stadium

"บิ๊ก-เบล" จากนักฟุตบอลสู่คู่แฝดนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน

7 เมษายน 2565

ทุกสนามแข่งวิ่งทางถนนในประเทศไทย ไม่มีใครไม่รู้จักคู่แฝดมหากาฬ "บิ๊ก-เบล อินนุ่ม" สถิติและมาตรฐานการวิ่งของทั้งคู่สั่นสะเทือนทุกโพเดี้ยมการแข่งขัน โดยเฉพาะสนามใหญ่ระดับประเทศ ถือว่าเป็นนักวิ่งสัญชาติไทยแท้ที่วิ่งเร็วที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้ มีสถิติสุดยอดทั้งในระยะ 10 กิโลเมตร ไปจนถึงฮาล์ฟมาราธอน ...พาไปรู้จักทั้งคู่ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงเป้าหมายในอนาคตบนเส้นทางการเป็นนักวิ่งอาชีพ ที่ทั้ง 2 คนบอกตรงกันถึงความมั่นใจที่จะทลายสถิติที่ดีที่สุดของตัวเองได้อีกครั้ง

 

 

 

จากนักฟุตบอลสู่คู่แฝดนักวิ่ง

 

"บิ๊ก ณัฐวุฒิ และ เบล ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม" ฝาแฝดที่เกิดห่างกัน 2 นาที มีจุดเริ่มต้นมาจากความชอบเล่นกีฬาทุกประเภทมาตั้งแต่เด็ก จนขึ้นชั้นประถมก็เข้าสู่ยุคที่ฟุตบอลบูมมากในประเทศไทย ทั้งสองคนก็ชอบเตะฟุตบอลเช่นกัน โดยเริ่มจากการเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ จนได้มาเป็นนักกีฬาฟุตบอลให้โรงเรียนซิกข์วิทยาลัย จ.สมุทรปราการ 

 

"สมัยนั้นวิ่งยังไม่ใช่กีฬาฮิต ยังไม่ค่อยมีคนสนใจ ส่วนใหญ่จะเป็นฟุตบอล แต่ตอนนั้นเราก็เริ่มรู้ตัวว่าวิ่งเร็วแล้ว ถ้าเทียบกับเด็กคนอื่นในโรงเรียนเดียวกัน และตำแหน่งที่ชอบเล่นก็เป็นปีก ซึ่งต้องวิ่งเร็วกว่าตำแหน่งอื่นในทีมด้วย" บิ๊กเล่าถึงจุดเริ่มต้นในการวิ่งเร็วของตัวเอง

 

ทั้ง 2 คนก็เล่นฟุตบอลที่โรงเรียนซิกข์วิทยาลัยมาจนถึงชั้นมัธยม จนมีครูเห็นแววและชวนไปวิ่ง เบลเล่าย้อนว่า ครูไปคุยกับพ่อว่าอยากให้ทั้ง 2 คนเปลี่ยนไปวิ่งแทน ตอนนั้นบิ๊กจึงเปลี่ยนไปเริ่มวิ่งก่อน จากนั้นไม่กี่เดือนก็ชวนเบลตามมาวิ่งด้วยกัน เหตุผลตอนนั้นคือเป็นพี่้น้องกันอยู่แล้ว กลับบ้านก็ต้องกลับพร้อมกัน ก็เลยทำกิจกรรมเหมือนกัน พบเข้ามัธยมปลายก็ย้ายไปโรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี

 

ยุคนั้นการวิ่งก็ยังไม่นิยมมาก ทั้ง 2 คนมีไอดอลเป็นนักวิ่งรุ่นพี่ในโรงเรียน ซึ่งวิ่งเก่งจนได้เป็นนักกีฬาตัวแทนจังหวัด เป็นนักกีฬาที่เท่และอยากเท่แบบรุ่นพี่คนนั้น   

 

 

จุดเริ่มต้นคือนักวิ่งระยะสั้น

 

หลังจากหันมาวิ่งก็ซ้อมวิ่งจริงจังอยู่ปีกว่า "บิ๊ก-เบล" ก็เริ่มลงแข่ง แรกๆ ยังสู้ใครไม่ได้ ตอนนั้นเริ่มต้นจากวิ่งระยะสั้นในลู่ยาง ระยะ 100 เมตร และ 400 เมตร ก่อนจะเปลี่ยนมาเริ่มแข่งถนนช่วงชั้นมัธยมปีที่ 3 ก็เริ่มชนะ แม้ว่าส่วนใหญ่ยังซ้อมสำหรับระยะร้อยเมตร ไม่ได้ซ้อมทางไกล ก็ยังชนะได้ก็ทำให้สนใจการแข่งถนนมากขึ้น และหันมาแข่งวิ่งถนนบ่อยขึ้น

