stadium

ในวันที่ความฝันสำเร็จ “ชวิศา อินทกุล” นักยิมนาสติกแอโรบิกทีมชาติไทย

12 กันยายน 2565

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาชื่อของ จ๋า “ชวิศา อินทกุล” กลายเป็นนักยิมนาสติกไทยที่ถูกพูดถึงกันอย่างล้นหลามภายในเวลาชั่วข้ามคืน เนื่องจากเธอพึ่งคว่ำแชมป์โลกยิมนาสติกจากเกาหลีใต้ และคว้าแชมป์เอเชียปี2022 มาครองได้สำเร็จ

 

นอกจากความสวยแล้วความสามารถของเธอก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ถ้าจะบอกว่ายิมนาสติกคือความฝันที่มีมาตั้งแต่เกิดก็คงจะใช่ เพราะเธอเริ่มหัดเล่นยิมนาสติกตั้งแต่อนุบาล 2 ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กจนวันนี้สามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศตามทัวร์นาเมนต์ต่างๆ วันนี้เรามาชวนทุกคนทำความรู้จักนักยิมนาสติกแอโรบิกสาวทีมชาติไทยดีกรีเหรียญทอง ซีเกมส์ 2021 คนนี้เป็นใครมาจากไหน ทำไมเธอจึงกลายเป็นที่จับตามอง ติดตามได้ที่ Stadium Th

 

 

จุดกำเนิดความฝันในวัย 4 ขวบ

 

เด็กสาวจากเชียงใหม่เริ่มต้นรู้จักกีฬายิมนาสติกตั้งแต่อายุ 4 ขวบ ครอบครัวรักในการเล่นกีฬากันทุกคนโดยคุณมีพ่อเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลมาก่อน ส่วนพี่ชายก็ไปเรียนยิมนาสติกตั้งแต่ยังเล็กทำให้เธอต้องไปที่สนามซ้อมด้วยทุกวัน

 

“หนูไม่ได้คิดว่าตัวเองจะหัดเล่นกีฬายิมนาสติกตั้งแต่แรก ด้วยวัยในตอนนั้นหนูอยู่แค่อนุบาล 2 จำความยังไม่ค่อยได้เท่าไหร่ รู้แค่ว่าหลังเลิกเรียนต้องไปนั่งรอพี่ชายซ้อมยิมนาสติกทุกวัน ตามประสาเด็กหนูก็ไปวิ่งเล่นข้างสนามที่เขาซ้อม อยู่มาวันหนึ่งคุณครูเขาเห็นว่าหนูมาที่นี่ทุกวัน ก็เลยจับหนูมาลองเล่นดู ทำให้ได้รู้จักกีฬายิมนาสติกตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา”

 

 

จากวันนั้นจนถึงตอนนี้เป็นเวลา 20 ปีที่เธอใช้เวลาเรียนรู้ฝึกฝน ทักษะการเล่นต่างๆ โดยมีครอบครัวเป็นแรงสนับสนุนคอยให้กำลังใจ จนเธอสามารถก้าวขึ้นไปติดทีมชาติในปัจจุบัน และทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

 

เจ้าแห่งซีเกมส์

 

หลังจากเธอเป็นตัวแทนจังหวัดเชียงใหม่ ไปแข่งขันยิมนาสติกรายการในประเทศไทยและสามารถคว้าแชมป์มาได้มากมายทางสมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศไทย จึงเรียกตัวมาฝึกซ้อมที่กรุงเทพโดยเธอเล่าต่อว่า 

 

“ตอนมาฝึกซ้อมที่กรุงเทพครั้งแรก หนูคิดว่าหลังจากนี้มันคือของจริงแล้วด้วยสภาพแวดล้อมของนักกีฬาที่มาเก็บตัวแต่ละคนมีความฝัน และจริงจังกับกีฬายิมนาสติกมาก จากเมื่อก่อนเราแข่งก็อาจจะไม่ได้มีความกดดันมากเท่าตอนนี้ แต่ในตอนนั้นก็บอกกับตัวเองว่า เราต้องสู้และต้องทำมันให้สำเร็จ” 

 

