เจ้าภาพการแข่งระดับโลก - ข้อดีนับไม่ถ้วนต่อวงการกีฬาไทย

ในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ ประเทศไทย รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาระดับโลกหลายรายการ และผลลัพธ์ที่ได้ล้วนเป็นไปในด้านบวก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการบริหารจัดการ หรือความสำเร็จของนักกีฬา

แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ หลายชนิดกีฬาต้องใช้เวลาตั้งไข่ล้มลุกคลุกคลานมาหลายปี เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลาสั่งสมทั้งประสบการณ์ ความสามารถ และปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ อย่างไรก็ตามเมื่อจิ๊กซอว์แต่ละชิ้นเข้ามาประกอบกันเป็นภาพที่สมบูรณ์ ก็จะเกิดความสำเร็จที่ยั่งยืน ต่อเนื่อง และยาวนาน  

หลายคนอาจบอกว่า การที่นักกีฬาจะคว้าแชมป์ได้นั้น เกิดจากความสามารถ ความมีวินัย และการฝึกฝนที่หนักหน่วง แต่รู้หรือไม่ว่าการทำหน้าที่เจ้าภาพจัดการแข่งขันของประเทศบ้านเกิดนั้น ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สร้างนักกีฬาระดับโลกได้เช่นกัน

แล้วข้อดีจากการคว้าโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการระดับโลกนั้นมีอะไรบ้าง ติดตามได้ที่นี่  

องค์ความรู้

การรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพรายการระดับโลกครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นชาติใดก็ตาม ย่อมมีอาการจับต้นชนปลายไม่ถูก เนื่องจากไม่เคยมีประสบการณ์ แต่หากได้ลองทำแล้วจะทำให้รู้ว่า ครั้งต่อ ๆ ไป ต้องเตรียมการอย่างไร โดยการเรียนรู้จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญของต่างประเทศ รวมทั้งจากปัญหาและคำวิจารณ์ที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้จะถูกเก็บรวบรวมโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ และมีการปรับปรุงแก้ไขให้สมบูรณ์แบบ ตรงตามมาตรฐานระดับโลกมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อไปถึงจุดนั้นได้แล้วก็จะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรกีฬาระดับนานาชาติ ให้จัดการแข่งขันในรายการที่มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น และดึงดูดนักกีฬาชั้นนำเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน องค์ความรู้ที่ได้รับจากการจัดแข่งขันกีฬาชนิดหนึ่ง ยังสามารถนำไปปรับใช้กับการเป็นเจ้าภาพกีฬาชนิดอื่น ๆ ได้อีกด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการจัดแข่งขันแบดมินตัน 3 รายการใหญ่ติดต่อกันในเดือนมกราคมปี 2021 ที่ต้องใช้วิธีกักตัวนักกีฬาแบบบับเบิลเนื่องจากสถานการณ์โควิด ก็สามารถนำไปประยุกต์กับการจัดแข่งกีฬารายการอื่นในเวลาต่อมาเช่น เจ็ตสกี เวิลด์ คัพ, เจ็ตสกี โปร ทัวร์ และ กอล์ฟ แอลพีจีเอ รายการ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์

ประสบการณ์

ประสบการณ์ในที่นี้ไม่ใช่แค่ในมุมของฝ่ายจัดการแข่งขัน แต่หมายถึงประสบการณ์ที่นักกีฬาของชาติเจ้าภาพ และแฟนกีฬาในประเทศได้สัมผัสถึงคำว่าระดับโลก เหมือนอย่างที่ กอล์ฟ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ มอบให้กับนักกอล์ฟดาวรุ่ง หรือมือสมัครเล่นได้โอกาสซึมซับบรรยากาศของการลงแข่งในระดับ แอลพีจีเอ ทัวร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาได้จากการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ในประเทศ เช่นเดียวกับสิทธิ์ไวลด์การ์ดของการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแบดมินตัน บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ ทัวร์

