stadium

การเดินทางของ“อชิตพล คีรีรัมย์”แข้งไทยที่มีความฝันอยากเป็นนักเตะอาชีพ

30 สิงหาคม 2565

ทำความรู้จัก เจ้าไมค์ “อชิตพล คีรีรัมย์” กองหน้าวัย 20 ปี เด็กไทยที่ได้สัญญาอาชีพฉบับแรกจากสโมสรเอาก์สบวร์ก 2 ในเรกิโอนาลลีก้า หรือลีก 4 ของประเทศเยอรมนี  2 ปี และนี่ถือเป็นสัญญานักเตะอาชีพครั้งแรกของไมค์อีกด้วย ทำให้เขากลายเป็นแข้งไทยแท้ รายที่ 3 ที่ได้รับสัญญาอาชีพจากสโมสรในลีกของเยอรมัน ต่อจาก วิทยา เลาหกุล (แฮร์ธ่า เบอร์ลิน, ซาบรูคเค่น) และ โกวิทย์ ฝอยทอง (เอสเฟา โลห์ฮอฟ)

 

 

สตาร์ทด้วยความมุ่งมั่น

 

เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับวงการฟุตบอลไทยที่มีเด็กไทยได้โอกาสไปเล่นในลีกระดับสูง โดย ไมค์ “อชิตพล คีรีรัมย์” เริ่มต้นสนใจฟุตบอลตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จากการค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร โดยมีครอบครัวที่คอยส่งเสริมให้การสนับสนุน พร้อมทั้งได้เรียนรู้ทักษะฟุตบอลอย่างถูกต้องในอคาเดมี บวกกับโรงเรียนของไมค์ที่เข้าไปศึกษาตั้งแต่กรุงเทพคริสเตียน จนอัสสัมชัญธนบุรี ล้วนมีชื่อเสียงด้านการปั้นนักเตะ ทำให้เขาได้แสดงความสามารถออกมาอย่างรวดเร็วและโดดเด่นขึ้นมา

 

ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าในช่วงสมัยอายุ 12 ปี ได้มีโอกาสไปฝึกซ้อมฟุตบอลครั้งแรกในต่างประเทศ ซึ่งก็คือประเทศโปรตุเกส กับสโมสรสปอร์ติ้ง ลิสบอล, เบนฟิก้า และบราก้า โดยไมค์สามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งโค้ชบราก้าได้ชวนให้เขาได้เข้าร่วมทีม แต่ก็ติดปัญหาที่ว่าอายุของเขายังน้อยอยู่ การที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวนั้นอาจจะค่อนข้างลำบาก อีกทั้งยังจะมีปัญหาในเรื่องของวีซ่าอาศัยอยู่ในโปรตุเกส ส่งผลให้ต้องพลาดการเซ็นสัญญาครั้งนี้ไป และนั่นคือจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจที่จะมุ่งมั่นสู่การค้าแข้งที่ยุโรป

 

 

 

การผจญภัยในโลกกว้างวัย 14 ปี 

 

หลังจากที่ตัดสินใจออกเดินทางครั้งสำคัญในชีวิตโดยตั้งเป้าไว้ว่าสักวันหนึ่งจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ ซึ่งไมค์ได้เลือกไปเรียนต่อและฝึกทักษะฟุตบอลที่ โรงเรียนกีฬา Deutsches Fussball Internat ก่อนที่จะได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนกับสโมสร ทีเอสวี โรเซนไฮม์ (TSV 1860 Rosenheim) ทีมระดับเรกิโอนาลลีกา บาเยิร์น หรือลีค 4 ของเยอรมนี และโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมซัด 25 ประตูจากการลงสนาม 23 นัด ในทีมชุด U19 พร้อมรับตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ถึง 7 ครั้ง และกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกระดับดิวิชั่น 2 และได้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของโรเซนไฮม์ในที่สุด เรียกว่าฟอร์มร้อนแรงจนเป็นที่จับตามองของหลายๆทีม ณ ขณะนั้น

 

