27 พฤษภาคม 2565
ผลงานขึ้นหิ้งตำนาน 4 เหรียญทองซ้อนในซีเกมส์ 2021 ที่ฮานอย ประเทศเวียดนาม ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์นักวิ่งไทยอีกครั้ง โดย "จอชชัว โรเบิร์ต แอทคินสัน" หนุ่มลูกครึ่งไทย ออสเตรเลีย วัย 19 ปี ผู้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
จังหวะชีวิต "จอชชัว" สู่นักวิ่งทีมชาติไทย
"พี่ใหญ่" พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ เคยแนะนำจอชชัวให้นักข่าวรู้จักตั้งแต่หลังจบซีเกมส์ครั้งก่อนที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2019 โดยบอกว่านี่คือว่าที่ดาวดวงใหม่ ที่จะมารับใช้ชาติในฐานะนักวิ่งระยะกลาง คือ 400 และ 800 เมตร แต่ด้วยเหตุผลเรื่องโควิดทำให้ยังไม่มีใครได้เจอลูกครึ่งหนุ่มรายนี้
2 ปีที่วงการกีฬาชะงักเพราะโรคระบาด เมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา เมื่อทางการเวียดนามยืนยันการจัดซีเกมส์ จอชชัวจึงเดินทางมาจากออสเตรเลีย เพื่อมาเก็บตัวที่ประเทศไทย คุณแม่อ้อ ชโลธร แอทคินสัน คุณแม่ของจอชชัว เล่าว่า ในตอนแรกลูกชายลังเลที่จะมาประเทศไทย เพราะกังวลเรื่องการปรับตัว แต่คุณแม่ยืนยันว่า อยากให้เดินทางมาเพื่อพิสูจน์ตัวเอง
"แม่อยากให้จอชมาแข่งให้ทีมชาติไทย และเหมือนฟ้าบันดาล ทุกสิ่งกำหนดมาให้จอชได้รับใช้ชาติ วันนี้เราทุกคนจึงมาอยู่ด้วยกันที่ฮานอย" คุณแม่ชโลธรเล่าความรู้สึก
เดิมทีจอชชัวเป็นนักกีฬาระดับไฮสคูลของออสเตรเลีย ก่อนหน้านี้ทีมชาติออสเตรเลียให้ความสนใจในตัวเขาเช่นกัน แต่ตัวจอชชัวต้องการแข่งในนามทีมชาติไทยมากกว่า ครอบครัวจึงตัดสินใจพามาฝากตัวกับสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย
หลังตัดสินใจมาเก็บตัวเพื่อซีเกมส์ที่เวียดนาม จอชซึ่งมีบุคลิกเป็นกันเอง และปรับตัวง่ายตามประสาวัยรุ่น ทำให้เข้ากับทุกคนในแคมป์ได้ดีมาก เป็นที่รักของเพื่อนๆ และเป็นที่ชื่นชมของโค้ชกับอาจารย์
"ไม่มีปัญหาเลย ขยันมาก เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจมาก ในการทำเพื่อทีมชาติ จอชทำตามโปรแกรมทุกขั้นตอน และปรับตัวง่าย" พล.ต.ต.สุรพงษ์ เล่าถึงจอช ซึ่งตรงกับที่คุณแม่อ้อเล่าว่า ลูกชายมีความสุขมากที่ประเทศไทย
"พรจากแม่" เบื้องหลังตำนานที่ฮานอยของจอชชัว
"จอชชัว" ในชุดนักวิ่ง ที่หน้าอกมีธงชาติไทย คาดผ้าโพกหัวสีชมพู ตั้งใจวอร์มอัพอบอุ่นร่างกาย อยู่ที่สนามเล็กสำหรับการซ้อม ณ มิดิ่น สเตเดี้ยม สนามกีฬาแห่งชาติของเวียดนาม เพื่อเตรียมตัวก่อนลงสนามครั้งแรกในนามทีมชาติไทย ก่อนจะเปลี่ยนชุดเป็นชุดแข่งขันและเตรียมลงสนามจริง
คุณแม่อ้อจูบที่หน้าผากของจอช และบอกกับลูกชายว่า "Just do your best. You can do it!" ก่อนจะส่งจอชเข้าสู่สนาม ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
4 คูณ 400 เมตรผสม คือการแข่งแรกในซีเกมส์ของจอชชัว การกระชากแบบม้วนเดียวจบของเขาในการเป็นผลัดไม้สุดท้าย สร้างความฮือฮาให้คนไทยทั้งประเทศ ตามติดมาด้วย 400 และ 800 เมตรชายอีกรายการละ 1 เหรียญทอง นี่คือเหรียญทอง 3 เหรียญในการแข่งทีมชาติครั้งแรกของเด็กหนุ่มอายุ 19 ปี
การจะคว้าเหรียญทอง 4 เหรียญในซีเกมส์ครั้งเดียว ไม่ใช่เรื่องง่าย ในอดีตมีเพียงเหรียญชัย ศรีหะวงษ์ ซึ่งเป็นนักวิ่งระยะสั้นเท่านั้นที่เคยทำได้ ดังนั้น ในการแข่งรายการสุดท้ายของจอช คือ 4 คูณ 400 เมตรชาย จึงมีทั้งความรู้สึกกดดัน และตื่นเต้นไปพร้อมกัน แต่สุดท้ายทีมเวิร์กที่ยอดเยี่ยมของทีมผลัดชายไทย ซึ่งประกอบด้วย ใบพัน ศิริพล, หยวก รวมโชค, ฉ่ำ อภิสิทธิ์ และจอชชัว ก็ผนึกกำลังกันจนไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ
