กุหลาบเหล็กจะเป็น “ผู้สานฝัน” หรือ “ดับฝัน” ชบาแก้ว ?

กุหลาบเหล็กจะเป็น “ผู้สานฝัน” หรือ “ดับฝัน” ชบาแก้ว ?

ในเวลานี้คงไม่แปลกใจถ้าใครจะพูดว่าโอลิมปิกที่โตเกียวสำหรับทีมหญิงของเรา มันได้จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เปาสาวชาวญี่ปุ่นพ่นลมยาวลงนกหวีดของเขาในแมตช์กับไต้หวันเมื่อสามวันก่อน(วันที่เราบุกอยู่แทบตาย แต่ไม่ได้ประตูคืนแม้แต่ลูกเดียว)

“ไม่แปลก” และก็เถียงไม่ออก เพราะตามหน้าสื่อการจะคว้าตั๋วโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวมาไว้ในมือเราหนนี้ โจทย์ข้อแรกและถือเป็นข้อใหญ่ คือทำยังไงก็ได้ให้ผ่านรอบแบ่งกลุ่มรอบนี้ไปให้ได้เสียก่อน และงานที่นับว่าเบาที่สุด(เมื่อชำเลืองไปรอบๆมองเพื่อนร่วมกลุ่ม) ไต้หวันดูจะเป็นทีมที่เราจะเอาไว้กรุยทางเข้ารอบต่อไป และเมื่อผลมันออกมาแบบนั้น ใครบ้างจะยังกล้าแถดังๆว่าเรายังอยู่ในเส้นทาง

ยิ่งพอเงยหน้ามองอนาคตอันใกล้ที่มีจีน เบอร์ 4 ของทวีปรออยู่ในเกมถัดไป แถมมีแมตช์ปิดท้ายรอบนี้เป็นเบอร์ 1 ของทวีปและยังเป็นเจ้าบ้านอีกต่างหาก แบบนี้ใครยังจะกล้ารับประทานดีหมีส่งเสียงดังว่าเรายังมีหวังลุ้นกันได้ยาวๆ

แต่นั่นคือเรื่องของสถิติ, ดีกรี, ชื่อชั้น และภาพที่ถูกวาดไว้ให้ใครหลายคนได้จินตนาการ และในโลกของฟุตบอล..สิ่งที่ว่ามาทั้งหมดนั้นก็ไม่ใช่ตัวที่จะกำหนดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในสนาม เพราะมันก็มีให้เห็นกันอยู่หลายครั้งที่ทีมที่ดูอ่อนกว่า (จากชื่อชั้น, จากอันดับฟีฟ่า และจากจำนวนซุปตาร์ในทีม) ก็ชนะทีมที่ใครต่างบอกกันไว้ว่าเหนือกว่า

ยิ่งทีมชาติจีนชุดนี้มีแข้งหน้าใหม่ติดทีมเข้ามาอยู่หลายคน (แตกต่างจากชุดที่เราเคยแพ้เขามาเมื่อตอนเอเชี่ยนคัพที่จอร์แดนหนล่าสุด) แถมยังมีนักเตะตัวหลักมากถึง 4 รายที่ไม่ได้เดินทางมาที่ซิดนีย์เพราะพวกเธอต้องปฎิบัติตามกฎว่าด้วยการจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (ซึ่งแม้ว่าเธอเหล่านั้นจะผ่านการรับรองด้านสุขภาพมาแล้วก็ตาม)

ประกอบกับนักเตะไทยในทีมชุดนี้ก็มีหลายคนที่เคยไปค้าแข้งที่จีน ซึ่งแน่นอนว่าด้านข้อมูลต่างๆ, สไตล์การเล่นของนักเตะที่เคยปะมือกันมา และสิ่งที่เราต้องระวังกันเป็นพิเศษก็น่าจะมีการประชุมทีมเพื่อลงรายละเอียดกันไว้เป็นอย่างดี

“แพ้-ชนะ เป็นเรื่องของเกมกีฬา แต่เล่นอย่างไรล่ะให้คนไทยภาคภูมิใจนั้นสำคัญกว่า”

ผมคิดว่าบางทีการลงเล่นภายใต้การถูกตราหน้าว่าเป็นทีมรองบ่อน, อ่อนชั้นกว่า แถมยังแพ้มาในแมตช์แรก บางทีคิดในมุมบวกมันก็มีจุดที่ดีอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะนั้นจะทำให้เรามีแรงขับที่มากขึ้น, รู้จักตัวเราเองมากขึ้น, ตั้งใจกันมากขึ้น และจะลงเล่นด้วยความกดดันที่น้อยกว่า

เกมระหว่างเรากับเหล่านักเตะกุหลาบเหล็กจะเป็นเกมที่ชี้วัดปริมาณระหว่าง “ความกลัว” กับ “ความกล้าหาญ” ที่มีอยู่ในใจของนักเตะเราว่าอย่างไหนมันมีมากกว่ากันได้เป็นอย่างดี

และหากอย่างหลังมันมีมากกว่า ผมก็เชื่อว่าจีนก็ลำบาก และจะเป็นเรานี่แหละที่จะทำให้แมตช์ในวันพรุ่งนี้กลายเป็นแมตช์แห่งการเรียกคืนความหวังและศรัทธา

“ฟุตบอลไม่ใช่คณิตศาสตร์และสิถิติก็มีไว้ทำลาย” จงอย่าปล่อยให้ความกลัวมาบั่นทอนกำลังใจ แล้วให้เราลงสนามอย่างนักสู้ผู้กล้าหาญ เพื่อทำให้แมตช์พรุ่งนี้เป็นเกมแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ

กุหลาบเหล็กแล้วไง..ชบาแก้วนี่แหละจะเป็นผู้ออกซิไดซ์ให้กร่อนเอง!