stadium

ดนัย อุดมโชค กับเป้าหมายในการกลับมาแข่งอีกครั้งเพื่อลูก

10 ธันวาคม 2564

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เกิดข่าวฮือฮาในวงการเทนนิสไทย เมื่อ "ปิ๊ก" ร.ต.อ. ดนัย อุดมโชค หวนกลับมาลงแข่งอีกครั้งในวัย 40 ปี หลังจากแขวนแร็กเกตไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ก่อนจะทำผลงานยอดเยี่ยมคว้าแชมป์รายการของทีเอทีพี ทัวร์ ได้สำเร็จ

 

การกลับมาของอดีตมือหนึ่งทีมชาติไทยครั้งนี้ เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่เงินรางวัล หรือถ้วยแชมป์ประดับบารมี หากแต่เป็นการกลับมาเพื่อเป็นตัวอย่างในการเป็นนักเทนนิสอาชีพให้กับ "ปอร์โต้" ภาสุร อุดมโชค ลูกชายวัย 8 ขวบที่กำลังดำเนินรอยตามคุณพ่อในเส้นทางสายนักหวดลูกสักหลาด

 

แน่นอนว่าการรับบทบาททั้ง "พ่อ" และ "โค้ช" ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วพี่ปิ๊กมีเคล็ดลับอย่างไร ติดตามได้ผ่านบทสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟจากทีมงาน STADIUM TH ได้ที่นี่

 

ครอบครัวอุดมโชค

 

ทำไมถึงกลับมาแข่ง และอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้จับแร็กเก็ตอีกครั้ง?

พี่ปิ๊ก : จริง ๆ แล้ว ตอนแรกไม่ได้กะจะกลับมาแข่งขันจริงจัง แต่ว่าเนื่องด้วยลูกที่เขาชอบเทนนิสมากแล้วเขาก็เริ่มแข่งขัน เริ่มที่จะอินกับเรื่องผลแพ้ชนะ ผมพาเขาไปแข่งแล้วพอเขาอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองแล้วต้องพยายามหาจังหวะหรือหาหนทางแก้ไขเพื่อกลับมาเป็นผู้ชนะให้ได้ ตรงนี้เขายังทำได้ไม่ค่อยดี พอหลังจากแมตช์ที่เขาออกมาผมก็พยายามพูดให้เขาเข้าใจว่าเราตามเนี่ย เราไม่ได้แพ้นะ เรายังอยู่ในเกม ซึ่งเราสามารถที่จะกลับมาชนะได้อยู่ตลอดเวลา แต่ก็อาจทำให้เขาเห็นได้ไม่ชัดเจน ผมก็เลยตัดสินใจจะลองลงไปเล่นอีกครั้งนึง เพื่อให้เขาได้เห็นว่าเวลาผมถูกนำ เวลาผมแก้สถานการณ์อยู่ในสนาม ผมทำอย่างไร รวมไปถึงอาจจะเป็นจุดที่ไปสร้างแรงบันดาลใจให้เขาอินกับเทนนิสมากขึ้นด้วย

 

เป้าหมายในการคัมแบ็กครั้งนี้ จุดไหนถึงเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ?

พี่ปิ๊ก : เรื่องความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่ตัวผมแล้ว ตอนนี้มุ่งไปอยู่ที่ลูกชายที่กำลังก้าวขึ้นไป ถึงยังไม่ได้เรียกว่าเป็นนักแข่งเต็มตัว แต่ตอนนี้อยากให้เขารู้สึกสนุกไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ใส่เรื่องความเป็นนักกีฬาให้เขามากที่สุด เพื่อให้เขาโตไปแล้วแกร่ง เป็นนักกีฬาอย่างเข้มแข็งได้ในอนาคต

 

 

จุดเริ่มต้นของลูก ๆ ในการหันมาเล่นเทนนิสจริงจัง?

พี่ปิ๊ก : ณ ตอนนี้ ทั้ง 2 คน ผมก็ยังมองว่ายังไม่ถึงจุดที่เรียกได้ว่าจะต้องจริงจังขนาดนั้น แต่ด้วยตัวของปอร์โต้แล้ว เขาเริ่มชอบ เขาเริ่มรู้สึกสนุก แล้วก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ในสนาม เพราะฉะนั้นตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นก้าวแรกสำหรับคนที่จะประสบความสำเร็จในการเล่นเทนนิสอาชีพต้องมี เพราะฉะนั้นผมมองว่าอีกสัก 2-3 ปี ถ้าปอร์โต้ยังเก็บรักษาความรู้สึกตรงนี้ ยังรักษาความอยากความสนุกเอาไว้ได้ ก็คิดว่าน่าจะเริ่มพร้อมที่จะใส่ทุกอย่าง ทุกรายละเอียดเข้าไป เพื่อให้โตไปแล้วจะแข็งแกร่งเป็นนักเทนนิสอาชีพได้ ส่วนปินต้ายังไม่ได้อินกับเทนนิสขนาดนั้น เลยยังไม่ได้ผลักดัน ยังไม่ได้สร้างความกดดันอะไรกับเขามากมาย ขอให้เขามาแล้วเอ็นจอยกับเพื่อน แล้วก็สนุกกับการแข่งขัน พอแพ้กลับมาก็บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวเรากลับไปซ้อมใหม่ แล้วก็กลับมาแข่งใหม่คราวหน้า

 

การเป็นโค้ชน้องปอร์โต้มีอุปสรรคอะไรบ้าง?