ในปี2019 เธอประเดิมซีเกมส์หนแรกที่ประเทสฟิลิปปินส์พร้อมกับคว้าเหรียญเงิน 2 เหรียญ จากประเภทเดี่ยวและทีมผสม เป็นการเปิดตัวที่งดงามไม่เบาสำหรับคนที่พึ่งออกไปแข่งกับชาติอื่นๆเป็นครั้งแรก แต่ความมุ่งมั่นเธอไม่ได้จบเพียงเท่านี้ เพราะความฝันไม่ใช่เพียงแค่คว้าอันดับ 2 สำหรับเธอต้องเป็นหนึ่งเพียงเท่านั้นและสุดท้าย 2 ปีถัดมาก็ทำสำเร็จ จ๋าคว้า 1 เหรียญทอง และ 2 เหรียญทองแดง ในซีเกมส์ 2021 ที่ประเทศเวียดนาม มาเติมฝันให้เป็นจริงแก่ตัวเองและครอบครัวอินทกุล

 

 

เหรียญทองแด่คุณพ่อ

 

“หลายครั้งที่หนูคิดถอดใจ จนอยากเลิกเล่นยิมนาสติก อย่างตอนที่คว้าเหรียญเงินที่ฟิลิปปินส์หนูท้อแท้มาก จนคิดว่าหรือจะเลิกเล่นแล้วไปทำอย่างอื่นดี แต่สุดท้ายเป็นพ่อที่คอยให้กำลังใจและผลักดันให้หนูมาถึงวันนี้ได้”

 

อย่างตอนที่คุณพ่อเสีย เหมือนมีบางสิ่งที่จ๋ายังติดค้างกับพ่ออยู่ พ่อคอยพูดกับเธออยู่เสมอว่าอยากเห็นลูกสาวคว้าเหรียญทองสักครั้ง ซึ่งในซีเกมส์ที่เวียดนามครั้งนี้มันคือการปลดล็อคความรู้สึกของเธอ 

 

“และนี่เป็นเหรียญทองแรกในชีวิตของหนู หนูอยากจะมอบเหรียญนี้ให้กับพ่อ ถึงวันนี้เขาจะไม่อยู่แล้ว แต่ถ้าเขามองลงมาหนูอยากจะบอกว่า วันนี้ทำสำเร็จแล้วนะพ่อสิ่งที่พ่ออยากเห็นมาตลอด และหนูจะทำให้ดีขึ้นต่อๆไปด้วยนะ เป็นกำลังใจให้กันจากข้างบนนั้นด้วย”

 

 

ก่อนที่จะไปแข่งซีเกมส์ในครั้งนั้นจ๋า ฟิตซ้อมอย่างหนัก ตั้งแต่เช้า 9โมง ถึงเที่ยง และช่วงเย็นก็ซ้อม 5 โมงจนถึงสองทุ่ม แบบนี้อยู่ประจำเพื่อทำฝันในครั้งนี้ของเธอและคุณพ่อให้เป็นจริงขึ้นมา

 

 

อาการบาดเจ็บที่รบกวน

 

ก่อนแข่งขันชิงแชมป์อาเชียที่พัทยา เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเธอโดนปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นเข่าเข้ามารบกวน จนเกือบจะถอนตัวจากรายการ

 

“ก่อนแข่งไม่นาน รู้สึกเจ็บตรงบริเวณเข่าแบบขยับหรืองอขาไม่ได้เลย หลังจากนั้นโค้ชก็เลยไม่ให้ซ้อม คือหยุดพักไปก่อนประมาณ 2 อาทิตย์ และตอนนั้นหนูไม่แน่ใจว่าจะหายทันมั้ย เลยปรึกษากับทางทีมดูว่าจะทำยังไงต่อดี แต่พอได้พักฟื้นร่างกายก็กลับมาดีขึ้น จนทำให้สามารถกลับมาเตรียมแข่งได้อีกครั้ง”

 

“และยิ่งไปกว่านั้นคือความกดดันที่เข้ามา หลังจากที่หนูคว้าเหรียญทองมาได้จากซีเกมส์หนล่าสุด มันก็ยิ่งทำให้หนูอยากทำผลงานให้ดียิ่งขึ้น เพราะว่าคู่แข่งที่มาเจอในรอบนี้แต่ละคนดีกรีไม่ธรรมดากันทั้งนั้น แต่หนูก็ดีใจมากที่ตัวเองทำได้สำเร็จพยายามบอกตัวเองไว้เสมอว่า เมื่อออกไปแข่งขันเราต้องเต็มที่ และทำให้ดีที่สุดในทุกๆครั้ง”

