชีพเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่ง และที่ปรึกษาด้านไอที 

 

จุดหักเหที่ทำให้กลับมาวิ่งอีกครั้ง เพราะผลตรวจสุขภาพที่ค่าต่างๆ เกินมาตรฐาน เลยเลือกจะกลับมาเล่นกีฬาเดิมสมัยเด็ก พอได้ออกกำลังกายครบ 3 เดือน สุขภาพก็กลับมาแข็งแรง

 

แต่สิ่งที่ได้แถมมาคือลูกสาว "น้องมินนี่" ที่เริ่มต้นวิ่งกับคุณพ่อ ซึ่งตอนนั้นน้องอายุได้ 8 ปี พ่อเย็นจึงให้น้องเริ่มต้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย 

 

มินนี่เล่าว่า "เริ่มวิ่งตอนแรกหนูยังไม่ได้ชอบมาก แต่เลือกวิ่งเพราะตามพ่อ" หลังจากวิ่งได้ 1 ปีก็เริ่มแข่งและชนะ โดยงานวิ่งถ้วยแรก เกิดขึ้นที่ ม.เกษตรฯ เป็นงานวิ่งถนนระยะ 5 กิโลเมตร นั่นเป็นจุดเริ่มต้นการวิ่งจริงจังของทั้ง 2 คน

 

 

 

เปิดตัวจริงจังในฐานะนักวิ่งเทรล

 

แม้จะสามารถวิ่งได้ดีในการแข่งวิ่งถนน แต่การวิ่งที่ถูกใจสองพ่อลูกก็คือการวิ่งเทรล ซึ่งมีจัดสำหรับเด็กด้วยเช่นกัน บรรยากาศของป่าเขา ธรรมชาติที่ไม่เคยซ้ำ ทำให้พ่อลูกใช้เวลาว่างในวันหยุดไปกับการวิ่งเทรล

 

พ่อเยนเล่าว่าการได้ไปวิ่งเทรลแต่ละครั้ง นอกจากจะสนุกแล้ว ยังเป็นกิจกรรมของครอบครัว พ่อลูกไปวิ่ง ส่วนแม่ตามไปเที่ยวด้วย เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ไปพร้อมกับการค้นพบตัวเองของลูกสาว

 

สนามแรกๆ ของการแข่งมินนี่ยังมีคุณพ่อคอยวิ่งประกบตลอด เพื่อระวังอันตรายให้ จนเมื่อสะสมประสบการณ์ได้มากพอ บวกกับความคุ้นเคยสนาม คุณพ่อจึงปล่อยให้วิ่งคนเดียวได้บ้าง

 

"แต่ตอนนี้ตามลูกไม่ทันละครับ" พ่อเยนหัวเราะ ส่วนมินนี่เล่าว่าไม่ได้กลัวที่ต้องวิ่งคนเดียวในป่า "หนูตื่นเต้นมากกว่า เวลาแข่งก็กลัวโดนแซงมากกว่ากลัวที่ต้องวิ่งคนเดียว"

 

อย่างไรก็ตามสนามแข่งที่สองพ่อลูกเลือกจะไปก็จะมีมาตรฐาน แต่พ่อเยนบอกว่า "ไม่ว่างานจะดีแค่ไหนก็ต้องดูแลตลอด รับปากกับแม่เค้าไว้ ไม่งั้นเค้าจะไม่ปล่อย ถ้าผมวิ่งด้วย เขาถึงจะให้ไป" 

 

การได้เก็บประสบการณ์ในหลายสนามทำให้น้องมินนี่ได้สร้างชื่อในการแข่งเทรลมาแล้วหลายครั้ง ทั้งสนามใหญ่ๆ ที่มินนี่ได้ขึ้นโพเดี้ยมอันดับ 1 ทั้ง ตะนาวศรีเทรล 2020 ระยะ 10K, THAILAND ดอยอินทนนท์ BY UTMB 2021 ระยะ 14K, ตะนาวศรีเทรล 2021 ระยะ 10K, Columbia Trail Master 2022 ระยะ 10K, Amazean Jungle Trail 2022 ระยะ 10K, TAK TRAIL 2022 ระยะ 7K และ NavyFrog Trail ระยะ 5K     

 

 

 

การศึกษาทั้งในและนอกห้องเรียน

 

ปัจจุบัน มินนี่ อายุ 15 ปี เรียนอยู่ที่โรงเรียนหอวัง หนึ่งในโรงเรียนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย พ่อเยนเล่าว่าน้องไม่ใช่คนเก่งด้านวิชาการมากนัก แต่ได้เข้าเรียนที่นี่เพราะการวิ่ง

 

"เหมือนจังหวะชีวิตครับ หอวังจัดงานวิ่งแล้วมินนี่แข่งชนะ ได้ขึ้นไปพูดบนเวที ต่อหน้าผอ.โรงเรียน เขาเลยบอกว่าอยากเข้าโรงเรียนนี้" และมินนี่ก็ได้กลายเป็นนักเรียนโควตานักวิ่งคนแรกของโรงเรียน

 

