18 สิงหาคม 2565
28 ปีที่ได้รู้จักกีฬาแฮนด์บอล เรียกได้ว่าหลงใหลและคลั้งไคล้อย่างไม่มีข้อยกเว้นสำหรับ “บอย สมาน แซ่ลี้” นักกีฬาแฮนด์บอลทีมชาติไทย แม้ว่าปัจจุบันกีฬาชนิดนี้อาจยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่ แต่หนุ่มคนนี้ไม่เคยละทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักกีฬาที่ดีขึ้น และอยากจะพัฒนากีฬาแฮนด์บอลให้ทุกคนได้รู้จักในวงกว้าง
ตลอดช่วงชีวิตของเขาที่ผ่านมา แฮนด์บอลก็ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนซี้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาไปแล้ว มาทำความรู้จักตัวตนของบอยกับกีฬาแฮนด์กันได้เลย
โชคชะตาลิขิตมา
ชีวิตที่รู้จักแฮนด์บอลมาตั้งแต่ 8 ขวบ เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านแม่หม้อ ต.เทอดไทย จ.เชียงราย ด้วยความที่อยากเป็นนักกีฬาไม่รู้เพราะความบังเอิญหรือว่าไม่มีทางเลือก ครั้งแรกที่หัดเล่นเป็นช่วงประถมเนื่องจากโรงเรียนให้เล่นกีฬาแฮนด์บอลเป็นหลัก โดยมีครูดนัย มณีเป็นคนสอนให้รู้จักกับกีฬาชนิดนี้ ต่อมาย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพก็เริ่มจะจริงจังกับมันมากขึ้น ม.1 ก็ติดทีมโรงเรียน ไปแข่งกีฬาของกรมพละ ด้วยความมุ่งมั่นและความทุ่มเทจึงไปสะดุดตาทางสมาคมจึงดันติดทีมชาติทันทีในช่วงมัธยมปลาย
“เมื่อก่อนโรงเรียนจะมีไฟสปอร์ตไลท์ให้ใช้ ผมก็จะเริ่มซ้อมตั้งแต่บ่าย 2 ถึง 6 โมงเย็น และก็กินข้าวชั่วโมงนึง พักครึ่งชั่วโมงให้มันย่อย จากนั้นก็ซ้อมกับรุ่นพี่ต่อจนดึกวนเวียนแบบนี้ทุกวัน” ผมเป็นคนเพื่อนน้อย ไม่เที่ยวไหนเลย ถ้าอยากจะเจอผมก็แค่มาที่สนามซ้อม
โดยบอยกล่าวต่อว่า “กีฬาแฮนด์บอลเป็นกีฬาที่ท้าทาย ใช้ทั้งความเร็วและไหวพริบในการทำประตู แต่ว่าความเก่งอย่างเดียวยังไม่พอ คุณต้องเริ่มจากพื้นฐานไม่ว่าจะเป็น การฝึกซ้อม ความอดทน พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ ทีมเวิร์คถึงจะดีและไปในทิศทางเดียวกัน เรื่องใจก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้าคุณสู้เต็มที่แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องมาเสียใจงภูมิใจกับสิ่งที่ได้ทำ”
ความฝันสูงสุดในเส้นทางชีวิต
ถ้านับรวมตั้งแต่สมัยเยาวชนทีมชาติด้วยแล้ว สมาน แซ่ลี้ ติดทีมชาติมาเกินครึ่งชีวิต แต่มีอีกหนึ่งสิ่งที่เขาอยากลองสัมผัสหลังจากอยู่ในแวดวงนี้มานานนั่นก็คือการได้ไปเล่น “เอเชี่ยนเกมส์” ซึ่งตอนแรกจะจัดขึ้นในเดือนกันยายนซึ่งผมตื่นเต้น และตั้งตารอมาก อยากจะไปแข่งขันเพราะจะเป็นครั้งแรกที่ได้ลงเล่นรายการนี้ด้วย ที่ผ่านมาก็จะเป็นรายการซีเกมส์ส่วนใหญ่ในการออกไปเล่นในนามทีมชาติ แต่ด้วยสถานการณ์ต่างๆจึงทำให้เอเชี่ยนเกมส์ถูกเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า
แต่ความฝันของเขาไม่ได้จบเพียงเท่านี้ มีอีกหนึ่งสิ่งที่อยากทำเช่นกัน “สักวันหนึ่งผมอยากเป็นครูสอนกีฬาแฮนด์บอลในจังหวัดที่ยังไม่พัฒนาผมอยากออกไปเผยแพร่ความรู้ที่ผมมีให้กับน้องๆที่สนใจ เพื่อที่จะยกระดับกีฬาชนิดนี้ในบ้านเรา ซึ่งทุกวันนี้ผมยังเรียนรู้อยู่เสมอทั้งศึกษาดูเทปการแข่งขันไม่ว่าจะเป็น การแข่งขันโอลิมปิกหรือชิงแชมป์โลก เพื่อที่จะนำมาปรับใช้วิธีการเล่นของตัวเอง ให้ก้าวไปพร้อมกับนานาชาติ”
บอยกล่าวทิ้งท้าย “จริงๆเด็กไทยมีนักกีฬาที่เก่งมาก มีความสามารถหลายๆคน สมัยนี้เด็กอายุ 16 ปีก็ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชาติชุดใหญ่ได้แล้ว ทำให้ผมรู้สึกอึ้งไปเลย ที่ได้เห็นน้องๆพัฒนาตัวเองได้ไวขนาดนี้ ถ้ามีโอกาสได้ออกไปเล่นต่างแดนเก็บเกี่ยวประสบการณ์กีฬาแฮนด์บอลอาจจะเป็นที่นิยมมากขึ้น”
ความผสมผสานที่ลงตัว
คนเรามีความฝันได้หลายอย่าง อย่างบอยหลังจากที่ไม่ได้จับลูกบอลก็มาทำอาชีพเป็นช่างตัดผมและก็ชอบการขายของเพราะได้พูดคุยกับผู้คน ซึ่งเขาเป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจน ในแต่ละวันจะวางแผนไว้ว่า “เช้าต้องขายของก่อน เที่ยงกลับมาพักและค่อยเข้าฟิตเนส ต่อด้วยบ่ายออกไปเป็นช่างตัดผม ตกเย็นก็ไปวิ่ง ซึ่งการวิ่งนั้นไม่ใช่ระยะสั้นๆอย่างต่ำ 10-20 กิโลเมตรเป็นอย่างน้อย
ถึงแม้จะเป็นคนที่คิวแน่นในแต่ละวัน สิ่งหนึ่งที่เขาทำมาโดยตลอดนั่นก็คือการใช้เวลากับครอบครัว ดูแลเอาใจใส่กันซึ่งละกัน อาจจะไม่ต้องมีกิจกรรมมากมาย สำหรับบอยแล้วแค่ได้อยู่ด้วยพร้อมหน้าพร้อมตา ออกไปทานข้าวเย็น เติมรอยยิ้มให้กำลังใจกันเสมอก็เพียงพอแล้ว
กันและกัน
บอยได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวมาโดยตลอด โดยเฉพาะจากคุณแม่ที่ให้กำลังใจตั้งแต่ยังเด็กให้เขาเป็นคนตัดสินใจในการเลือกเล่นกีฬา จากวันนั้นเขาได้รับการดูแลจากคุณแม่ทุกเรื่องอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง จนวันนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับเขาเนื่องจากคุณแม่โดนอาการเส้นเลือดในสมองแตกเล่นงาน ทำให้บอยนอกเหนือจะทำงานหนักทั้งในสนามและนอกสนามแล้ว ยังทำหน้าที่ลูกในการดูแลแม่ที่ดูแลเขามาตั้งแต่เด็กด้วย โดยบอยได้บอกว่า “ผมมีแม่เป็นต้นแบบไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ความขยัน อดทน ตรงต่อเวลาและแม่ยังชอบช่วยเหลือสังคมเป็นคนที่อยากจะแบ่งปันความสุขให้กับคนรอบข้างเสมอ วันนี้ผมจะดูแลแม่ให้ดีอย่างที่แม่เคยดูแลผมตลอดที่ผ่านมาครับ”
เสน่ห์ที่หลงใหลในแฮนด์บอล
สำหรับผมแล้วสิ่งที่ทำให้ยังรักในกีฬาชนิดนี้เพราะเล่นแล้วสนุก ถึงแม้จะเป็นกีฬาที่ปะทะอาจจะทำให้บาดเจ็บได้ แต่มันคือความท้าทาย ให้เราได้เห็นความสามรถของตัวเองเอาทักษะที่มีออกมาโชว์ให้คนอื่นได้เห็น เวลาลงแข่งผมชอบที่จะค้างตัวกลางอากาศ เพราะเล่นตำแหน่งปีกเป็นตัวทำคะแนนชอบที่ได้หลอกผู้รักษาประตูฝั่งตรงข้ามมันเป็นความรู้สึกพิเศษอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตกหลุมรักกีฬาแฮนด์บอลจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันเขาเล่นแฮนด์บอลให้กับโรงเรียนมัธยมวัดนายโรง กรุงเทพฯ โดยมี อ.กิตติกุล ศรีสว่าง เป็นผู้ดูแลการฝึกซ้อม
แม้ในประเทศไทยปัจจุบันยังไม่ค่อยรู้จักกีฬาชนิดนี้ แต่ผมภูมิใจทุกครั้งที่ได้แนะนำหลายๆคนให้รู้จักแฮนด์บอล ในอนาคตอยากให้ช่วยกันผลักดันให้กีฬาแฮนด์บอลให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น มีทัวร์นาเมนต์จัดแข่งขันบ่อยๆ เพราะเชื่อว่ายังมีเด็กๆอีกหลายคนที่อยากเล่นแฮนด์บอล และอยากให้น้องๆพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆ เผื่อในสักวันได้มีโอกาสติดทีมชาติออกไปทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศของเรา
TAG ที่เกี่ยวข้อง