Hurt Like Hell วัฏจักรมวยไทยที่ไม่รู้ว่าสิ้นสุดตรงจุดไหน

Hurt Like Hell คือซีรี่ส์ที่เป็น NETFLIX Original แบบฉบับไทยแท้ๆ เรื่องล่าสุดและมีการโปรโมทจากสื่อหลากหลายช่องทาง ที่เด่นหน่อยคงจะเป็นซุ้มยิมมวยได้รับการตกแต่งอย่างโดดเด่นใจกลางสยาม และหากใครจำกันได้วงการมวยไทยเพิ่งมีข่าวฉาวไปเมื่อไม่นานมานี้กับการกับบรรดาเซียนมวยบุกขึ้นเวทีในศึกมวยไทยรายการ “ศึกเพชรยินดี” ของ "เสี่ยโบ๊ท" ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ณ เวทีมวยราชดำเนิน จนทำให้การถ่ายทอดสดดำเนินต่อไปไม่ได้ กลายเป็นข่าวใหญ่จนสื่อทุกประเภทรายงานกันข้ามวันข้ามคืน

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นก็พอจะทำให้ผู้ชมเลือกจะกดเข้าไปดูมินิซีรี่ส์ Hurt Like Hell ได้ไม่ยาก เพราะจากตัวอย่างดูคร่าวๆ ก็น่าจะรู้ว่า เป็นซีรีส์ที่ตีแผ่วงการมวยไทยจากหลากหลายปัญหาที่ชาวไทยนั้นเคยได้ยินเคยได้ฟังและเคยพูดถึงบ้างอย่างแน่นอน

ตัวซีรี่ส์มี 4 ตอนจบ ขนนักแสดงชั้นนำมาหลายท่านไม่ว่าจะเป็น ณัฏฐ์ กิจจริต ที่เพิ่งเล่น Fast and Feel Love เรื่องนี้รับบทเป็น พัด เซียนมวยรายย่อย, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ นักแสดงรุ่นใหญ่มารับบทเป็นคม เซียนมวยรุ่นใหญ่, วิทยา ปานศรีงาม นักแสดงรุ่นใหญ่อีกคนที่เล่นหนัง Hollywood มาแล้ว รับบทเป็นกรรมการเวทีมวย ร่วมด้วย ปีเตอร์ - นพชัย ชัยนาม รับบทครูมวยและเจ้าของค่ายมวย และน้องภู  ภูริภัทร พูลสุข นักมวยวัยจิ๋วตัวจริงซึ่งได้โอกาสลงจอเงินครั้งแรกมารับบทเป็น วิเชียรนักมวยรุ่นเยาว์

ตัวซีรี่ส์มีความโดดเด่นในการเล่าเรื่องเพราะเลือกที่จะเล่าเหตุการณ์หลักของธีมทั้งเรื่องผ่านมุมมองของแต่ละตัวละครได้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะ EP.1 เล่าฝั่งเซียนมวย ต่อเนื่อง EP.2 เล่าฝั่งนักมวยที่กำลังชกกันอยู่บนเวที ซึ่งทั้ง 2 EP. ถูกตีกรอบด้วยคำว่า “ล้มมวย” โดยการล้มมวยเกิดขึ้นได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการวางยา, รับเงินจากเซียนมวย หรือแม้แต่จ้างกรรมการ สำหรับผู้ชมอย่างเราๆ จะได้ลุ้นไปกับเซียนมวยที่ถือหางนักมวยที่พวกเขาคิดว่าฝ่ายตัวเองจะเป็นผู้ได้รับการยกมือเมื่อสิ้นสุดเสียงระฆัง และแน่นอนว่าผู้ชนะทั้งนักมวยและเซียนมวยจะได้รับเงินก้อนโตจากการเดิมพันในเวลาไม่ถึง 30 นาที  