 

 

เสน่ห์ของยิมนาสติก & เป้าหมาย

 

หากใครเคยดูกีฬายิมนาสติกแอโรบิก ตอนแข่งจะมีการเปิดเพลงประกอบตลอดช่วงเวลาทำการแข่งขันก็คือนักกีฬากับโค้ช ต้องเลือกเพลงและซ้อมมาให้ดี เพื่อให้ชินกับเพลงเหล่านั้น แต่ละคนก็มีความถนัดในแนวเพลงที่แตกต่างกันไป อย่างจ๋าเธอบอกว่า 

 

“หนูไม่ถนัดเต้นเพลงแนวหวานสักเท่าไหร่ เวลาที่แข่งแล้วได้ออกสเต็บจะชื่นชอบพวกเพลงที่ออกแนวดุดันซะมากกว่า มันรู้สึกมีพลังและทำให้เราอินกับเสียงเพลงพอสมควร เวลาที่แข่งส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกเพลงแนวๆนี้ จะรู้สึกเป็นตัวของตัวเองและทำให้หนูมั่นใจมากขึ้น”

 

“เสน่ห์ของยิมนาสติกแอโรบิกสำหรับหนู มันคือการผสมผสานของกีฬายิมนาสติกเข้ามารวมกันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นด้านความแข็งแรงของยิมศิลป์ พร้อมทั้งความสวยงามของยิมลีลาเอาทั้งสองอย่างมารวมกันจะอยู่ใน ยิมแอโรบิกนั่นเอง อยากให้ทุกคนเปิดใจลองดูอาจจะเป็นกีฬาใหม่ที่น่าดู น่าชมอีกประเภทหนึ่งเลยค่ะ”

 

จะบอกว่ากีฬายิมนาสติกจะต้องอาศัยการฝึกฝนและเรียนรู้ก็คงจะไม่แปลกเพราะด้วยสรีระทางร่างกายที่ต้องเตรียมพร้อม ก็อาจจะทำให้ใครหลายคนเกิดท้อขึ้นมาได้ แต่ว่าปัจจุบันก็เริ่มจะเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นหรือเริ่มเห็นจากโซเซี่ยลมีเดียต่างๆ ผู้ปกครองก็เริ่มส่งลูกหลานไปเรียนมากยิ่งขึ้น

 

 

 

 

เป้าหมายหลังจากที่คว้าเหรียญมาแล้วจาก ซีเกมส์ 2 ครั้งล่าสุด และพึ่งคว้าแชมป์รายการชิงแชมป์เอเชียมาอีกด้วย หลังจากนี้เธอตั้งเป้าที่จะรักษาแชมป์ให้ได้อีกครั้งใน ซีเกมส์กลางปีหน้าที่ประเทศกัมพูชา และหากมีโอกาสถ้าทำผลงานได้ดีก็อยากเข้าไปแข่งขันในรายการเวิล์ดเกมส์ เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด 

 

“หนูจะฟิตซ้อมและวางเป้าหมายสุดท้ายไว้ที่ซีเกมส์ปี 2025 ที่ประเทศไทยเราจะเป็นเจ้าภาพ อยากเล่นให้ถึงตอนนั้น ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงในอนาคต แต่จะรักษาสภาพร่างกายตัวเองให้ดีที่สุด และยังรักที่จะเล่นกีฬายิมนาสติกอยู่เสมอ จากนี้ฝันที่เหลือก็คือกำไร” ส่วนเป้าหมายในการใช้ชีวิตอีกอย่างของเธอก็คือ การได้เป็นคุณครูสอนยิมนาสติกแอโรบิก เพื่อต่อยอดกีฬาชนิดนี้ให้เป็นที่รู้จักในอนาคตต่อจากนี้นั่นเอง

 

 


stadium

author

อดิศักดิ์ คูวัฒนากุล

StadiumTH Content Creator

โฆษณา