stadium

“ภูตะวัน โสภา” แสงแห่งความหวังที่ขอเดินตามรอย “พรชัย เค้าแก้ว”

24 พฤษภาคม 2565

ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ชื่อของ “ภูตะวัน โสภา” จอมฟาดลูกพลาสติกดาวรุ่งวัย 22 ปี จากอำนาจเจริญถูกพูดถึงกันเป็นวงกว้างในแวดวงสังคม “ตะกร้อเมืองไทย”

 

บ้างก็บอกว่า...เขาคือ “นิวพรชัย” เพราะด้วยลีลาชั้นเชิงการขึ้นฟาดลูกตะกร้อคล้ายคลึงกับ พรชัย เค้าแก้ว นักตะกร้อทีมชาติไทย ที่ถูกขนามว่าเป็น “ราชาตะกร้อเมืองไทย”

 

อีกทั้งผลงานในสนามของภูตะวัน ยังถือว่าไม่ธรรมดา เพราะจอมฟาดดาวรุ่งวัย 22 ปีรายนี้ กวาดแชมป์ทุกรายการที่ลงแข่งขันจนส่งผลให้ชื่อของเขา ไปเข้าตา อ. กมล ตันกิมหงษ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ใส่ชื่อเป็น 1 ใน 20 นักตะกร้อชายไทย ที่ได้เข้าแคมป์เก็บตัวทีมชาติ เท่านั่นยังไม่พอ ดาวรุ่งวัย 22 ปี ได้ถูกส่งชื่อเป็น 1 ใน 12 คนสุดท้าย ลุยศึกซีเกมส์ 2021 ที่ ประเทศ เวียดนาม ชนิดสร้างความฮือฮาไปทั้งวงการตะกร้อ

 

 

 

จากความสนุกเปลี่ยนเป็นเป็นความจริงจัง

 

“ภูตะวัน โสภา” ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2543 เป็นชาว อำเภอพนา จ.อำนาจเจริญ มีคุณพ่อรับราชการตำรวจ อย่างดาบตำรวจสุพล โสภา และคุณแม่สายถวิล โสภา และมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อ พรรณิรินทร์ โสภา 

 

เส้นทางสายตะกร้อของภูตะวัน เริ่มต้นขึ้นจากเกิดความผูกพันกับกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย โดยเจ้าตัวเล่าว่า คุณพ่อชื่นชอบในการเล่นตะกร้อ จึงติดสอยห้อยตามคุณพ่อไปออกกำลังกายในทุกๆเย็น ซึ่งทำให้เขาได้ซึมซับสู่สายเลือดโดยไม่รู้ตัว กระทั่งกลายเป็นความชื่นชอบกีฬาชนิดนี้

 

“ผมเริ่มเล่นตะกร้อจากศูนย์ เริ่มต้นด้วยเพียงแค่อยากเตะให้โดนลูก และมีคุณพ่อคอยสอน แต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร กระทั่งตอนผมเรียนอยู่ ป.4 ในช่วงเย็นๆ ผมชอบไปนั่งเล่นที่โรงยิมฯ ของโรงเรียน (โรงเรียนพนาศึกษา อ.พนา จ.อำนาจเจริญ) เพื่อไปดูพวกรุ่นพี่เขาเตะตะกร้อกัน ก็ไปทุกวันแต่ไม่ได้ลงเล่น แต่อยู่มาวันนึงทีมขาดคนในสนาม “ครูหนุ่ม” วรวุฒิ บำเพ็ญ ที่เป็นโค้ชในตอนนั้นก็เลยเรียกผมลงไปเล่นด้วย และนั่นคือจุดที่ทำให้ผมเริ่มจริงจังกับการเล่นตะกร้อ”

 

“จริงๆแล้วตอนนั้นยังเด็กก็ไม่ได้คิดอะไร รู้แค่ว่าอยากเล่นกีฬา แต่พอมาเล่นตะกร้อก็รู้สึกว่ามันสนุก เป็นกีฬาที่ท้าทาย ยิ่งเห็นพวกรุ่นพี่ที่ขึ้นฟาดได้ มันอยากทำได้ และคิดอย่างเดียวอยากเล่นให้ได้เหมือนพี่ๆ เขาบ้างเท่านั้น”

 

 

“ในตอนนั้นครูหนุ่ม โค้ชคนแรกของผม พยายามสอนให้ผมตั้งใจ ถ้าอยากเล่นกีฬาเก่ง ต้องมีวิมัย เพราะมันจะช่วยสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้ตัวเราได้ รวมไปถึงโอกาสติดทีมชาติด้วย ซึ่งมันทำให้รู้สึกว่าเราต้องจริงจัง และต้องเล่นตะกร้อให้เก่งให้ได้” 