 

ยุคปัจจุบันการแข่งถนนที่ทำให้นักวิ่งไทยและแฟนกีฬาวิ่งบ้านเรารู้จักคู่แฝดมหาโหด "บิ๊ก-เบล" มากขึ้นก็คือการแข่งระยะมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร งานระดับประเทศที่มีสองคนนี้ไปแข่ง ก็จะเป็นที่รู้กันว่าไม่บิ๊กก็เบล จะเป็นผู้ชนะ แม้ว่าบางงานก็จะมีตัวสอดแทรกขึ้นมาได้บ้าง แต่ต้องถือว่า "บิ๊ก-เบล" นั้นนิ่งมากที่สุด และรักษามาตรฐานการวิ่งของตัวเองในระยะนี้ได้แทบทุกสนามในประเทศไทย

 

จากวันนั้น ผ่านมาแล้ว 11 ปี ทั้ง 2 คนซ้อมด้วยกัน และแข่งด้วยกันมาตลอด ในงานแข่งต่างๆ จะเห็นทั้งคู่วิ่งด้วยกัน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ จนบางคนก็ตั้งคำถามว่า แล้วทั้ง 2 คนตั้งใจจะแข่งกันจริงๆ หรือ วิ่งด้วยกันช่วยกันเพื่อให้ใครสักคนชนะ

 

 

บิ๊กตอบว่า "เวลาแข่งงานเดียวกันคือพวกผมไม่ได้คิดจะแข่งกันเอง แต่ต่างคนต่างไป ตามความสามารถของตัวเอง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเกาะกันมาก่อนในช่วงแรก หลังจากนั้นใครไหวก็ไปก่อน" นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราเห็นทั้งสองคนผลัดกันเข้าเส้นชัยคนแรกแทบจะทุกงานวิ่งภายในประเทศไทย

 

สำหรับการแข่งวิ่งถนนในบ้านเราส่วนมากก็จะมี 3 ระยะที่นิยมกันมาก ก็คือมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร ฮาล์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตร และฟูลมาราธอน 42 กิโลเมตร ซึ่งสำหรับ "บิ๊ก-เบล" นั้น แม้จะวิ่งด้วยกันซ้อมด้วยกัน แต่ความชอบก็แตกต่างกัน 

 

"ผมชอบฮาล์ฟที่สุด เมื่อก่อนเคยชอบ 10 กิโล แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาวิ่งฮาล์ฟ เพราะคู่แข่งรุ่นน้องๆ เริ่มเยอะ เริ่มแรงขึ้น แล้วอีกอย่างคือแข่ง 10 กิโล ผมว่าเหนื่อยกว่าฮาล์ฟ" บิ๊กเล่าถึงเหตุผลที่เขาหันมาวิ่งฮาล์ฟมาราธอนแล้วในตอนนี้ ซึ่งเขาเองก็ประสบความสำเร็จในระยะนี้อย่างมากด้วยเช่นกัน

 

ส่วนเบลบอกว่า "ผมถนัดทุกระยะ วิ่งได้หมด แต่แข่ง 10 กิโลประจำ ผมว่าผมถนัด 10 กิโลมากที่สุด แม้ว่าจะแพ้และชนะบ้างก็เป็นปกติ" 

 

สถิติที่ดีที่สุด

ระยะ 10 กิโลเมตร

บิ๊ก - 30:01

เบล -  30.46

 

ระยะฮาล์ฟมาราธอน

บิ๊ก - 1.05.19

เบล - 1.09.17 

 

 

การแข่งขันที่ภูมิใจ

 

แม้ภาพที่เราเห็นบ่อยๆ จะเป็นชัยชนะของน้องหรือพี่ จนวงการวิ่งขนานนามให้ทั้งคู่คือคู่แฝดมหากาฬ แต่การแข่งที่ประทับใจ "บิ๊ก" มากที่สุดก็คือ เชียงราย 21 เมื่อปี 2020 เพราะสนามนั้นบิ๊กวิ่งทำลายสถิติประเทศไทยระยะฮาล์ฟมาราธอนได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ส่วนงานที่สนุกที่สุดคือวิ่งผ่าเมืองปี 2022 ที่เพิ่งจบไป ซึ่งสนามนี้ก็เป็นที่ประทับใจของหลายคนเช่นกัน

 

"คือ งานเชียงรายผมโฟกัสกับมันมาก และทำลายสถิติประเทศไทยได้ในตอนนั้นคือสุดยอดมาก ดีใจมาก แต่สนุกสุดคือวิ่งผ่าเมืองที่ผ่านมา เป็นงานที่วิ่งแล้วสนุกมาก น่าจะเพราะเราพร้อม และไม่กดดัน จนทั้งสนุกและทำได้ดี" บิ๊กเล่าความประทับใจ