หลังจากนั้นปี 2019 ชื่อของอชิตพล ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในหน้าสื่อกีฬาประเทศไทย เด็กไทยอายุ 17 ปี ที่กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเยอรมัน หลังจากนั้นทางสมาคมก็เรียกเจ้าไมค์มาติดทีมชาติไทยอีกครั้งในชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ในศึกฟุตบอล ยู-19 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบคัดเลือก เมื่อปี 2019 อีกด้วย

 

 

 

ปัจจุบันและอนาคต

 

โดยไมค์เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ซ้อมและลงเล่นให้กับสโมสรอย่างเอาก์สบวร์กว่า “ที่นี่เป็นสโมสรระดับบุนเดสลีกา มีมาตรฐานการรับรองนักเตะที่ดี มีสนามซ้อมและศูนย์ฝึกที่ครบครันสามารถที่จะทำให้นักเตะแสดงฝีมือและดึงศักยภาพออกมาได้” อีกทั้งไมค์ยังพยายามปรับตัวให้เขากับเพื่อนร่วมทีมให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะทำให้การเล่นฟุตบอลในอนาคตเป็นทีมเวิร์คมากขึ้น 

 

จากที่อยู่เยอรมันมา 6 ปีเต็ม เขาบอกว่าเรื่องการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษาหรือการเป็นอยู่ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาเลยเพราะเป็นคนเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และมีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตที่นี่มาพอสมควร ทำให้ปรับตัวและคุ้นชินได้ง่าย นอกจากนั้นไมค์ก็ยังไม่ละทิ้งการเรียน สมัครเรียนอยู่ที่นั่นควบคู่ไปกับการเล่นฟุตบอลด้วยเพื่อเสริมความรู้ให้ตัวเองในอนาคต พร้อมทั้งอยากจะพัฒนาตัวเองในวงการฟุตบอลให้ก้าวไปข้างหน้ามากกว่านี้ 

 

 

ความจริงจังของฟุตบอลเยอรมัน

 

ที่นี่ซ้อมกันหนักมากครับ มีความจริงจังในการเล่นฟุตบอลกันสุดๆ ทุกคนในทีมเพื่อนๆที่ผมซ้อมด้วยต่างมีความเป็นผู้ชนะอยู่ในตัวอย่างแท้จริง มองเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน โดยส่วนใหญ่เราจะซ้อมกันในช่วงเวลากลางวันและตอนเย็น วันละ 2 ครั้งหากไม่มีการแข่งขัน เพื่อที่จะปรับตัวให้ชินกับสภาพอากาศ และเตรียมพร้อมด้านทักษะอื่นๆ 

 

เวลาอยู่ที่สโมสร ผมจะซ้อมกับเพื่อนๆ U23 ซะส่วนใหญ่ ตำแหน่งที่ถนัดก็คือกองหน้า แต่ทีมก็ให้ซ้อมปีกไว้ด้วยเพื่อที่จะผลัดเปลี่ยนการเล่นในบางนัดหากจำเป็น ขึ้นอยู่กับแทคติกของโค้ชที่วางไว้ว่าจะใช้งานแบบไหน ส่วนนักเตะที่เขาเฝ้ามองเป็นแบบอย่างมาโดยตลอดก็คือ คริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ โรเบิร์ตเลวานดอฟสกี้ จอมถล่มประตูจากทีมบาร์เซโลน่านั่นเอง

 

 

และเป้าหมายสูงสุดหลังจากนี้ “ผมอยากทำผลงานของตัวเองให้ดีกับชุด U23 ถ้าเราทำได้ดีก็จะมีโอกาสถูกเรียกขึ้นไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ เผื่อสักวันจะได้ขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ของสโมสร” เพราะตอนนี้ไมค์ก็ได้สัญญาจากทางสโมสรมาแล้วทำให้สามารถลงเล่นในลีกบุนเดสลีกาได้ ไม่แน่สักวันเราอาจจะได้เห็นคนไทยลงเล่นในลีกสูงสุดของเยอรมันก็เป็นได้ 


stadium

author

อดิศักดิ์ คูวัฒนากุล

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose