22 ธันวาคม 2564
ก่อนจะวัดความเป็นเบอร์ 1 อาเซียนกันในเกมรอบรองชนะเลิศศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020” ระหว่างทีมชาติไทย แชมป์ 5 สมัย อันดับที่ 118 ของโลก พบกับเวียดนามที่เคยได้ชูถ้วยใบนี้ 2 ครั้ง อันดับที่ 99 ของโลกพ่วงดีกรีแชมป์เก่า ลองมาเทียบเคียงฝีมือโค้ช สถิติ รูปแบบการเล่นทั้งสองฝ่ายดู ก่อนจะไปชมเกมระดับ 5 ดาวของภูมิภาคกัน นัดแรกวันที่ 23 ธันวาคม และนัดที่ 2 วันที่ 26 ธันวาคมนี้
ฝีมือ ผลงานหัวหน้าโค้ช
ปาร์ก ฮัง ซอ เป็นชาวเกาหลีใต้ ปัจจุบันอายุ 64 ปี เริ่มรับงานคุมทีมชาติเวียดนามตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2017 ผลงานเด่นในการคุมทัพทีมดาวทอง คือ การพาทีมชุด 23 ปี ได้รองแชมป์เอเชียในปี 2018 และได้อันดับ 4 เอเชียนเกมส์ในปีเดียวกัน ซึ่งขุนพลชุดนั้นต่อยอดเติบโตกลายมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดปัจจุบัน
นอกจากนั้นยังเคยพาทีมชุดใหญ่ได้แชมป์อาเซียน 2018 ในปีล่าสุดที่จัดการแข่งขัน ต่อยอดด้วยการพาทีมดาวทองไปถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายศึกคัดฟุตบอลโลก 2022 โซนเอเชีย ซึ่งลึกกว่าทีมไทยที่ตกรอบคัดเลือกรอบที่ 2
โค้ชปาร์กยังคุมทีมชุด 22 ปี ได้เหรียญทองฟุตบอลชายซีเกมส์ 2019 ด้วย เท่ากับว่ารายการสำคัญในอาเซียนเวลานี้เวียดนามคือเบอร์ 1
มาโน โพลกิง เป็นชาวบราซิล-เยอรมนี ปัจจุบันอายุ 45 ปี เริ่มรับงานคุมทีมชาติไทยเมื่อเดือนกันยายนปี 2021 ผลงานเด่นก่อนหน้านี้ คือ การอยู่ในทีมผู้ช่วยโค้ชของ วินฟรีด เชเฟอร์ ที่พาทีมชาติไทยได้รองแชมป์อาเซียน 2012
ก่อนจะมารับงานคุมสโมสรในไทยลีก ผลงานดีที่สุดคือการพาทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ได้รองแชมป์ไทยลีกในปี 2016 และ 2018 และรองแชมป์เอฟเอ คัพในปี 2017 ก่อนจะประกาศลาออกในเดือนตุลาคมปี 2020 และไปรับงานคุมทีมในวีลีกเวียดนาม คือสโมสรโฮจิมินห์ ซิตี้ และลีกได้ตัดจบการแข่งขันไป
นอกจากนั้นมาโนเคยเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 22 ปีมาแล้ว ในรายการชิงแชมป์เอเชีย 2013 รอบคัดเลือก ที่ประเทศลาว ชุดนั้นมีผู้เล่น อาทิ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์, ปกเกล้า อนันต์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, อดิศักดิ์ ไกรษร, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม รวมถึง สารัช อยู่เย็น แต่ทีมตกรอบคัดเลือก
แผน และสไตล์การเล่น