 

“อย่างไรก็ดีด้วยความที่โรงเรียนของผมมีเด็กอยู่แค่ 300 คนและมีนักกีฬาอยู่แต่ไม่กี่คนทำให้ครูหนุ่มมพยายามเขี่ยวเข็นทุกคนให้เก่งให้ได้ เพราะทุกครั้งที่ไปแข่งพวกเราไม่เคยชนะใครได้เลยแพ้กลับมาตลอด ทำให้ทุกวันๆก่อนซ้อม ครูหนุ่มจะเริ่มต้นการซ้อมให้ผมและเพื่อนในทีมด้วยการเดาะตะกร้อวันละ 2 พันครั้ง ทั้งก่อนและหลังซ้อมทุกวัน และห้ามทำลูกตะกร้อตกเกิน 5 ครั้ง หากตกเกินก็เริ่มนับใหม่ ซึ่งผมทำแบบนั้นอยู่เป็นปี”

 

จากการฝึกซ้อมอย่างหนักทำให้ในที่สุดทำให้ ทีมโรงเรียนของผมก็ชนะได้เป็นแชมป์ตะกร้อทีมเดี่ยว ของจังหวัดอำนาจเจริญ รุ่นอายุ 12 ปี ครั้งแรกทำให้ได้เป็นตัวแทนไปแข่งขันรายการ สพฐ.และต่อมาก็ได้แชมป์ตะกร้อ ในการแข่งขันกีฬาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จ.นครราชสีมา ซึ่งทำให้ผมรู้สึกอยากจริงจังกับกีฬาตะกร้อมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย

 

 

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

 

หลังจบ ม.3 ภูตะวันถูกส่งไปเรียนที่ รร.ท่าขอนยางวิทยาคม จ.มหาสารคาม ที่มี ครูหน่อง สกุลชัย ดับโศก โค้ชฝีมือระดับพระกาฬถ่ายทอดวิชาให้ต่อ ซึ่งถือเป็นเป็นจุดเริ่มที่ให้ภูตะวันได้เรียนรู้ศาสตร์ตะกร้อเพิ่มมากขึ้น และได้ออกไปประลองฝีมือตลอดเวลา 3 ปี

 

การลงเล่นให้กับ รร.ท่าขอนยางวิทยาคม ทำให้เขาเองได้เริ่มสร้างชื่อในเวทีตะกร้อนักเรียนคว้าแชมป์ทีมชุดในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ และ แชมป์กีฬานักเรียนนักศึกษา พร้อมก้าวขึ้นไปติดทีมนักเรียนไทย อีกด้วย

 

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงการเป็นเยาวชนคือใบเบิกทางที่พาหนุ่มน้อยจากอำนาจเจริญ ไปเข้าตาสโมสรตะกร้อทหารอากาศ และเป็นอีกครั้งที่เขาเองไม่เคยปล่อยโอกาสให้หลุดลอย สามารถพาทีมคว้าแชมป์ทีมเดี่ยวในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในรายการชิงแชมป์ประเทศไทย ก่อนที่จะได้มีโอกาสลงเล่นตะกร้อไทยแลนด์ลีก ด้วยการกลับมารับใช้บ้านเกิด กับสโมสรตะกร้อจ.อำนาจเจริญเข้าร่วมการแข่งขันตะกร้อไทยแลนด์ลีกในปี 2019 และช่วยทีมคว้ารองแชมป์มาครองได้ทั้งที่เป็นปีที่แรกที่เข้าแข่งขัน เท่านั้นยังไม่พอในปี 2020 ภูตะวัน บันทึกความสำเร็จอีกครั้งในชีวิต ด้วยการช่วยให้สโมสรตะกร้อจ.ปทุมธานีคว้าแชมป์ตะกร้อลีก รวมถึงเป็นหนึ่งในขุนพลทหารอากาศชุดคว้าแชมป์ประเทศไทยในประเภททีมชุดชาย ในปีเดียวกันอีกด้วย

 

 

ความรู้สึกที่เหมือนฝัน

 