ขึ้นแท่นการเป็นตำนานของวงการวิ่ง และได้รับคำชื่นชมจากคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งคนที่ปลื้มใจมากที่สุด คงหนีไม่พ้นคุณแม่ของจอชชัว แต่คุณแม่ก็ยังคงให้คำแนะนำที่ดีกับลูกชาย เพื่อการเป็นนักกีฬาอาชีพที่ยอดเยี่ยม "แม่ดีใจมาก ภูมิใจมาก ทั้งพ่อและแม่ บอกเค้าตลอดว่ายูทำได้แล้ว แต่ต้องอย่าผยอง อย่าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าใคร ให้เป็นปกติ ธรรมดา ทำอย่างที่เคยทำ และอย่าลืมเป้าหมาย"
ส่วนจอชเอง แม้จะยังพูดไทยไม่เก่ง แต่ก็ฝากข้อความเป็นภาษาไทยว่า "ผมรักคนไทยมาก ขอบคุณมากครับ" และยกมือไหว้ตามแบบวัฒนธรรมไทย
จอช อธิบายความรู้สึกของตัวเองต่อเป็นภาษาอังกฤษบอกว่า เขามีความสุขมาก และอยากจะทำผลงานให้ได้ดีกว่านี้ การชนะในซีเกมส์เป็นสิ่งที่เขาเคยคาดหวัง แต่ไม่คิดว่าจะทำได้ถึง 4 เหรียญทอง "Thank you for your supported me. I'm appreciated. Hopefully I will do my best next time." จอชชัวกล่าวขอบคุณการสนับสนุนจากทุกคน และหวังว่า จะทำได้ดีอีกในการแข่งครั้งต่อไป
มุ่งหน้าสู่เยาวชนโลกและเอเชียนเกมส์
ตอนนี้ จอชชัว อยู่ระหว่างเดินทางกลับไปดำเนินการเรื่องการเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย และจะเดินทางกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อเตรียมทำเอกสารการเดินทางไปแข่งขันกรีฑาเยาวชนโลก ที่ประเทศโคลอมเบีย ซึ่งจะแข่งกันในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้
คุณแม่ชโลธรบอกว่า เยาวชนโลกคือเป้าหมายปีนี้ของจอชชัว และปีหน้าจะมุ่งสู่การแข่งในเอเชีย คือ เอเชียนเกมส์ ที่หางโจว ประเทศจีน "แม่บอกเค้าว่า อย่าลืมว่าซีเกมส์ยังเป็นการแข่งที่เล็กมาก ในตอนนี้ทุกคนรู้จักยูแล้ว การได้แชมป์ไม่ยากเท่าการรักษาแชมป์ไว้ แม่ขอให้ยูก้าวต่อไปด้วยตัวเองอย่างมั่นคง" คุณแม่ชโลธรกล่าว
ซีเกมส์ถือเป็นแค่ก้าวแรกของจอชชัวในฐานะนักวิ่งทีมชาติ ซึ่งตัวจอชเองก็ยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะลงแข่งเพื่อคนไทยอีกครั้ง "ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะแข่งในฐานะทีมชาติไทยอีกครั้ง ผมภูมิใจที่ได้แข่งในฐานะนักกีฬาไทย นี่คือเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก" จอชเล่าความรู้สึก
พรสวรรค์นั้นอาจมีติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่แพสชั่น และวินัยจะถูกสร้างขึ้นในภายหลัง เมื่อ 3 สิ่งผสมกันอย่างลงตัวแล้ว สิ่งที่ต้องสะสมเพิ่มนั่นคือ "ประสบการณ์" ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบสำคัญเพื่อความสำเร็จของนักกีฬา
"อนาคตดูกันไปอีกยาวๆ จอชนั้นมีพรสวรรค์ดี มุ่งมั่นที่จะแข่งให้ประเทศไทย แต่ยังต้องใช้เวลาในการฝึกฝนและพัฒนาอีกระยะหนึ่ง เราจะได้เห็นเนื้อแท้ของเขา เพราะนี่เป็นแค่การวิ่งครั้งแรกของจอชชัวในฐานะทีมชาติ" พล.ต.ต.สุรพงษ์กล่าว
ณ สนามกีฬามิดิ่น สเตเดี้ยม จอชชัวไปถึงเส้นชัยแรกของเขาอย่างสวยงามตามเป้าหมายเพื่อการพิสูจน์ตัวเองได้แล้ว แต่ในเดือนสิงหาคมนี้ ณ ประเทศโคลอมเบีย คือ เส้นทางใหม่ บนสนามการแข่งระดับเยาวชนโลก เป็นเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นที่จอชชัวจะกลับมาเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
TAG ที่เกี่ยวข้อง