พี่ปิ๊ก : ความเป็นพ่อลูกกับการเป็นโค้ชนักกีฬาค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะว่าสำหรับโค้ชกับนักกีฬานั้น หนึ่งคือนักกีฬาจะต้องเชื่อในตัวโค้ชว่าเขาจะสามารถพัฒนาตัวเราได้ในมุมของนักกีฬา ส่วนความเป็นพ่อลูก ลูกก็จะต้องฟังพ่อ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ลูกจะไม่ค่อยฟังพ่อเท่าไหร่ จะดื้อกับผู้ปกครอง ตรงนี้ก็เป็นข้อที่ยากพอสมควร แต่เนื่องด้วยปอร์โต้เป็นเด็กที่รับฟังค่อนข้างดี เพราะฉะนั้นก็อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับผมเท่าไหร่ แต่ว่าแน่นอนในอนาคตมันอาจจะเกิดขึ้นได้ เราจึงต้องหาทางป้องกันเรื่องของความดื้อของลูกกับพ่อกับแม่ให้ได้มากที่สุดแค่นั้นเอง

 

"ปอร์โต้" ด.ช.ภาสุร อุดมโชค

 

ตอนเป็นโค้ชกับเวลาอยู่ที่บ้านใช้วิธีดูแลแบบไหน เหมือนกันหรือแยกบทบาทชัดเจน?

พี่ปิ๊ก : ส่วนใหญ่ผมแยกบทบาทชัดเจน แล้วเวลาไปที่สนามผมจะไม่ได้ใส่ตัวเองเข้าไปเต็มตัว คือจะพยายามให้ทีมโค้ชของอะคาเดมี่เป็นคนคอยช่วยดูเป็นหลัก แล้วผมก็จะไปคอยเสริม คอยตีให้ เรียกได้ว่าเรื่องอะไรที่ซีเรียสมาก ผมจะค่อย ๆ ผ่านทางโค้ชมากกว่า แต่เรื่องอะไรที่ผมสามารถพูดตรง ๆ ได้ ก็อาจจะพูดตรง ๆ กับน้องเลย

 

ตอนนี้มองอนาคตของน้องปอร์โต้ไว้อย่างไร?

พี่ปิ๊ก : ณ ตอนนี้มองสวยหรูไว้ก่อนคือเขาจะต้องประสบความสำเร็จในเทนนิสอาชีพให้ได้ ตอนนี้คือเราพยายามทำอย่างไรก็ได้ให้ดีที่สุด ให้เขาไปอยู่ในเส้นทางที่ก้าวไปสู่เทนนิสอาชีพ แต่มันยังอีกยาวไกล เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามคอยประคับประคองให้เขาอยู่ในลู่ทางให้ได้

 

"ปินต้า" ด.ญ.ญาณิสร อุดมโชค

 

ผู้ปกครองที่อยากให้ลูกเล่นกีฬาต้องเริ่มต้นอย่างไร?

พี่ปิ๊ก : เด็กช่วงวัยนี้ สิ่งที่ทำให้เขาอินกับมันได้ เขาจะต้องรู้สึกสนุกกับมันก่อน รู้สึกว่าเขาชอบด้วยตัวของเขาเอง เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เราจะทำได้ในฐานะผู้ปกครองคือทำให้เขารู้จักกีฬาต่าง ๆ ที่บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบ เพียงแต่ว่า พอเขารู้จักแล้ว สิ่งที่สองคือหน้าที่ของโค้ชที่จะทำให้เขารู้สึกว่าชอบ รู้สึกสนุก รู้สึกเรียกร้อง เหมือนกับพอห่างไปสักพักแล้วรู้สึกว่าอยากจะกลับมา ต้องบอกผู้ปกครองว่า พ่อเมื่อไหร่จะพาหนูไปสนามเทนนิสอีก หนูอยากตีเทนนิส หนูอยากเรียกเทนนิสแล้ว อันนี้คือเขาเริ่มที่จะชอบ เริ่มที่จะอินกับมันแล้ว สามก็คือมีรายการแข่งขันที่จะเป็นสนามหรือเป็นเวทีให้เขาเห็นว่าสิ่งที่ซ้อมที่ฝึกฝนมาเอาออกมาใช้ได้ แล้วก็จะพัฒนาต่อไป อันนี้คือขั้นบันไดต่าง ๆ ที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

 

คำแนะนำสำหรับผู้ปกครองที่มีลูกเป็นนักกีฬา ทำอย่างไรเพื่อให้ลูกก้าวไปสู่ขั้นต่อไปได้แม้ตัวเองไม่เคยเป็นนักกีฬามาก่อน?

พี่ปิ๊ก : ความเป็นนักกีฬาที่ดี หนึ่งคือเราควรจะปลูกฝังให้เขาเริ่มเรียนรู้ตัวเขาเองก่อนให้ได้ อย่าเพิ่งไปใส่เรื่องของผลการแข่งขัน เพราะตอนนี้เด็กยังเด็ก ถ้าเราใส่เรื่องผลเร็วเกินไปจะเกิดความกดดันได้ง่าย แล้วพอต่อไปอนาคตพอเขาเริ่มรับความกดดันมาก ๆ เขาจะอยู่กับมันไม่ได้ แล้วก็จะทิ้งมันไปในที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว ผมอยากให้ผู้ปกครองที่บ้านเริ่มจากการให้เขาเรียนรู้ตัวเองดีกว่าว่า เวลานี้ควรจะทำอะไร เวลานั้นควรจะทำอะไร แล้วค่อยใส่เข้าไปให้เขารู้หน้าที่มากขึ้น ของผมก็พยายาม แต่ปอร์โต้ก็ยังเด็ก ปินต้าก็ยังเด็ก การจะให้เขารู้ทุกอย่างก็เป็นเรื่องยาก เราก็ต้องค่อย ๆ บอก ให้เขาเริ่มมีความรู้ตรงนี้ แล้วพอโตไปเขาก็จะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องทำตรงนี้ขึ้นมา


stadium

author

ณัฐกร ทองนพเก้า

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose