26 กุมภาพันธ์ 2568
ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่การแข่งขันระดับโลกจะมาจัดขึ้นในบ้านเรา แต่เมื่อได้รับโอกาสแล้ว ประเทศไทยไม่เคยทำให้ต้องผิดหวัง อย่างเช่นในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบ โมโต จีพี รายการ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์
นับตั้งแต่ได้สิทธิ์จัดการแข่งขันครั้งแรกในฤดูกาล 2018 มาถึงฤดูกาลล่าสุดคือ 2025 รายการนี้ยังคงได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั๋วแข่งจำหน่ายหมดในพริบตา และที่พักต้องจองล่วงหน้ากันเป็นปี
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ มีความเป็นมาอย่างไร ฤดูกาลนี้น่าสนใจแค่ไหน ติดตามได้ที่นี่
บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จุดเริ่มดีลประวัติศาสตร์
แนวความคิดที่จะจัดการแข่งขัน โมโต จีพี ในบ้านเรา เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้กับสนาม บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ที่เปิดใช้งานในปี 2014 และได้รับการการันตีมาตรฐานระดับโลกจากทั้ง สมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (FIA) และสมาพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (FIM) ให้อยู่ในเกรดที่สามารถจัดการแข่งขันทั้งรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือ ฟอร์มูล่า วัน และ โมโต จีพี
เมื่อสถานที่พร้อม และได้รับการันตีจากองค์กรระดับโลก ทำให้บรรดาผู้เกี่ยวข้องรวมถึงรัฐบาลไทย มองเห็นความเป็นไปได้ในการเสนอตัวจัดการแข่งขันศึกสองล้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เนื่องจากวิเคราะห์แล้วว่าจะมีผลตอบรับที่ดีเพราะแฟนกีฬาเข้าถึงได้ง่ายกว่าเอฟวัน ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจเดินหน้าเจรจากับ ดอร์น่า สปอร์ตส์ เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน เพื่อดึง โมโต จีพี มาแข่งต่อหน้าแฟนกีฬาชาวไทย และบรรลุข้อตกลงรวมทั้งเซ็นสัญญา 3 ปี (2018-2020) ในวันที่ 31 สิงหาคมปี 2017
ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 กับความยอดเยี่ยมของ มาร์ค มาร์เกซ
ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ได้รับการบรรจุเข้าสู่ปฏิทินการแข่งขันของ โมโต จีพี ครั้งแรก ในฤดูกาล 2018 โดยเป็นสนามที่ 15 ซึ่งในฤดูกาลนั้น มาร์ค มาร์เกซ นักบิดชาวสเปนของทีม เรปโซล ฮอนด้า ที่กำลังไล่ล่าแชมป์สมัยที่ 5 ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ได้แชมป์ไปแล้ว 6 สนาม และขึ้นโพเดียมอีก 5 สนาม ก่อนจะมาแข่งที่ บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และเจ้าตัวไม่ทำให้แฟนกีฬาชาวไทยผิดหวัง เมื่อคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จพร้อมโกยคะแนนทิ้งห่าง อันเดรีย โดวิซิโอโซ่ นักบิดชาวอิตาลีของทีมดูคาติ ก่อนจะการันตีแชมป์โลกในสนามถัดมาที่ญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน รายการนี้ยังมีนักบิดชาวไทยที่ได้ลงแข่งโฮมเรซถึง 4 คน นั่นคือ "ติ๊งโน้ต" ฐิติพงศ์ วโรกร ที่ได้สิทธิ์ไวลด์การ์ดลงแข่งให้ทีมคาเล็กซ์ในรุ่น โมโตทู และคว้าอันดับ 18 ส่วนในรุ่น โมโตทรี มีทั้ง “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ของ ฮอนด้า ทีม เอเชีย, "แสตมป์" อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ ของทีม วีอาร์46 มาสเตอร์แคมป์ และ "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา ที่ลงในนาม เอพี ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ โดย "คิงคองก้อง" ที่ได้ไวลด์การ์ดลงแข่งเวทีระดับโลกเป็นหนแรกสร้างผลงานเซอร์ไพรส์คว้าอันดับ 9 ไปครอง
มาร์ค มาร์เกซ กับแชมป์โลกหนสุดท้ายแบบไร้เทียมทาน ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019
