รู้จักต้นกำเนิด สุพรีม ชลบุรี-อีเทค ก่อนลุ้นแชมป์เอเชียสมัย 3

ถ้าพูดถึงสโมสรวอลเลย์บอลหญิงไทยที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จมากที่สุดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คงต้องยกให้กับทางด้านของ สุพรีม ชลบุรี-อีเทค นับตั้งแต่คว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในซีซั่น 2016-17 พวกเขาคว้าแชมป์ไทยแลนด์ลีกไปทั้งหมด 3 ครั้ง (2017, 2018, 2020) จบด้วยรองแชมป์ในปี 2019 และอันดับ 3 ในฤดูกาลล่าสุด 

ในช่วงเวลาเดียวกันพวกเขาได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นสโมสรวอลเลย์บอลหญิงทีมแรกที่ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกชิงแชมป์เอเชียได้ถึง 3 ปีติดต่อกัน สามารถหยิบแชมป์ได้ 2 ปีซ้อน  แต่มาผิดหวังผิดหวังแพ้ โบไฮ่ แบงก์ เทียนจิน เจ้าของแชมป์ 5 สมัยจากจีนในปี 2019 ชวดสร้างสถิติเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ 3 สมัยติด

อย่างไรก็ตามด้วยงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติทำให้ประเทศไทยสามารถเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันศึกชิงแชมป์เอเชีย 2021 ระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคมนี้ สุพรีม ชลบุรี-อีเทค ได้สิทธิ์ลงแข่งขันในฐานะแชมป์วอลเลย์บอลไทยลีก 2019-20 และยังคงเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ที่โอกาสสร้างสถิติเป็นทีมที่ 2 จากประเทศไทยที่จะคว้าแชมป์ในบ้าน

โลมาแดนใต้ที่ยิ่งใหญ่ในทะเลอ่าวไทย

ไม่น่าเชื่อว่าหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่และยืนอยู่ในระดับแถวหน้าของวงการวอลเลย์บอลบ้านเราจะเพิ่งก่อตั้งทศวรรษเดียว นายธนดิศ ประสพเนตร ผู้จัดการทีมสุพรีม ชลบุรี-อีเทค ย้อนความหลังให้เราฟังว่า “แรกเริ่มเลยสโมสรก่อตั้งปี 2009 ทำเฉพาะทีมชายใช้ชื่อว่า สุพรีม นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่มาว่าของฉายาโลมาสีชมพู เพราะโลมาเป็นสัตว์สัตว์หายากของจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่การทำทีมในช่วงแรกๆ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ก็เลยเลิกทำทีมชายแล้วเปลี่ยนไปทำทีมหญิงแทนปี 2010”

“แต่ด้วยความที่ออฟฟิศเราอยู่ที่กรุงเทพ แต่สนามแข่งของเราอยู่ที่นครศรีธรรมราช เมื่อเกมการแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น การที่เราต้องลงใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน ทำให้ทีมไม่ได้เปรียบเลยเวลาเล่นเป็นทีมเหย้า หลังจากนั้นก็ได้ร้บการติดต่อจากดร.ประเสริฐ กลิ่นชู ผอ.วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) จะเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนและให้ย้ายทีมไปชลบุรี เมื่อก่อนเขาใช้ชื่อกลุ่มเรารักชลบุรีทำทีมวอลเลย์บอลทั้งชายและหญิง แต่ทีมหญิงผลงานไม่ค่อยดีก็เลยให้เราเอาชื่อไปใช้ทำทีมแทนตั้งแต่ปี 2013”

“เป้าหมายทำทีมตอนแรกเลยหวังแค่ได้เข้าร่วมลีกอาชีพ เหมือนแค่ได้อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์การก่อตั้งลีกอาชีพในยุคแรกก็พอ ช่วงนั้นทีมก็ใช้เด็กจากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) อะคาเดมี่ของสโมสร ไม่เคยซื้อตัวนอกมาเล่นเลย จนกระทั่งผมได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในซีซั่น 2015-16“

“พอผมเข้ามาทำก็มีโอกาสได้คุยกับท่านประธานสโมสรว่าอยากพาทีมไปอยู่จุดไหน ซึ่งในช่วงนั้นวอลเลย์บอลลีกบ้านเราเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นจากการที่บางกอกกล๊าสเข้ามาลงทุนทำทีมแบบจริงจัง ซึ่งเหมือนเป็นแรงกระตุ้นให้ท่านประธานอยากเพิ่มทุนทำทีมเพื่อปลุกกระแสวอลเลย์บอลให้สนุกมากขึ้น เริ่มมีการหางบประมาณ ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ นำงบที่ได้ไปซื้อซูเปอร์สตาร์เข้ามามากขึ้น ดึงวิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ , ปลื้มจิตร์ ถินขาว รวมถึงตัวต่างชาติเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง”