 

ส่วนเบลมีงานประทับใจที่สุด เป็น 1 ในงานวิ่ง 10 กิโลเมตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของบ้านเรา ก็คืองาน Running Zone 10K Championship 2022 "ผมวิ่งได้ 30 ต้นๆ วันนั้นร่างกายพร้อมในระดับนึง แต่เกินความคาดหมายที่คิดไว้ จนทำลายสถิติได้ เป็นเวลา 10 โล 30 นาทีครั้งแรกของผม เกิดจากความพยายาม ไม่ยอมแพ้ จนทำลายสถิติรายการได้ ประทับใจมาก" เบลเล่า

 

 

อนาคตบนเส้นทางนักวิ่ง

 

เบลเริ่มตอบก่อนว่า "ผมยังไม่คิดจะเลิกวิ่งตอนนี้ และก็ไม่ได้คิดว่าจะเลิกวิ่งตอนไหน แต่คิดว่าชีวิตมาถึงจุดนี้ได้เพราะการวิ่ง ถ้าวันนี้ไม่ได้วิ่ง ผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้ไหม รู้สึกชีวิตขาดวิ่งไม่ได้ ก็จะซ้อม และวิ่งไปก่อน" แต่เบลก็บอกว่า อนาคตคงต้องเป็นโค้ช แต่อยากสอนเด็กประถมแบบบ้านๆ แต่ยังไม่ได้วางแผนชัดเจน การปรับเพิ่มระยะไปวิ่งฟูลมาราธอนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก แต่ยังไม่ถึงเวลา

 

เช่นเดียวกับบิ๊ก ก็บอกว่า อยากวิ่งฟูลเหมือนกัน แต่การวิ่งฟูลต้องใช้เวลามาก ตอนนี้เวลาชีวิตจำกัด บิ๊กบอกว่า เหตุผลที่ไม่ขึ้นไปวิ่งฟูลมาราธอนสักทีก็เพราะเรื่องเวลา "ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเราจะวิ่งได้แค่ไหน จะสู้ต่างชาติได้ไหม แต่ก็ยังไม่มีเวลามากพอ" ส่วนการเป็นโค้ชนั้นอยากอบรมให้ถึงขั้นที่สอนคนอื่นได้จริงก่อนค่อยรับหน้าที่นั้น 

 

 

นักวิ่งอาชีพส่วนใหญ่เมื่อถึงจุดอิ่มตัว หรืออายุมากขึ้น ก็จะปรับไปวิ่งระยะทางไกลมากขึ้น เช่น ฟูลมาราธอน หรือ ไปเป็นโค้ช ส่วนทั้ง 2 คนตอนนี้รับราชการครูกันทั้งคู่ เป็นงานที่เหมาะกับการเป็นนักวิ่งอาชีพอยู่แล้ว ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ยังเป็นเส้นทางอีกไกล 

 

ผลงานของ "บิ๊ก-เบล" ทั้งในปัจจุบันและที่ผ่านมา พิสูจน์ชัดว่านักวิ่งสัญชาติไทยแท้ ยังวิ่งได้ยอดเยี่ยม "คู่แฝดมหากาฬ" ที่ยังรักษามาตรฐานของตัวเองได้ทุกสนามที่ลงแข่ง กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักวิ่งรุ่นน้องเร่งพัฒนาตัวเอง เพื่อไปให้ถึงจุดเดียวกับพี่ๆ ทั้ง 2 คน จนตอนนี้วงการวิ่งก็ได้พบกับเด็กๆ เยาวชนหลายๆ คน 

 

แต่เบลบอกว่า ห่วงเรื่องศักยภาพร่างกาย เพราะเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ก็ไม่ควรวิ่งระยะไกลเกินกว่า 5000 เมตร แต่ก็อยากให้น้องๆ ตั้งใจซ้อมพัฒนาตัวเอง ขยันมีวินัย นั่นคือ หัวใจหลักของนักวิ่งทางไกล ขณะที่บิ๊ก ย้ำเรื่องความสม่ำเสมอ การคิดบวก เพราะการวิ่งคือการสู้กับตัวเอง สู้กับความขี้เกียจ อาจไม่ประสบความสำเร็จที่สุด แต่จะเป็นผลดีอย่างแน่นอน


stadium

author

ทีมงานเพจนักวิ่งมีหนวด

เพจเรื่องวิ่งที่แอดมินมีหนวด ทำข่าววิ่ง ชอบป้ายยา ขิงรองเท้าเสื้อผ้าวิ่ง

โฆษณา