ในฤดูกาลต่อมา มาร์เกซ ยังคงไม่หยุดความร้อนแรง พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความเป็นที่สุดของโลก เมื่อเจ้าตัวคว้าชัย 8 สนาม พลาดโพเดียมเพียงรายการเดียวคือ ยูเอส กรังด์ปรีซ์ ที่แข่งไม่จบ และต้องการเพียง 2 คะแนนจากการแข่งขันที่บุรีรัมย์เพื่อการันตีคว้าแชมป์โมโต จีพี 4 สมัยซ้อน รวมทั้งเป็นสมัยที่ 6 ซึ่งมาร์เกซจัดหนักจัดเต็มแบบไม่มีผ่อน ก่อนจะแซง ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสเจ้าของตำแหน่งโพล ในรอบสุดท้าย คว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ และเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 8 รวมทุกคลาสของเจ้าตัวอีกด้วย
ส่วนนักบิดไทยมีลงแข่งแค่รายเดียวเท่านั้นคือ "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา ที่แข่งรุ่นโมโตทูแบบเต็มตัวฤดูกาลแรก ในสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย และคว้าอันดับ 9 ไปครอง 2 ปีติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ในปีต่อมา ด้วยวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ทำให้ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ต้องงดจัดการแข่งขันไปนานถึง 2 ปี เช่นเดียวกับการขาดหายไปของ มาร์ค มาร์เกซ ที่โดนปัญหาอาการเจ็บทำให้รุ่นโมโต จีพี มีแชมป์โลกหน้าใหม่อย่าง โจน เมียร์ ในปี 2020 และ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ ในฤดูกาล 2021 อย่างไรก็ตาม แฟนกีฬาความเร็วในบ้านเรายังมีข่าวดีเมื่อรัฐบาลอนุมัติการต่อสัญญาจัดการแข่งขันอีก 5 ปี คือ 2021-2025
ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022 กับโฮมเรซของ "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา ที่ฝันสลายด้วยพายุฝน
ฤดูกาล 2022 ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ได้หวนกลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้ง ซึ่งแม้จะห่างหายไปพักใหญ่ แต่ความมันสะใจยังคงดุเดือดไม่แพ้ 2 ครั้งที่ผ่านมา หนนี้แชมป์รุ่นโมโตจีพีเป็นของ มิเกล โอลิเวร่า นักบิดชาวโปรตุกีสจากเร้ดบูล เคทีเอ็ม ตามด้วย แจ็ค มิลเลอร์ นักแข่งชาวออสซี่ของ ดูคาติ เลอโนโว และเป็กโก้ บัญญาย่า เพื่อนร่วมทีมชาวอิตาลีที่กำลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับ ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ นักแข่งชาวฝรั่งเศสของมอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า ที่เข้าอันดับ 17 ในสนามนี้ ทำให้ บัญญาย่า ไล่จี้มาเหลือเพียง 2 คะแนนในอันดับตารางนักแข่ง และเป็นสถานการณ์สำคัญที่ส่งให้เจ้าตัวแซงคว้าแชมป์ในบั้นปลายอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์จริง ๆ ของรายการนี้คือ การลงแข่งต่อหน้าแฟนชาวไทยของ "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา ผู้สร้างประวัติศาสตร์จากการเป็นนักบิดไทยคนแรกที่คว้าชัยในโมโตทู จากรายการ อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ และขึ้นโพเดียมไปอีก 3 สนาม ซึ่งเจ้าก้องระเบิดฟอร์มคว้าตำแหน่งโพลโพซิชันไปครอง ทำให้แฟน ๆ ชาวไทย ตั้งความหวังถึงการได้เห็นแชมป์คนไทยในสนามแห่งนี้ แต่เมื่อถึงเวลาแข่งรอบชิงชนะเลิศ จากสภาพฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้แทร็กมีน้ำขัง ขี่ได้อย่างยากลำบาก สมเกียรติ ที่ทำได้ดีมาตลอด ขึ้นนำเดี่ยวหลังจบรอบแรก มาเสียหลักในจังหวะเข้าโค้งของรอบที่สองจนรถล้มต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเจ็บใจ และสุดท้ายคนที่เหลือสามารถแข่งได้เพียง 8 รอบสนามจากทั้งหมด 16 รอบเท่านั้น ซึ่งแชมป์เป็นของ โทบี้ อาร์โบลิโน่ นักบิดชาวอิตาลี ขณะที่ เขมินทร์ คูโบะ อีกหนึ่งนักบิดไทยจบในอันดับ 9 ของการแข่งขัน
ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023 สมเกียรติ จันทรา กับโพเดียมแรกในบ้านเกิด
ความน่าสนใจของไทยแลนด์กรังด์ปรีซ์ 2023 ยังคงอยู่ที่ "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยในโมโตทู หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งคว้าแชมป์เจแปนีส กรังด์ปรีซ์ มาจาก 3 สนามก่อนหน้านี้ รวมทั้งต้องการลบความผิดหวังจากฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งในรอบควอลิฟายก้องคว้ากริดอันดับ 5 มาได้ และพอถึงรอบชิงชนะเลิศ เจ้าตัวเร่งเครื่องบิดมาจบในอันดับ 3 คว้าโพเดียมบนบ้านเกิดได้เป็นหนแรกพร้อมด้วยรอยยิ้มที่แสดงถึงความปลาบปลื้มที่มอบความสุขให้แฟนกีฬาชาวไทยได้สำเร็จ ส่วนแชมป์เป็นของ เฟร์มิน อัลเดเกร์ นักบิดจากสเปนที่นำม้วนเดียวจบ ตามด้วย เปโดร อคอสต้า เพื่อนร่วมชาติ