สด+เก๋า กลยุทธ์สานต่อความสำเร็จสู่อนาคต

ก่อนจะเริ่มการแข่งขันในครั้งนี้ สุพรีมฯ ได้ตัดสินใจปล่อยตัว อัจฉราพร คงยศ ดาวตบสาวดีกรีทีมชาติไทย ออกจากทีมเพื่อไปเล่นลีกอาชีพที่ตุรกี แต่ก็ถือว่ายังมีข่าวดีเมื่อทาง วิลาวัลย์ อภิญญาพงศ์ ตบสาวจอมเก๋า ตัดสินใจลงสนามช่วยทีมอีก 1 รายการเป็นการชั่วคราว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประกาศอำลาทีมไปแล้วหลังจบฤดูกาลเพื่อเตรียมตัวมีลูก และยิ่งกว่านั้นในโค้งสุดท้าย สุพรีมฯ ยังตัดสินใจเซ็นสัญญาดึงตัว มลิกา กันทอง บีหลังมากประสาบการณ์ เข้าเสริมทัพเพิ่มอีก 1 ราย เท่ากับว่าใน วอลเลย์บอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ที่จ.นครราชสีมา พวกเราจะได้เห็นทั้ง ปลื้มจิตร(ถินขาว), วิลาวัลย์ และ มลิกา ลงสนามร่วมกันในสีเสื้อของ สุพรีม ชลบุรีฯ

ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ราดส่งผลถึงสถานะทางการงานเงินค่อนข้างหนัก จากที่เคยทุ่มเงินประมาณเกือบๆ 20 ล้านต่อปี ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำทีม ผู้จัดการทีมสุพรีม ชลบุรี-อีเทค เล่าต่อว่า ในซีซั่นนี้ตั้งแต่ศึกชิงแชมป์เอเชียทีมลดโควตาต่างชาติลงและดึงเด็กจากอะคาเดมี่เข้ามาเสริมทีมแทน

“ในส่วนของเพียว (อัจฉราพร คงยศ) เราเข้าใจได้ว่าเขาอยากไปหาความท้าทายใหม่ ในไทยแลนด์ลีกนั้นก็เล็กเกินไปสำหรับเขา แม้จะขาดเพียวแต่ผู้เล่นตัวหลัก 6 คนแรกของเราก็ยังคงแข็งแกร่ง โสรยา พรมหล้า , ปลื้มจิตร์ , มลิกา , วิลาวัณย์ หรือสุพัตรา ไพโรจน์ สามารถสู้ได้ทุกทีม แต่จุดที่ทำให้เราเสียเปรียบทีมอื่นคือตัวสำรอง ปกติเราจะมีพวกประสบการณ์หรือต่างชาติ แต่ปีนี้ใช้เด็กชุดยู 20 ส่วนใหญ่ วรัญญา ศรีละออง , กัญญารัตน์ ขุนเมือง , ณัฐธิมา กุบแก้ว เข้ามาเสริม”

“เราเล็งเห็นว่าช่วงเวลานี้แหละเป็นจังหวะที่ดีที่จะได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพราะรุ่นพี่ตัวหลักเองก็อยู่ในช่วงท้ายของการเล่นอาชีพแล้ว ถ้าเราไม่ให้โอกาสเด็กเก็บประสบการณ์ตอนนี้ เขาก็จะก้าวขึ้นมาทดแทนไม่ทัน แน่นอนว่าเราเองก็ยังอยากได้สมัยที่ 3 แต่ขณะเดียวกันการพัฒนาเยาวชนก็เป็นรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิงแชมป์เอเชียปีนี้แข่งในบ้านเราด้วย ก็เลยต้องปรับเปลี่ยนวิธีการไปตามสถานการณ์ ตัวจริงเราลุ้นแชมป์ได้ สำรองให้เด็กเรียนรู้จากรุ่นพี่”

โปรแกรมการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย 2021 ของทีมสุพรีม ชลบุรี-อีเทค

วันที่ 1 ตุลาคม เวลา 15.30 น. สุพรีม ชลบุรี-อีเทค (ไทย) พบ ไซปา (อิหร่าน)

วันที่ 2 ตุลาคม เวลา 15.30 น. สุพรีม ชลบุรี-อีเทค (ไทย) พบ เรบิสโก (ฟิลิปปินส์)

วันที่ 3 ตุลาคม เวลา 15.30 น. อัลทาย วีซี (คาซัคสถาน) พบ สุพรีม ชลบุรี-อีเทค (ไทย)