พลพรรคดาวทองใช้ระบบ 3-4-2-1 หรือ 3-4-3 ยังไม่เสียประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ และยิงคู่แข่งไป 9 ประตู แสดงให้เห็นถึงความเหนียวแน่นในเกมรับ ส่วนสไตล์การเล่นแบ่งเป็นสองส่วน ถ้าพวกเขาเจอทีมไม่แกร่งมาก และศักยภาพของตัวเองเหนือกว่า ก็ไม่ได้ลงไปตั้งรับและเน้นสวนกลับมากนัก เห็นได้ชัดในเกมกับอินโดนีเซียที่ผลเสมอ 0-0 แต่เวียดนามครองบอลถึง 69 เปอร์เซนต์ มีโอกาสยิง 8 ครั้ง ส่วนทีมอิเหนาไม่มีโอกาสยิงแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นหากพบกับไทย เป็นไปได้ว่าทีมดาวทองอาจจะเน้นรับเหนียว เพรสซิ่งสูง ใช้พลังวิ่งไล่บดบี้กับนักเตะไทยแบบหายใจรดต้นคอ ก่อนจะหาจังหวะโต้กลับ โดยมี เหงียน กวง ไฮ เป็นแกนหลัก เมื่อมีโอกาส เหงียน เทียน ลินห์ จะยิงทันที ไม่รอช้า
ทีมชาติไทยใช้ระบบ 4-4-2 แบบไดมอน หรืออาจจะสลับเป็น 4-3-3 ในบางจังหวะของเกม ช้างศึกชุดนี้เป็นทีมที่คอนโทรลเกมได้ดี ด้วยผู้เล่นที่เสียบอลยากในแดนกลาง และสามารถเปลี่ยนรับเป็นรุกได้ดี แบ็กสองข้าง ทั้ง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ ธีราทร บุญมาทัน เติมเกมรุกและเปิดบอลได้ดี เฉพาะนฤบดินทร์ทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์ ส่วนแดนหน้าอันตรายทั้งความสามารถเฉพาะตัวของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา ที่กำลังมั่นใจสุดขีด อีกทั้งยังมีทีเด็ดจากการยิงไกลของ ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ด้วย
ตัวผู้เล่น และดาวเด่น
เวียดนามชุดนี้เกาะกลุ่มกันมาตั้งแต่ได้รองแชมป์ฟุตบอลเอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เมื่อปี 2018 ไล่ยาวมาถึงปัจจุบัน เป็นชาติเดียวในอาเซียนที่เข้าไปถึงฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย แม้จะแพ้รวด แต่ก็ถือว่าได้ประสบการณ์ล้นเหลือ พวกเขาแพ้ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, ซาอุดิอาระเบีย และจีน แบบฉิวเฉียดลูกเดียว
นักเตะที่เรียกมาลุย “อาเซียน คัพ” เป็นผู้เล่นที่อยู่ในประเทศทั้งหมด ขาดตัวหลักคือ ดอน วาน เฮา แบ็กที่เคยไปเล่นกับฮีเรนวีน ในเอเรดิวิซี ลีก ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งบาดเจ็บ
กัปตันทีมเป็น เกอ ง็อก ไฮ กองหลังประสบการณ์สูงจากเวียตเทล ส่วนแนวรุกฝากความหวังไว้ที่ เหงียน กวง ไฮ ดาวเตะเท้าซ้ายตัวฉกาจ เจ้าของรางวัล MVP จากครั้งก่อน ที่ยังโดดเด่นอย่างมาก, เหงียน คอง เฟือง กองหน้าคนสำคัญที่ดูเหมือนจะเรียกฟอร์มกลับมาได้แล้ว และทำไป 2 ประตูในรอบแรก
ด้านผู้เล่นไทยชุดนี้ถือเป็นชุดที่ดีที่สุดในรอบหลายทัวร์นาเมนต์ แม้จะขาด พรรษา เหมวิบูลย์ และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่เจ็บไป แต่การที่ได้ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ , “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน มาจากเจลีก ได้ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ที่อยู่ในฟอร์มเยี่ยมยืนค้ำแดนหน้า