stadium

6 ชาติเต็งแชมป์ฟุตซอลโลก 2021

26 สิงหาคม 2564

6 ชาติเต็งแชมป์ฟุตซอลโลก 2021

#ChangsuekFutsalCorner

 

เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 20 วัน การแข่งขัน “ฟีฟ่า ฟุตซอล เวิลด์คัพ 2021” หรือ ฟุตซอลชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 9 ก็จะเริ่มเปิดฉากฟาดแข้งแข่งขันกัน ที่ประเทศลิทัวเนีย เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 12 ก.ย.2564 - 3 ต.ค.2564  

 

โดย “โต๊ะเล็กช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ฟุตซอลโลก 6 สมัยติด จับสลากอยู่ในกลุ่มซี ร่วมกับ "แชมป์ทวีปยุโรป" โปรตุเกส, "แชมป์ทวีปแอฟริกา" โมร็อกโก และ "แชมป์โอเชียเนีย " หมู่เกาะโซโลมอน

 

ซึ่งจากการแข่งขัน “ฟุตซอลชิงแชมป์โลก” 8 ครั้งที่ผ่านมา มีเพียง 3 ชาติ จาก 2 ทวีป ที่เคยชูถ้วยแชมป์เวิลด์คัพ ประกอบไปด้วย บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย  ปี 1989, 1992, 1996, 2008, 2012, สเปน สองสมัย ปี 2000, 2004 และ อาร์เจนตินา แชมป์โลกทีมล่าสุด ปี 2016  

 

ส่วนเต็งหนึ่งสำหรับรายการนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นทีม "โต๊ะเล็กแซมบ้า" บราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัย ที่ขนดาวดังระดับโลกไว้เต็มทีม ซึ่งวันนี้ พวกเราขออาสาพาแฟนฟุตซอลไทย ไปทำความรู้จักกับ 6 ทีมเต็งแชมป์ ฟุตซอลชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 9 จะมีชาติใดบ้างมาดูกัน

 

บราซิล

 

เริ่มกันที่เต็งหนึ่งอย่าง "โต๊ะเล็กแซมบ้า" ทีมชาติบราซิล อดีตแชมป์โลก 5 สมัย ภายใต้การคุมทีมของ ซาเวียร์ มากวินญอส ที่รอบนี้ขนนักเตะดาวดังระดับแนวของโลก มาชุดใหญ่ หลังเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ยอดทีมแกร่งจากอเมริกาใต้ พลิกล็อคตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แพ้ อิหร่าน ในการดวลจุดโทษ 2-3(เสมอ 4-4)

 

นักเตะแกนหลักชุดนี้นำทัพโดยแนวรุกอย่าง ดิเอควินโญ่, แฟร์เรา นักเตะยอดเยี่ยมโลก 2 สมัย กับ ปิโต้ สองหน้าเป้าจากบาร์ซ่า ริมเส้นสุดจี๊ดจ๊าดมีทั้ง อาเธอร์, เลโอซินโญ่, ดิเยโก้, เลอันโดร ลิโน่, บรูโน่ ดิอาส, การ์เดีย ส่วนแนวรับนำโดยพี่ใหญ่กัปตันทีม โรดริโก้, มาร์ลอน, เจฟเฟอร์สัน โลเปส และผู้รักษาประตูมือดีของโลก ทั้ง กูอิต้า, ดิโจนี่, วิลเลี่ยม

 

จากขุมกำลังที่อัดแน่นไปด้วยผู้เล่นคุณภาพมากมาย ที่สามารถทดแทนกันได้ทุกตำแหน่ง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ "โต๊ะเล็กแซมบ้า" ทีมชาติบราซิล จะถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งของ การแข่งขัน “ฟีฟ่า ฟุตซอล เวิลด์คัพ 2021” ในครั้งนี้  

 

สเปน  

 

มาต่อกันที่เต็งสอง "โต๊ะเล็กกระทิงดุ" ทีมชาติสเปน ทีมอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่หลังพลาดแชมป์ยูโร 2018 โดยตั้ง ฟาเด วิดัล เข้ามาคุมทีม พร้อมดันนักเตะสายเลือดใหม่ ขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ที่โรยราไป

 

ซึ่งนักชุดนี้ที่เรียกมาเก็บตัวฝึกซ้อม 18 คน มาจาก 9 สโมสร นำทัพโดย คาลอส ออร์ติช กัปตันทีมจอมเก๋า ฆวน โฆเซ่, เฆซุส เออร์เรโร่,  ดิดัค สามนายด่านจอมหนึบเบอร์ต้นๆของโลก ส่วนเกมรุกนำโดย ราอูล โกเมส กับ ฟรานซิสโก้ โซลาโน่ หน้าเป้าร่างยักษ์ โดยมี เมลลาโด้, ชิโน่, อาดรี้, อาดอลโฟ่ ทำเกมทางริมเส้น

 

แม้ "สเปน" ชุดนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังหนุ่มเป็นหลัก และก็มีรุ่นเก๋ามาประคองในเกมรับ อาจไม่มีสตาร์ดังเป็นตัวแบกทีม แต่ด้วยบอลระบบที่ยอดเยี่ยม หากมั่นใจ และอยู่ในช่วงฟอร์มที่ดี "กระทิงดุ" ก็สามารถล้มได้ทุกทีมเช่นกัน

 

อาร์เจนตินา

 

