stadium

5 เรื่องน่ารู้ก่อนดู ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 48

20 กันยายน 2565

การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 48 กำลังจะระเบิดศึกขึ้นในวันที่ 22-25 กันยายน 65 โดยมี 4 ชาติเข้าร่วม คือ ทีมชาติไทย (อันดับ 111 โลก), “เสือเหลือง” มาเลเซีย (148 โลก), ทาจิกิสถาน (109 โลก) และ ตรินิแดดแอนด์โตเบโก (101 โลก) เป็นอีกหนึ่งรายการที่แฟนๆฟุตบอลชาวไทย ต่างตั้งตารอหลังจากที่ไม่ได้จัดการแข่งขันมา 2 ปีเต็มเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 วันนี้เราจะพาทุกท่านไปติดตาม 5 เรื่องน่ารู้ก่อนดูศึกฟุตบอลคิงส์คัพ ในครั้งนี้กัน

 

 

ภารกิจทวงแชมป์

 

หลังจากที่ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทยคว้าแชมป์ในรายการ คิงส์คัพ ในครั้งสุดท้ายปี 2017 และใน 2 ปีถัดมาเสียแชมป์ให้กลับ ทีมชาติสโลวาเกีย ปี 2018 และทีมชาติคูราเซา ในปี 2019  โดยนโยบายของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม ต้องการกู้ศรัทธาฟุตบอลไทยกลับมา เนื่องจากระยะหลังห่างความสำเร็จไป ทำให้การแข่งขันในครั้งนี้ทางสมาคมและนักกีฬาต่างมีเป้าหมายในการทวงแชมป์กลับคืนมาให้ได้

 

โดยแมตซ์แรกที่จะทำการแข่งขัน ทีมไทยเราจะพบกับ ทีมเสือเหลือง มาเลเซีย สถิติการพบกัน 5 นัดหลังสุดเป็นมาเลเซียที่ทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ชนะ 3 เสมอ 2  หากจะเรียกขวัญและกำลังใจของทีมให้กลับมา ทีมชาติไทยต้องชนะมาเลเซียเท่านั้น เพื่อที่จะเข้าไปรอตัดสินแชมป์ในวันที่ 25 กันยายน 65 แม้รายการนี้จะเป็นแค่อุ่นเครื่อง แต่ว่ามีผลกับคะแนนแรงกิ้ง แถมขึ้นชื่อว่า "คิงส์คัพ" ทัวร์นาเมนต์ที่มีมนต์ขลังและมีการจัดแข่งขันกันมาอย่างยาวนาน เส้นทางอาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือจะมาปูพรมแดงให้เดินเข้าป้ายไปแบบง่ายๆ แต่หากกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ได้อีกครั้ง แฟนๆกีฬาชาวไทยคงจะมีความสุขกันไม่น้อย

 

 

ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด

 

ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับรายชื่อนักเตะขุนพลช้างศึกทั้ง 23 คน นำทัพโดย ผู้เล่นที่กำลังผลงานยอดเยี่ยมหลายคนทั้ง จักรพันธ์ แก้วพรม , ธีราทร บุญมาทัน , กฤาดา กาแมน และ ศุชภัย ใจเด็ด ที่นำเป็นดาวซัลโวไทยลีกอยู่ในขณะนี้ และสองสตาร์ดังจากเจลีก สุภโชค สารชาติ ดาวเตะจาก คอนซาโดเล และ ชนาธิป สรงกระสินธ์ แนวรุกคาวาซากิ ฟรอนทาเล

 

โดยเจ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เปิดเผยถึงความรู้สึกที่ได้กลับมาช่วยชาติในครั้งนี้ว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของทีมชาติไทย ผมเชื่อว่าทีมชาติไทยจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ผมจะใส่กำลังทั้งหมดของผมเข้าไป ผมคิดว่าผมสามารถเล่นได้ดีเพราะมีแฟน ๆ คอยสนับสนุนผมเสมอมา ผมขอมอบการเล่นที่ดีที่สุดและผลงานที่ดีที่สุดให้กับทุกคน ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”

 

 

การหายไปของ ธีรศิลป์ แดงดา

 

เป็นอีกประเด็นที่โซเชี่ยลกำลังพูดถึงกันหลังจาก กองหน้าดาวยิงตลอดกาลทีมชาติไทยอย่าง เจ้ามุ้ย “ธีรศิลป์ แดงดา” ไม่มีชื่ออยู่ในทีมที่จะลงทำศึกคิงส์คัพในหนนี้ ด้วยอายุที่เริ่มมากขึ้น หรือสภาพร่างกายอาจจะยังไม่ฟิตเต็มร้อย เจ้าตัวเองก็พร้อมจะเปิดทางให้รุ่นน้องก้าวขึ้นมาทดแทนในฐานะ 'ความหวัง' สูงสุดในการทำประตู 