ขณะที่รุ่นโมโตจีพี ฆอร์เก้ มาร์ติน นักแข่งชาวสเปนของทีม พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง คว้าแชมป์ไปครอง ตามด้วย ฟรานเชสโก้ บัญญาย่า แชมป์โลกชาวอิตาเลียน ของทีมดูคาติ เลอโนโว ที่ไม่ยอมให้มาร์ตินลดช่องว่างในตารางนักแข่งไปมากกว่านี้ ส่วนอันดับ 3 คือ แบร์ด บินเดอร์ จากแอฟริกาใต้ ของทีม เรด บลู เคทีเอ็มแฟคตอรี่ เรซซิ่ง
นอกจากนี้ ในรุ่นโมโตทรี ยังมีนักแข่งชาวไทยลงชิงชัย 2 รายด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด คือ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย และ “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ จากยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ซึ่งผลปรากฏว่า ไอเดียจบอันดับ 27 ขณะที่ ก๊องส์ จบอันดับ 28 ของการแข่งขัน
ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2024 กับอีกครั้งที่ บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต เป็นสนามตัดสินแชมป์
จากการขึ้นโพเดียมของ "ก้อง" ในปี 2023 ทำให้แฟนกีฬาชาวไทยตั้งตารอคอยการแข่งขันในปี 2024 อย่างใจจดใจจ่อ อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุในอินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ทำให้นักบิดชาวไทยต้องถอนตัวมา 2 สนามติดต่อกัน พร้อมกับข่าวว่าร่างกายยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ในการลงแข่งโฮมเรซ แต่แล้วเมื่อสัญญาณไฟปล่อยตัวนักแข่งทำหน้าที่ในรอบชิงชนะเลิศ สมเกียรติ จันทรา ทำให้แฟนกีฬาชาวไทยต้องตกหลุมรักเขาอีกครั้ง เมื่อสวมหัวใจนักสู้กัดฟันบิดจากกริดสตาร์ตอันดับ 13 ไปจบในอันดับ 4 เกือบขึ้นโพเดียม 2 ปีติด ส่วนแชมป์เป็นของ แอรอน คาเน็ต จากสเปน ตามด้วย ไอ โอกูระ นักบิดชาวญี่ปุ่น เพื่อนร่วมทีมอิเดมิตสึของสมเกียรติ ซึ่งจาก 20 แต้มในสนามนี้ ทำให้เจ้าตัวมีคะแนนเพียงพอที่จะการันตีคว้าแชมป์โลก รุ่นโมโตทู สมัยแรกมาครองได้สำเร็จ ส่วนอันดับ 3 มาร์กอส รามิเรซ นักแข่งจากสเปน
ส่วนรุ่นโมโตจีพี เป็กโก้ บัญญาย่า นักบิดอิตาเลียนของ ดูคาติ เลอโนโว คว้าแชมป์ไปครอง อันดับ 2 เป็น ฆอร์เก้ มาร์ติน นักแข่งสเปน จาก พรีม่า พรามัค เรซซิ่ง ทีม และอันดับ 3 คือ เปโดร อคอสต้า จากเร้ดบูล แกสแกส เทคทรี ขณะที่รุ่นโมโตทรี ที่ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี จาก ฮอนด้า ทีม เอเชีย ได้ลงแข่งแบบเต็มตัวเป็นฤดูกาลแรก ทำผลงานคว้าอันดับ 17 ไปครอง
2025 กับอีกขั้นความฝันของ สมเกียรติ จันทรา
หลังจากเป็นสักขีพยานแชมป์โลกมาแล้วหลายฤดูกาล มาถึงปี 2025 (รวมถึง 2026) โมเมนต์นั้นจะไม่ได้เกิดขึ้นที่ บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต อีกต่อไป เมื่อมีการปรับปฏิทินให้ย้ายมาเป็นสนามแรกของฤดูกาล เนื่องจาก ดอร์น่า สปอร์ตส์ เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขันเล็งเห็นแล้วว่า มูลค่าทางการตลาดของรายการนี้ เหมาะสมที่จะขยับมาเป็นฉากแรกของการขับเคี่ยวอันเข้มข้น เนื่องด้วยความสนใจของแฟน ๆ และการบริหารจัดการการแข่งขัน
ขณะเดียวกัน การย้ายมาแข่งเป็นรายการแรก ยังเป็นผลดีต่อหลายฝ่าย หนึ่งในนั้นคือ "ก้อง" สมเกียรติ จันทรา ที่ได้รับโอกาสขยับมาแข่งในรุ่นโมโตจีพีกับทีม อิเดมิตสึ ฮอนด้า แอลซีอาร์ ดังนั้น การประเดิมด้วยโฮมเรซ พร้อมเสียงเชียร์อันคับคั่งจากแฟนชาวไทย ย่อมมีส่วนช่วยเขาเค้นผลงานได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งเราคงต้องมาคอยติดตาม และเอาใจช่วยนักบิดหมายเลข 35 กับการท้าทายเวทีสองล้ออันดับ 1 ของโลกกันต่อไป ด้วยใจหวังว่าจะได้เห็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยถูกเขียนขึ้นใหม่อีกหน
TAG ที่เกี่ยวข้อง