จากผลงานอันยอดเยี่ยมกับ ทั้งสโมสรตะกร้ออำนาจเจริญ และ สโมสรทหารอากาศ ผนวกกับ ลีลาชั้นเชิงฟาดลูกตะกร้อที่ไม่ธรรมดา ทำให้ชื่อของ “ภูตะวัน โสภา” กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการตะกร้อ จนทำให้คนในวงการตะกร้อออกมายกย่องว่า เขาคือ “นิวพรชัย” นั่นจึงยิ่งให้เขาถูกจับต่างมองมากยิ่งขึ้น จนไปเตะตา “สตาฟฟ์โค้ชทีมชาติ” เรียกเข้าสู่แคมป์เก็บตัวทีมชาติไทยเพื่อเข้ามาฝึกซ้อมและเป็น 1 ใน 20 ขุนพล ตัวเลือกไปลุยศึกซีเกมส์ 2021 และยิ่งไปกว่านั้นภูตะวันยังถูกเลือกเป็น 1 ใน 12 คน ตัวแทนทีมชาติไทยไปลุยซีเกมส์ ในการถูกเรียกมาเข้าแคมป์ทีมชาติไทยครั้งแรก ในช่วงเวลาเพียงแค่ 5 เดือนเศษ 

 

“ตอนนั้นหัวหน้าคมกฤษ (คมกฤษ ทับแก้ว ผอ.สโมสรตะกร้อทหารอากาศ) โทรมาบอกว่าผมมีชื่อถูกเรียกเขาแคมป์ทีมชาติไทย ครั้งแรก ผมบอกตรงๆ เลยว่าผมแทบจะไม่เชื่อว่ามันเป็นความจริง เพราะผมรู้สึกว่าผมยังเด็กมากกับวงการตะกร้อ การมีชื่อติดทีมชาติไทยใครๆก็ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ ผมตื่นเต้นแบบสุดๆนั่งงงอยู่นานเหมือนกัน เพราะมันเป็นอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกภูมิอย่างบอกไม่ถูก” 

 

“แต่ที่เซอร์ไพรส์มากกว่าการถูกเรียกเข้าเก็บตัวทีมชาติ คือ การมีชื่อติดเป็น 1 ใน 12 คน ไปลุยซีเกมส์ เพราะผมเองไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้โอกาสนั้น เพราะด้วยประสบการณ์และยังเด็กมากเมื่อเทียบกับพี่ๆ หลายคนที่มีชื่อติดอยู่ใน 20 คนด้วยกัน และผมคิดเพียงว่าเราจะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งต่างๆจากพี่ๆในทีมทุกคนให้ได้มากที่สุด ยอมรับเลยว่าตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนมันฝันไป” 

 

“การติดทีมชาติไทยครั้งนี้ ผมตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเลย แต่ผมก็หวังว่ามันจะเป็นซีเกมส์ครั้งแรกที่ยอดเยี่ยมของผม ไม่ว่าผมจะได้เล่นหรือเป็นตัวสำรอง ผมก็จะพยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มเพื่อช่วยพี่ๆในทีม และช่วยทีมชาติไทยให้ได้มากที่สุดเพื่อคว้าเหรียญทองซีเกมส์เหรียญแรกในชีวิตให้ได้”

 

 

 

ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน

 

“เรื่องที่มีคนบอกว่าผมเป็นตัวตายตัวแทนของพรชัย เค้าแก้ว ผมก็รู้สึกดีใจเพราะพี่ปุ้ยเป็นไอดอลของผม แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมต้องทำคือการพัฒนาตัวเองให้ไปอยู่ในระดับเดียวกันกับพี่ปุ้ยให้ได้ ผมเองพยายามเรียนรู้ และแอบศึกษาวิธีการรักษาสภาพร่างกาย ร่วมถึงเทคนิคต่างๆของพี่ปุ้ย ในแคมป์ทีมชาติอยู่ตลอด เพราะผมเองก็อยากเก่งและประสบความสำเร็จเหมือนพี่ปุ้ย” 

 

“ส่วนเป้าหมายต่อจากนี้ไป ผมอยากติดทีมชาติไทยให้ได้นานที่สุด และอยากเดินรอยตามพี่ปุ้ย พรชัย เค้าแก้วที่สร้างสถิติมากมายทั้งในซีเกมส์และเอเชียนเกมส์ หรือมากไปกว่านั้นก็อยากที่จะทำลายสถิติที่ถูกจารึกไว้ให้ได้ แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้จากสุดยอดนักตะกร้อตัวอย่างที่เป็นแบบอย่างให้กับน้องๆรุ่นหลัง ได้เห็นว่าถ้าคนเราตั้งใจจะทำอะไรให้ดี ทุ่มเท มุ่งมั่นกับมัน ความสำเร็จจะก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน”


stadium

author

ศิรกานต์ ผาเจริญ

StadiumTH Content Creator // ผู้ก่อตั้งเพจสนามตะกร้อ

La Vie en Rose