 

แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง มันคือการเปิดโอกาสให้กับนักเตะรุ่นใหม่ที่กำลังผลงานดีอย่าง ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ได้มีโอกาสเฉิดฉาย โดยเฉพาะกับ ศุภชัย ใจเด็ด ที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงสุดๆกดไปแล้ว 5 ประตูในลีก นำเป็นดาวซัลโวอยู่ในขณะนี้ ได้สร้างผลงานและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ เผื่อในอนาคตจะกลายเป็นอีกศูนย์หน้าดาวยิงในตำนานอย่าง มุ้ย “ธีรศิลป์ แดงดา” ที่เคยทำเอาไว้เป็นแบบอย่าง

 

 

มือ 1 ทีมชาติไทย

 

โอกาสสำหรับผู้รักษาประตูทีมชาติไทยคนใหม่มาถึงแล้ว หลังจากที่ตอนนี้รุ่นพี่ตัวเก๋าไม่ว่าจะเป็น ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ดันมาบาดเจ็บระหว่างเกมที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เสมอ เมืองทอง ยูไนเต็ด หรือ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ จอมหนึบที่มีประสบการณ์ในระดับนานาชาติโชกโชนก็ยังอยู่ในช่วงเวลาของการเรียกความฟิต รวมทั้ง ฉัตรชัย บุตรพรม ซึ่งเป็นมือหนึ่งก่อนหน้านี้ ก็ยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังจากบาดเจ็บมาอย่างหนัก

 

ตำแหน่งเบอร์ 1 ของทีมชาติไทย จึงเว้นว่าง เพราะเหตุนี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้รักษาประตูเก่งๆ หลายคนในประเทศ ทว่าแต่ละรายนั้นฝีมือใกล้เคียงกันมาก ไม่ว่าจะเป็น กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล มือกาวชาวภูเก็ต ของ ราชบุรี เอฟซี ที่ผลงานดีเอามากๆ ติดทีมยอดเยี่ยม ไทยลีก 2 สัปดาห์ ส่วนอีกรายที่ถูกยกให้ฟอร์มแจ๋วไม่แพ้กันคือ กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก ที่มีชื่อลุ้นเป็นมือหนึ่งทีมชาติไทยเช่นกัน คิงส์คัพในครั้งนี้ ส่งใครลงเฝ้าเสาก็ได้ เพราะผลงานกับต้นสังกัดถือว่ายอดเยี่ยมกันทั้งคู่ แต่ต้องดูอีกทีว่าพอเจอเกมในระดับนานาชาติ พวกเขาจะรับมือกับความกดดันได้ดีเพียงใดต้องรอติดตามชม

 

 

คิงส์คัพที่เชียงใหม่ กับถ้วยใบใหม่

 

หลังจากที่จังหวัดเชียงใหม่เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมา เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 42 โดยปีนี้วนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งจะจัดแข่งขันที่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี  ด้าน มาโน่ โพลกิ้ง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า 

 

“การมาครั้งนี้ ต่างจาก 9 ปีที่แล้ว ที่ตนเป็นผู้ช่วยโค้ช คราวนี้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือคว้าแชมป์คิงส์คัพให้ได้ และการเลือก 23 นักเตะชุดนี้มานั้น ได้มีการพูดคุยกันเป็นเดือนและได้ติดตามดูฟอร์มในไทยลีกมา ก่อนจะตัดสินใจเลือกนักเตะที่คิดว่าเป็นชุดที่ดีที่สุด และมั่นใจด้วยแรงเชียร์แฟนบอลชาวเชียงใหม่ที่คาดว่าเต็มสนาม ทำให้เรามีโอกาสคว้าแชมป์ได้”

 

ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่จะปรับเปลี่ยนไปในคิงส์คัพครั้งนี้ก็คือ ถ้วยฟุตบอลใบใหม่ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 48 นี้นั่นทางสมาคมฯ ได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลใบใหม่ เป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมด จะนำมาเปิดในวันที่ 22 กันยายน 65 ที่เป็นวันเปิดการแข่งขันให้แฟนๆได้รับชมพร้อมๆกัน

 

 

ขอบคุณภาพจากเพจช้างศึก


stadium

author

อดิศักดิ์ คูวัฒนากุล

StadiumTH Content Creator

โฆษณา