และมุ้ยก็ไม่ทำให้ผิดหวังกดไปแล้ว 4 ประตู รวมถึงมีอาวุธใหม่ยิงไกลลูกพุ่งอย่าง “กัน” ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร กองกลางจากเลสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีกมาด้วย ยิ่งทำให้ทีมชุดนี้เกือบจะสมบูรณ์ในแง่ของตัวผู้เล่น โดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมมอบหมายให้ “เจ ชนาธิป” ที่เคยได้แชมป์มาแล้ว 2 สมัย พ่วง MVP ทั้งสองครั้ง ทำหน้าที่กัปตันทีมชุดนี้
สถิติการพบกัน
หากนับสถิติเฉพาะใน “อาเซียนคัพ” ไทยเหนือกว่า โดยไทยพบเวียดนามทั้งหมด 9 ครั้ง ปรากฏว่าทีมช้างศึกชนะไปได้ถึง 5 ครั้ง ส่วนทีมดาวทองชนะได้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น และเสมอกัน 2 ครั้ง โดยชัยชนะของเวียดนามที่มีเหนือไทยในรายการนี้ครั้งสุดท้าย ต้องย้อนไปเมื่อปี 2008 หรือเมื่อ 13 ปีก่อน อีกทั้งหากเทียบจำนวนการได้ถ้วยไปนอนกอดที่บ้าน ศักดิ์ศรีรวมไทยก็ยังเหนือกว่าได้ไป 5 ครั้งสูงสุด ส่วนทีมดาวทองได้ไป 2 ครั้ง
ส่วนการการพบกัน 5 ครั้งล่าสุดของทีมชุดใหญ่ ช้างศึกจากแดนสยามก็ยังดีกว่า ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 นัด โดยผลชนะเกิดขึ้นเมื่อปี 2015 เกมคัดบอลโลก 2018 ทีมช้างศึกยุคโค้ชซิโก้กำลังคึกสุดขีด เอาชนะเวียดนามได้ในบ้าน 1-0 ก่อนจะออกไปเยือนถล่มไป 3-0
ขณะที่ผลเสมอเกิดขึ้นในปี 2019 ในแมตช์คัดฟุตบอลโลก 2022 โซนเอเชีย ไทยในยุค อากิระ นิชิโนะ ต้องมาอยู่สายเดียวกับเวียดนาม การพบกัน 2 นัด ทั้งเกมเหย้าและเยือน เสมอ 0-0 ทั้งสองนัด ส่วนเกมที่ไทยแพ้เวียดนามนั้นเกิดขึ้นในฟุตบอลคิงส์คัพ เดือนมิถุนายนปี 2019 ทีมช้างศึกแพ้ไป 0-1 แถมต้องตกรอบ ไม่ได้เข้าชิง
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ “โค้ชปาร์ก” มาคุมทีมเวียดนาม 5 นัดหลังในทุกชุดที่พบกับไทย เขาไม่เคยพาเวียดนามแพ้ไทย แบ่งเป็นชนะ 1 นัด เสมอ 4 นัด
วาทะก่อนเตะ
ปาร์ก ฮัง ซอ “ผมพอใจกับภาพรวมการแข่งขันรอบแรก เพราะผู้เล่นเราทำได้ดีทั้งเกมรุกและรับที่ยังไม่เสียประตู ในรอบรองชนะเลิศ เวียดนามเจอใครก็ได้ ทีมชาติไทยเป็นทีมที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามเรามีเวลาพักและจะวางแผนสำหรับเกมนี้ต่อไป”
มาโน โพลกิง “นี่คือเกมใหญ่ เรารู้ดีว่าทั้งสองทีมต่างตั้งเป้าคว้าแชมป์รายการนี้ให้ได้ เวียดนามเป็นทีมที่ดี ได้เล่นในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ซ้อมด้วยกันมานาน มันไม่ใช่เกมที่ง่าย แต่การจะคว้าแชมป์รายการนี้มาครอง เราจำเป็นต้องชนะทุกทีมที่เจอ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม เราเชื่อว่านักเตะทุกคนพร้อม และเราพร้อมที่จะลุยในเกมนี้”
TAG ที่เกี่ยวข้อง