stadium

กว่าจะเป็น สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดระดับปรากฎการณ์มอเตอร์สปอร์ตไทย

29 กันยายน 2565

สุดสัปดาห์นี้ โมโตจีพี รายการโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ กลับมาแข่งขันในประเทศไทยครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังห่างหายไปเนื่องจากสถานการณ์โควิดทั่วโลก ซึ่งนักบิดที่ครองใจชาวไทย รวมไปถึงแฟนความเร็วต่างชาติเวลานี้ ต้องยกให้ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดจากอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแข่งไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ในระดับเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

 

 

จังหวะชีวิต เหมือนถูกลิขิตไว้

 

กว่าจะมาถึงวันนี้ เส้นทางการเป็นนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ทางเรียบของนักบิดหนุ่ม เจ้าของรอยยิ้มหวานเกินต้านจากจังหวัดชลบุรี ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะตบเท้าเข้าสู่วงการ 2 ล้อ ก็ตอนอายุได้ 9 ขวบแล้ว ซึ่งถือว่าค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับนักแข่งคนอื่นๆ แต่ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักในกีฬาความเร็ว ทั้งจากความชอบส่วนตัว และการมีพี่ชายเป็นนักแข่ง ประกอบกับบ้านของ ก้อง อยู่ไม่ไกลจากสนามพีระ เซอร์กิต จึงขอให้พี่สาวพาไปสนาม

 

จังหวะชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ และสำหรับ “ก้อง” สมเกียรติ ก็เหมือนชะตาชีวิตได้ลิขิตไว้ เพราะช่วงที่ตัดสินใจเข้าสู่สนามแข่งอย่างจริงจริง โครงการฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล จัดขึ้นที่สนามพีระ เซอร์กิต พอดี “ก้อง” สมเกียรติ จึงร่วมคัดเลือกและผ่านเข้าเป็นหนึ่งในเด็กปั้นของโครงการ เมื่อปีพ.ศ. 2550

 

 

 

พรสวรรค์ฉายแสงตั้งแต่แรกเริ่ม

 

พรสวรรค์ของ “ก้อง” สมเกียรติ ฉายแววตั้งแต่เด็ก เจ้าตัวเคยเล่าว่าสนามแรกที่ลงแข่งขัน ใช้ใจล้วนๆ แทบจำไม่ได้ว่าต้องไปทางไหนอย่างไรจนเผลอขี่ลัดสนาม แต่ผ่านไปได้แค่ 3 เรซ สมเกียรติ จันทรา กลับผงาดคว้าแชมป์ได้ชนิดที่ทั้งตัวเขาและโค้ชในเวลานั้นเซอร์ไพรส์กับผลงานที่ทำได้

 

หลังจากฝึกฝนในโครงการฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล 1 ปีเต็ม “ก้อง” สมเกียรติ ก็เริ่มขยับมาลงแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยในรุ่นออโตเมติก 100 ซีซี ต่อด้วย CBR250 ซึ่ง ณ เวลานั้น ฝีไม้ลายมือของหนุ่มชลบุรีที่ชอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจ ก็ได้รับการจับตาจากทั้งในประเทศและระดับทวีป จนเมื่ออายุครบ 15 ปี สมเกียรติ จันทรา ผ่านการคัดเลือกจากนักบิดกว่า 600 คน ได้ไปโลดแล่นบนเวทีเอเชีย เป็นหนึ่งในตัวแทนประเทศไทย ลงแข่งขันในรายการเอเชีย ทาเลนต์ คัพ

 

 

 

คว้าแชมป์บนเวทีเอเชีย เปิดประตูสู่ระดับอินเตอร์

 

หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คงเป็นสำนวนที่บอกเล่าเรื่องราวปีแรกของ “ก้อง” สมเกียรติ ในเอเชีย ทาเลนต์ คัพ ได้เป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่ประกาศไลน์อัพนักบิดรายการนี้สำหรับฤดูกาล 2015 “คิงคองก้อง” เป็นหนึ่งในนักบิดน่าจับตา แต่น่าเสียดายที่ปีนั้นเขาได้รับบาดเจ็บจนลงแข่งขันได้เพียง 2 สนาม 4 เรซเท่านั้น คือที่ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ และ โลเซล อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์ จากทั้งหมด 6 สนาม12 เรซ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังเก็บได้มากถึง 61 คะแนน คว้าอันดับ 12 มาครอง