สำหรับผู้ชมที่อาจจะไม่ใช่แฟนหมัดมวยหรือไม่เข้าใจในเหตุการณ์หรือการตัดสินใจของคนในวงการมวย จะได้รับการอธิบายอย่างละเอียดจากคนวงการมวยไทยตัวจริงไม่ว่าจะเป็นเซียนมวย, ครูมวย, ผู้บรรยายมวยอย่าง “สมิงขาว”, โปรโมเตอร์ “เสี่ยโบ๊ท” แห่งเพชรยินดี จนไปถึงนักมวยฮีโร่คนไทย ทั้ง สมจิตร จงจอหอ และ เขาทราย กาแล็คซี่ มาบอกเล่าความจริงในวงการมวยไทยจากปากพวกเขาเอง ซึ่งมันคือการเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อถือในแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีรี่ส์เรื่องนี้ ทำให้ Hurt Like Hell เป็นซีรี่ส์กึ่งสารคดีน้ำดีเรื่องหนึ่ง

ส่วนตัวผู้เขียนชอบการอธิบายภาษามวยในเรื่องทั้งคำว่า “ขายเบอร์” (ข่าวลือข่าวลวงก่อนนักมวยขึ้นชก) หรือภาษามือที่มีเฉพาะเซียนมวยในสนามเท่านั้นที่เข้าใจกันเอง (ราคาต่อรอง ณ สนามมวย) ข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ช่วยเพิ่มความเข้าใจและได้อรรถรสในการรับชมไปจนจบ

มาถึง MVP ของเรื่องนี้คงต้องยกให้น้องภู - ภูริภัทร พูลสุข นักมวยตัวจริงวัย 12 ปี (เคยออกรายการ Super 10 มาแล้ว) น้องภูรับบทเป็นวิเชียรนักมวยวัยเยาว์ในเรื่อง ซึ่ง EP ของน้องจะพูดถึงเรื่องที่คนในประเทศถกเถียงกันมานานอย่าง พ.ร.บ. มวยเด็ก โดยอ้างอิงจากเหตุการณ์นักมวยเด็กเสียชีวิตที่จังหวัดสมุทรปราการ

จากการที่น้องภูเป็นนักมวยจริงๆ เริ่มชกมวยตั้งแต่ยังเล็กทักษะการชกการออกอาวุธนั้นคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สีหน้าท่าท่างการแสดงในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพราะตลอดทั้ง 4 EP. ผู้ชมจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มของตัวละครตัวนี้เลย เราจะได้เห็นเพียงความทุกข์ของตัวละครตัวนี้ ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยสายตาอันเศร้ามองและใบหน้าที่ไร้อารมณ์ แน่นอนว่ามันย้อนแย้งกับวัยเด็กที่ควรจะเป็นวัยสดใสร่าเริง แจกรอยยิ้มให้กับทุกคนได้เสมอ จึงทำให้น้องภูต้องฝึกฝนการแสดงเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามซีรี่ส์นี้ก็ยังมีจุดบอดเล็กๆ เมื่อคนวงการมวยไทยดูแล้วอาจจะมองว่าไม่สมจริง โดยเฉพาะกับฉากการชกของนักมวยไทย แม้ว่าจะได้นักมวยไทยหน้าหล่อระดับต้นๆ ของประเทศอย่าง ก้าวหน้า พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม มาแสดง แต่การออกอาวุธ หมัด เข่า ศอก น่าจะทำได้ดุดันและสมจริงกว่านี้ให้สมกับฉากแอ๊คชั่นมันส์ๆ ฉากเดียวของเรื่อง

สุดท้ายแล้วซีรีส์ฝีมือคนไทยของ NETFLIX ค่ายสตรีมมิ่งชื่อดังระดับโลก น่าจะเปิดโลกวงการมวยไทยให้กับผู้ชมที่เข้ามาเสพงานชั้นดีเช่นนี้ได้ไม่มากก็น้อย พร้อมกับตั้งคำถามเมื่อรับชมจบไปแล้วว่า กีฬามวยไทยที่หลายฝ่ายผลักดันให้ไปไกลถึงโอลิมปิก เพราะเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย แท้จริงแล้วมันคือกีฬาประจำชาติที่น่าภูมิใจหรือเป็นกีฬาเฉพาะคนบางกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการนี้กันแน่