ระบบความคิดแบบนักวิทยาศาสตร์ของพ่อเยน ทำให้มีการจัดการด้านต่างๆ ของลูกสาวได้แบบมีประสิทธิภาพมาก เมื่อพ่อเยนเห็นว่ามินนี่มีพัฒนาการด้านการวิ่งที่ดี ก็ให้ลูกสาวสะสม Portfolio ไว้ตั้งแต่เด็ก จนน้องก้าวเข้าสู่การวิ่งเพื่อความเป็นเลิศ

 

การวิ่งและการเรียนดำเนินไปควบคู่กัน เป็นประสบการทั้งในและนอกห้องเรียนของเด็กวัย 15 ปี ที่ใช้เวลาว่างหลังจากการเรียนไปกับการวิ่ง ไม่จำเป็นต้องเรียนพิเศษ แต่ใช้เวลาไปกับการออกกำลังกาย ที่ทำให้ค้นพบตัวเองได้ก่อนเด็กวัยเดียวกัน

 

"คิดว่าเลือกถูกแล้วที่ให้ลูกวิ่ง เห็นพัฒนาการ เห็นความเร็วของเขา ผมไม่เคยเค้นให้รีบเก่ง แต่ให้เขาค่อยๆ พัฒนาไป" พ่อเยนกล่าวแบบภูมิใจ ก่อนที่มินนี่จะเสริมว่า วิ่งแล้วเหนื่อย แต่ก็ชอบ

 

"ซ้อมนี่เหนื่อยมาก มากกว่าแข่ง แต่ยังชอบวิ่งอยู่ เพราะท้าทาย ที่จริงก็ชอบการแข่งขันประมาณนึง แต่ก็สนุกกับมันมากกว่า" มินนี่เล่า

 

 

เส้นทางต่อไปเพื่อทีมชาติ

 

สำหรับเด็กผู้หญิงอายุ 15 ปี การค้นพบตัวเองในวัยขนาดนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่สำหรับมินนี่ที่มีพ่อเยนคอยซัพพอร์ทเต็มที่ ทำให้น้องค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบและทำได้ดี มินนี่ ในวัย 15 ปี พูดด้วยความมั่นใจว่าความฝันของเธอคือการแข่งเทรลระดับโลก "หนูอยากแข่งเทรล อยากแข่งกับคนต่างประเทศ คือการแข่งระดับโลก" 

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะมีแววในการวิ่งที่ดีแค่ไหน แต่การศึกษาก็สำคัญ ซึ่งการจะเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย การติดทีมชาติ หรือเยาวชนทีมชาติจะมีส่วนช่วยให้มีโอกาสได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ พ่อเยนจึงบอกว่าปีหน้าจะปรับให้มินนี่วิ่งในลู่ ระยะกลาง และระยะไกลมากขึ้น 

 

"ถ้าจะให้เข้ามหาลัยก็ต้องติดทีมชาติ ระดับเยาวชนก็ได้ แต่ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะวิ่งไปนานแค่ไหน คือ ให้วิ่งควบคู่กับการเรียน พ่ออยากให้ไปทางเทรล เพราะน้องชอบ และทำเป็นประจำอยู่แล้ว" พ่อเยนเล่าถึงเป้าหมายในอนาคตของลูกสาว 

 

 

โดยปีหน้า มินนี่จะอายุครบ 16 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงสำคัญของการเป็นนักกีฬาแบบเต็มตัว ในตอนนั้นจึงจะเข้าสู่ระบบการซ้อมแบบเต็มที่ เพื่อค้นหาตัวเองว่ามีความถนัดการวิ่งแบบใดมากที่สุด ทั้งเทรล การวิ่งระยะกลาง หรือการวิ่งถนน "วันนี้มันเหมือนกับว่า ความหนักยังไม่ได้หนักเท่าเด็กคนอื่น ไม่ได้ถึงขั้นเค้น แต่เมื่อซ้อมเข้าระบบแล้วก็จะรู้ว่าจะไประยะใด ก็มีโอกาสไปถึงระดับประเทศได้"

 

การติดทีมชาติได้กลายเป็นความฝันของเด็กยุคใหม่หลายคน โดยเฉพาะตอนนี้ที่วงการวิ่งไทยไปถึงระดับโลกได้แล้ว พ่อลูกตะลุยเทรลก็มีความฝันไปถึงระดับนั้นเช่นกัน "ในวันนี้อาจจะไม่มีทีมชาติเทรล แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ แต่ถึงจะไม่มีเราก็สามารถเป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อไปแข่งขันได้ ทุกวันนี้แข่งแต่ละครั้งใช้เงินเยอะก็จริง แต่ผมไม่ได้คิดเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะเป็นประสบการณ์ของลูก"

 

ชัยชนะในหลายสนามที่ผ่านมาของมินนี่ในวัย 15 ปี ที่จริงแล้วถือเป็นแค่ก้าวแรกของความฝันเท่านั้น ปีหน้าจะถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญมากของมินนี่ ซึ่งพ่อเยนก็ยืนยันที่จะสนับสนุนน้องไปจนสุดทาง "ปีหน้าน่าจะมีเวทีให้ลงแข่งเยอะ เราไปแน่นอนครับ อย่างสนาม UTMB MONT-BLANC ที่ฝรั่งเศสคือไปแน่นอน แค่รอให้ถึงวัยก่อน รวมถึงสนามใกล้ๆ ในย่านอาเซียน และเอเชีย"


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง

La Vie en Rose