stadium

พาราลิมปิก 2020 กับแสงสว่างของนักสู้โลกมืดทีมชาติไทย

31 สิงหาคม 2564

พาราลิมปิก 2020 กับแสงสว่างของนักสู้โลกมืดทีมชาติไทย

#Pralympic on pitch by akinson149

      

ฟุตบอลโอลิมปิกสำหรับทีมชาติไทยพูดออกมาเมื่อไหร่ก็คงกลายเป็นเรื่องที่ชวนเรียกเสียงหัวเราะเท่านั้น เพราะอย่างว่าครั้งล่าสุดที่เราสามารถเขยิบก้นเข้าไปวาดลวดลายกับเหล่านานาชาติได้มันต้องย้อนกลับไปตั้ง 50 กว่าปีนู่น (หนล่าสุดที่เคยเกิดขึ้นคือที่เม็กซิโกเมื่อปี 1968)

                

คำถามคือ “แล้วถ้าเป็นพาราลิมปิกล่ะ?” (โอลิมปิกสำหรับทีมฟุตบอลของคนตาบอด)

                

“นั่นซิ!” ก็น่าคิดอยู่เหมือนกันนะ เพราะสเกลการแข่งขันมันถูกหุบแคบลงมาหน่อยและฟังๆดูเหมือนจะง่ายขึ้นเยอะ เพราะอย่างว่าหลายชาติในแถบนี้ก็มีให้เห็นเยอะแยะที่พวกเขาไม่ได้ส่งทีมเข้าแข่งขัน แถมหลายทีมก็ไม่ได้มีงบประมาณในการทำทีมแบบเป็นก้อนๆต่อเนื่องยาวๆให้เตรียมทีมได้แบบพร้อมๆ

                

แต่ถึงกระนั้นสำหรับทีมฟุตบอลคนตาบอดบ้านเราการจะเข้าร่วมมหกรรมแห่งมวลมนุษยชาติที่ถือเป็นความฝันก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวอยู่ดี เพราะจากสถิติเก่าๆมันบอกเราว่า “ยังไม่เคยทำได้เลยซักกะครั้ง” 

                

อาจเป็นเพราะเส้นทางนั้นมันมหาหินยากเย็นยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา สืบเนื่องจากจำนวนโควต้าที่ทวีปเราได้รับและสืบเนื่องจากรายนามคู่แข่งที่ถือเป็นอุปสรรคคอยกีดขวางเส้นทาง

                

เนื่องจากกีฬาประเภทนี้มีโควต้าในรอบสุดท้ายเพียงแค่แปดทีม (ขยายเพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยมีอยู่หกทีม) และฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนดให้โซนเอเชียได้ตั๋วเพียงแค่สองใบพ่วงโอกาสเก็บตกอีกหนึ่งใบในกรณีที่หากทีมไหนเกิดพลาดช่วงชิงแชมป์ทวีปแต่ดันเป็นแชมป์โลกได้สำเร็จ (ซึ่งความเป็นไปได้สำหรับตั๋วใบนี้ดูยังไงก็น้อยกว่ารายการแรกชนิดแทบไม่ต้องไปหวัง) มันก็เลยฟังดูยากสำหรับทีมชาติไทย

                

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องคู่แข่งที่ผมบอก โควต้าสองใบที่ว่าส่วนใหญ่ก็มักตกอยู่ในมือของคนหน้าเก่าที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดีอย่างอิหร่าน, จีนและเกาหลีใต้ที่ผลัดกันได้ไปแบบ “สมบัติผลัดกันชม” เสมอๆ

                

เพียงแต่เหมือนครั้งนี้เทพีแห่งโชคชะตาจะเข้าข้างเราและให้โอกาสเราได้ลองดูบ้าง เพราะอิหร่านที่ได้สิทธิ์ไปโตเกียวครั้งนี้ดันขอถอนตัวและเป็นเราที่ได้สิทธิ์ไปเล่นแทน ซึ่งหากไม่นับเจ้าภาพญี่ปุ่นก็จะมีแค่เรากับจีนเท่านั้นที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันในฐานะตัวแทนทวีป

                

เพียงแต่ในความโชคดีก็ดันมีความโชคร้ายอยู่เช่นกัน เพราะจากผลการจับติ้วที่เกิดขึ้นทีมชาติไทยต้องเจอแต่ของแข็งทั้งสเปน ต้นตำรับฟุตบอลคนตาบอด, อาร์เจนตินา เจ้าของเหรียญทองแดงครั้งก่อน และโมร็อกโก แชมป์แอฟริกาอยู่ร่วมสาย ซึ่งเมื่อผลจับติ้วออกมาแบบนี้ผู้สันทัดกรณีมากมายก็ยกให้ไทยเป็นว่าที่บ๊วยกลุ่มทันที

                

ยอมรับแบบไม่อายว่าตัวผมเองแม้จะติดตามบอลไทยมายาวนานเกือบยี่สิบปี แต่กับฟุตบอลคนตาบอดก็ยังถือเป็นเรื่องที่ใหม่อยู่เหมือนกัน เพราะอย่างว่าไม่ค่อยเห็นการโปรโมตเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทัวร์นาเมนต์ระดับชาติอย่างเป็นทางการที่เราส่งเข้าแข่งขันมันก็มีให้เห็นไม่กี่ทัวร์นาเมนต์เท่านั้น

                

แต่ก็ต้องไม่ลืมนะว่าในโลกของฟุตบอล มันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้! และแม้เราจะไปในฐานะ “น้องใหม่” ซึ่งก็อาจถูกใครหลายคนตราหน้าว่าเป็น “หมูสนาม” มันก็ไม่ได้มีผลอะไร

 

ซึ่งผลงานจากรอบแบ่งกลุ่ม ไทยเราแพ้ไปทั้ง 3 นัด แต่การแพ้ในที่นี้มันยังบอกอะไรกับเราได้หลายอย่างสำหรับวงการฟุตบอลคนตาบอด

 

เราแพ้แบบสู้ได้...เราทำให้เห็นว่าฟุตบอลคนตาบอดของไทยกำลังยกระดับขึ้นมา และบรรดายักษ์ใหญ่จะมองข้ามเราไม่ได้อีกต่อไป ไม่ว่าเราจะลงแข่งในรายการใดก็ตาม

 

และครั้งแรกในพาราลิมปิก เกมส์ สำหรับแข้งตาบอดทีมชาติไทย แสดงให้คนไทยทุกคนได้เห็นแล้วว่า "พวกคุณคือความภูมิใจ" และ "ควรค่าแก่ทุกเสียงเชียร์" และไม่ว่าจะจบที่อันดับสุดท้ายหรือรองสุดท้ายของพาราลิมปิดกครั้งนี้ เชื่อเหลือเกินว่าคนไทยทุกคนจะเฝ้าดูพวกคุณต่อไปและมากขึ้นอย่างแน่นอน

                

ในความมืดมิดจากความบกพร่องทางร่างกายไม่ได้หมายถึงชีวิตที่จะไร้ซึ่งแสงสว่าง เพราะในเวลานี้ทุกสปอร์ตไลท์จะฉายไปที่นักกีฬาทีมชาติไทยทุกคน และน้องๆก็คือแสงสว่างและความหวังของคนไทยทั้งชาติ

 

"ขอบคุณจริงๆที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะมีความบกพร่องทางร่างกาย แต่หัวจิตหัวใจคุณแกร่งและคู่ควรกับทุกกำลังใจที่คนไทยมอบให้"


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

akinson149

Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย 

La Vie en Rose