ขณะเดียวกัน แฟนกีฬาก็จะได้ประสบการณ์ชมกีฬาระดับโลกแบบติดขอบสนาม ไม่ต้องผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ได้เห็นความเป็นมืออาชีพของนักกีฬาระดับโลก ได้เห็นการจัดการแข่งขันด้วยมาตรฐานระดับสูง รวมทั้งได้ความรู้ถึงมารยาทของการชมการแข่งขันตามหลักสากล จากที่เคยติดตามผ่านทางหน้าจอโทรทัศน์เท่านั้น

ประชาสัมพันธ์

ผลพลอยได้ของการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการระดับโลก นั่นคือการยกระดับชื่อเสียงของประเทศ ยิ่งทำหน้าที่ได้ดีมากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจอย่างมาก เพราะเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วโลก และนักกีฬาที่มีชื่อเสียงก็คือบุคคลที่มีอิทธิพลในสายตานานาชาติ หากเขาหรือเธอเดินทางมาลงแข่งขันที่ไทย แล้วมีการเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์กของตัวเองถึงความประทับใจในชาติเจ้าภาพ ซึ่งอาจต่อยอดไปถึงการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ ก่อนจะไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ถัดไป ก็เหมือนกับเราได้โฆษณาการท่องเที่ยวของประเทศไทยแบบไม่รู้ตัว

ความสำเร็จ

เมื่อจัดการแข่งขันได้ดี ได้รับคำชม และได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง นั่นคือความสำเร็จในฐานะเจ้าภาพ และการเป็นเจ้าบ้าน แต่ความสำเร็จนั้นจะทวีคูณไปอีกหลายเท่าตัวเมื่อนักกีฬาในประเทศคว้าแชมป์ได้สำเร็จ เหมือนที่ บาส เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ปอป้อ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คว้าแชมป์แบดมินตัน 3 รายการใหญ่ในบ้านเรา และ โปรเม เอรียา จุฑานุกาล ที่คว้าแชมป์ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ปี 2021

ความสำเร็จที่นักกีฬาทำได้ เป็นผลมาจากการได้ลงแข่งในชาติบ้านเกิดของตัวเองเช่นกัน เพราะการได้เล่นในสถานที่ที่คุ้นเคย โดยรับรู้ว่ามีครอบครัวและคนทั้งประเทศให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง ทำให้มีแรงจูงใจที่จะลงเล่นอย่างสุดความสามารถ เพื่อสร้างความสุขให้กับคนในประเทศ

แรงบันดาลใจ

นี่คือประโยชน์ที่มีคุณค่ามากที่สุดของการเป็นเจ้าภาพ เพราะคงไม่มีความหมายอะไรหากจัดการแข่งขันไปแล้ว ไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้คนในประเทศอยากก้าวไปเป็นนักกีฬาระดับโลกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นกีฬาชนิดใดก็ตามที่มีการจัดแข่งขันในบ้านเรา ต่างมีส่วนเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างนักกีฬารุ่นต่อ ๆ ไป ที่เห็นได้ชัดคือ กอล์ฟ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ ซึ่งจัดการแข่งขันมาเป็นปีที่ 15 จากการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 2006 ที่มีโปรสาวไทยเข้าร่วม 5 ราย และมือสมัครเล่นอีก 1 ราย มาถึงปี 2022 ที่มีนักกอล์ฟไทยลงแข่งขันมากถึง 11 ราย มือโปรหลายคนในนั้นต่างเคยเป็นผู้ชมหรือเคยลงแข่งในฐานะมือสมัครเล่น ก่อนจะสานต่อความฝันของตัวเองจนก้าวไปยืนเคียงข้างกับนักกอล์ฟชั้นนำ โดยเฉพาะโปรเม เอรียา ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ ขณะเดียวกันยังมีผู้ที่จะมารับไม้ต่ออย่าง รีน่า ทาเทมัตสึ มือสมัครเล่นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น วัย 20 ปี ที่เคยเป็นผู้เข้าชมการแข่งขัน ก่อนจะได้แรงบันดาลใจเข้าสู่วงการกอล์ฟตามรอยโปรเมไอดอลของเธอนั่นเอง