 

ปีถัดมา “ก้อง” สมเกียรติ ลงแข่งด้วยความพร้อมที่มากกว่าเดิม ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เป็นตัวเต็งลุ้นแชมป์ ซึ่งในเรซสุดท้ายของซีซั่นที่เซปัง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย ท่ามกลางสายฝนและอุบัติเหตุของรถคันอื่นๆ “ก้อง” สมเกียรติ โชว์ความนิ่งที่แฝงไปด้วยความแข็งแรง ควบรถหมายเลข 18 เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก การันตีแชมป์เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2016 สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบิดไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ในรายการนี้ ซึ่งหลังจบการแข่งขันวันนั้น อัลแบร์โต้ พูช บอสใหญ่ของฮอนด้า เรซซิ่ง คอร์เปอเรชั่น และผู้อำนวยการแข่งขันเอเชีย ทาเลนต์ คัพ ออกปากชมว่า “จันทรา เป็นนักแข่งที่มีความเร็วและประเมินสถานการณ์ในสนามได้เป็นอย่างดี เหมาะสมที่จะคว้าแชมป์ในปีนี้”

 

 

 

เหินฟ้าสู่ยุโรป กรุยทางโมโตจีพี

 

2017 คือฤดูกาลแรกที่ “ก้อง” สมเกียรติ ต้องเดินทางข้ามทวีปไปไกลสู่ยุโรป เพื่อร่วมแข่งขันในรายการ เอฟไอเอ็ม ซีอีวี โมโต 3 จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ (FIM CEV Moto3 Junior World Championship) ซึ่งเป็นรายการปั้นนักบิดสู่โมโตจีพี เปิดฉากมาเรซแรก “ก้อง” สมเกียรติ คว้าโพลโพซิชั่นไปครองได้ทันที ก่อนจะสร้างผลงานโดดเด่นที่ เลอ มังส์ ด้วยการคว้าอันดับ 8 และจนอันดับ 7 ที่อารากอน ปิดท้ายฤดูกาลในอันดับ 20 

 

ปีต่อมา สมเกียรติ แสดงให้เห็นพัฒนาการ เดินหน้าเก็บแต้มได้ดีต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้ขึ้นโพเดียม แต่ก็จบในท็อป 10 ถึง 5 เรซ ซึ่งอันดับสูงสุดคือที่ 4 สนามเลอ มังส์ ประเทศฝรั่งเศส และในปีเดียวกัน “ก้อง” สมเกียรติ คว้าสิทธิ์ไวลด์การ์ด ลงแข่งขันไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 ในรุ่นโมโต 3 และก็ไม่ทำให้ผิดหวัง คว้าอันดับ 9 มาครองชนิดได้ใจแฟนชาวไทย

 

 

สถานีต่อไป เวิลด์ กรังด์ปรีซ์

 

ก่อนการแข่งขันไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 ฮอนด้า แจ้งเชิญสื่อมวลชนร่วมแถลงข่าวใหญ่ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ได้ลงแข่งขันในระดับเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นโมโต 2 ให้ฮอนด้า ทีมเอเชีย ด้วยสัญญา 2 ปี 2019-2020 ซึ่งโอกาสที่ได้รับครั้งนี้ ก้อง ก็สู้เต็มที่ ประเดิมปีรุกกี้ด้วยการเก็บ 23 คะแนน ในขณะที่ทีมเมทคนอื่น ๆ ไม่มีแม้แต่แต้มเดียว

 

อย่างไรก็ตาม ซีซั่นที่ 2 ของ ก้อง ต้องเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน และด้านอื่น ๆ แต่เมื่อกลับมาแข่งในบ้าน ก็ยังคงรักษามาตรฐานได้ดี จบอันดับ 9 ในไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน และทำให้เขายังคงได้รับโอกาสไปต่อกับฮอนด้า ทีมเอเชีย ในการแข่งขันโมโต 2

 

2021 เป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งในชีวิตของ ก้อง สมเกียรติ เมื่อได้มาร่วมงานกับเพื่อนซี้อย่าง ไอ โอกุระ ในฐานะทีมเมท และยังได้ทีมช่างชุดใหม่เข้ามา แม้ว่าช่วงแรกจะยังต้องปรับจูนกันอยู่บ้าง แต่เมื่อทุกอย่างลงตัว ผลงานก็พุ่งกระฉูด โดยเฉพาะที่เรดบูลล์ริง ประเทศออสเตรีย ซึ่งแข่งขันต่อกัน 2 สัปดาห์ เรซแรก ก้อง จบอันดับ 8 ก่อนจะทำสถิติจบอันดับสูงที่สุดตั้งแต่ลงแข่งในเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ในออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ เมื่อสามารถคว้าท็อป 5 มาครอง

 

 

“จันทรา” พาเพลงชาติไทย ดังกระหึ่มโลก

 

มาปีนี้ เจ้าของรถหมายเลข 35 เปิดฉากได้ชนิดทำเอาแฟน ๆ ใจหายใจคว่ำ เมื่อประสบอุบัติเหตุตั้งแต่สนามแรกที่กาตาร์ จนทำให้ต้องถอนตัวจากการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม สนามต่อมาที่มันดาลิกา สตรีท เซอร์กิต อินโดนีเซีย “ก้อง” สมเกียรติ ทำให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เฮกันทั้งประเทศ เมื่อคว้าธงตราหมากรุกเป็นคนแรก สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักบิดไทยคนแรกที่คว้าแชมป์ในระดับเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ พาเพลงชาติไทยดังกระหึ่มไปทั่วโลก

 

ความร้อนแรงของ มิสเตอร์จันทรา ยังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อสามารถขึ้นโพเดี้ยมต่อเนื่องในเรซต่อมาที่อาร์เจนติน่า คว้าอันดับ 2 จนทำให้ทั้งสื่อและแฟนคลับจากทุกมุมโลกจับตามองมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ใช่แค่พัฒนาการด้านการขับขี่ที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่บุคลิกที่สนุกสนาน เป็นกันเอง มีรอยยิ้มทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ ก็ทำเอาใคร ๆ เทใจให้ไม่ยาก

 

อีกหนึ่งประวัติศาสตร์ใหม่ที่ “ก้อง” สมเกียรติ ทำได้ตั้งแต่จบการแข่งขันซานมารีโน่ กรังด์ปรีซ์ ที่ประเทศอิตาลี คือเป็นนักบิดไทยคนแรกที่เก็บคะแนนสะสมได้มากกว่า 100 แต้มในฤดูกาลเดียว และยังคงเดินหน้าคว้าแต้มต่อเนื่อง

 

 

โฮมเรซ ครั้งที่ 3 กับความคาดหวังที่ต้องรับมือ

 

สุดสัปดาห์นี้ จะเป็นการลงแข่งขันโฮมเรซครั้งที่ 3 ในระดับเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ของ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ซึ่งผลงานที่ทำไว้ 16 สนามที่ผ่านมา ทำให้แฟน ๆ คาดหวังว่าจะเห็น SC35 ขึ้นสู่จุดสูงสุดบนโพเดียม นำเพลงชาติไทยดังไกลไปทั่วโลกอีกครั้ง

 

เดิมที “คิงคองก้อง” ยอมรับว่ารู้สึกกดดันไม่น้อย แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาแข่งขันจริงๆ กลับผ่อนคลายลง และอยากขอบคุณทุกการสนับสนุน โดยเฉพาะปีนี้ที่มี “จันทรา สแตนด์” เป็นครั้งแรก เชื่อว่าทุกครั้งที่มองไปคงได้เห็นกำลังใจที่ทุกคนพร้อมส่งมาให้ และตั้งเป้าไว้ว่าอยากสู้ให้เต็มที่ เพื่อให้แฟน ๆ ทุกคนได้มีความสุข และภูมิใจไปพร้อมกัน

 

ไม่ว่าการแข่งขันสุดสัปดาห์นี้จะจบลงอย่างไร แต่ ณ เวลานี้ “ก้อง” สมเกียรติ จันทรา ได้สร้างปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยเรียบร้อยแล้ว เป็นแรงบันดาลใจให้เด็กรุ่นใหม่ ทำให้นักแข่งไทยเป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลก และเป็นแบบอย่างที่ดีของความเป็นนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ สู้เพื่อฝัน สู้เพื่อเป็นที่หนึ่งในแบบของตัวเอง


stadium

author

Une Boonmee

StadiumTH Content Creator

โฆษณา