ขยับมาที่ "ฟ้า-ขาว" ทีมชาติอาร์เจนติน่า เจ้าของแชมป์โลก ทีมล่าสุดเมื่อปี 2016 หลังคว้าแชมป์เวิลด์คัพ ก็มีการเปลี่ยนแปลงตัวโค้ชมาเป็น มาทิอัส ลูคูอิก อดีตผู้เล่นทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่หันมาจับงานโค้ช พร้อมยึดนักเตะแกนหลักจากแชมป์หนที่แล้ว อยู่ในทีมถึง 9 ราย

 

โดยแนวรับ ยังคงมี นิโคลัส ซาร์เมียนโต นายด่านจาก เรอัล เบติส ยืนเป็นปราการด่านสุดท้าย ส่วนแกนหลักคนอื่นๆ ยังอยู่กันพร้อมหน้าทั้ง ซานติอาโก บาซิเล่, คริสเตียน โบลูโต้, อลัน บันดี้, เลอันโด คุซเซลิโน่, ดาเมี่ยน สแตทโซน, .เบาโล ทาบอด้า, คอนสแตนติโน่ วาโพรากี้ บวกกับแข้งฟอร์มดีที่เรียกเข้ามาอย่าง อันเกล อคูดิโน่, ลูเซียโน่ กัวร์น่า, อันเดียส ซานโตส

 

แม้ อาร์เจนติน่า จะไม่ได้เป็นทีมที่มีเกมรุกโดดเด่นอะไร แต่จากรายชื่อนักเตะที่ประกาศออกมา นักเตะชุดนี้เกาะกลุ่มเล่นด้วยกันมาตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เข้าขารู้ใจกันเป็นอย่างดี บวกกับเกมรับที่เหนียวแน่น และจังหวะสวนกลับที่เฉียบคม ไม่แน่หากรักษาฟอร์มเก่งไว้ได้ก็มีโอกาสเถลิงแชมป์โลก สมัยที่ 2 ได้เช่นกัน  

 

รัสเซีย 

 

"โต๊ะเล็กหมีขาว" ทีมชาติรัสเซีย รองแชมป์เก่าจากปี 2016 ที่ช่วงหลายปีที่ผ่านเริ่มหันมาผลักดันนักเตะรัสเซีย แท้ๆ ขึ้นมาเป็นแกนหลักมากขึ้น โดยมี เซอร์เกย์ สโคโรวิช เฮดโค้ชคู่บุญที่ทำทีมมาตั้งแต่ปี 2009 คุมทีมเหมือนเช่นเคย  

 

ส่วนตัวผู้เล่นใช้ 3 ดาวเตะบราซิลโอนสัญชาติอย่าง เอแดร์ ลิม่า ดาวยิงร่างยักษ์, โรบินโญ่, โรมูโล่ สองแข้งมากประสบการณ์จาก เบนฟิก้า เป็นตัวยืน ผสมกับนักเตะรัสเซีย ที่ฟอร์มโดดเด่นขึ้นมาทั้ง นิโคไล บาลาซอฟ, อีวาน มิโลวานอฟ, อีาน คริสชาร่า, เซอร์เกย์ อับรัมโมวิช ทำให้ทีมลงตัวอยู่ไม่น้อย  

 

"โต๊ะเล็กหมีขาว" ทีมชาติรัสเซีย ไม่ใช่ทีมที่เล่นสวยงาน แต่มักสร้างความปั่นป่วนให้คู่แข่งได้เสมอ ด้วยมาตรฐานการเล่นที่สูง บวกกับบอลระบบ และสไตล์การที่แข็งแรง เวิลด์คัพ ครั้งนี้อาจถึงเวลาของ รัสเซีย แล้วที่จะได้ชูถ้วยแชมป์ฟุตซอลโลก สักที

 

โปรตุเกส

 

มาดูกันที่คู่แข่งร่วมกลุ่มของ ไทย อย่าง ทีมชาติโปรตุเกส เจ้าของแชมป์ยุโรปทีมล่าสุด ภายใต้การคุมทีมของ ฮอร์เก้ บราซ โค้ชยอดเยี่ยมโลก 3 สมัยติด ที่ฟอร์มทีมถือว่าร้อนแรงต่อเนื่อง ทั้งในระดับทีมชาติ และสโมสร  

 

ตัวผู้เล่นเล่นถือว่าอัดแน่นไปด้วยผู้เล่นคุณภาพคับแก้วได้ "พ่อมดฟุตซอล" ริคาร์ดินโญ่ เจ้าของรางวัลนักฟุตซอลยอกเยี่ยมโลก 6 สมัย หายเจ็บกลับมาสวมปลอกแขนกัปตันทีม นำรุ่นน้องลงไล่ล่าแชมป์โลกสมัยแรก ผสมกับนักเตะตัวเก่งทั้ง ซิกกี้ เต หน้าเป้าดาวรุ่ง บรูโน่ โคเอลโญ่, เอริค เมนดอนก้า, เจา มาทอส, ปานี่, ติอาโก้ บริโต้ และ เปาเลต้า

 

เมื่อ 5 ปีที่แล้ว โปรตุเกส ทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจบอันดับที่ 4 แต่จากส่วนผสมที่ลงตัวทั้งนักเตะตัวเก๋า กับคลื่นลูกใหม่ ทำให้โต๊ะเล็กฝอยทอง มีความหลากหลายทั้งเกมรับ และรุก พร้อมที่จะเป็นผู้ท้าชิงแชมป์เวิลด์คัพ อย่างเต็มตัวในครั้งนี้

 

อิหร่าน

 

ปิดท้ายกันที่ "โต๊ะเล็กเปอร์เซีย" ทีมชาติอิหร่าน ยอดทีมแกร่งจากทวีปเอเชีย เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนคว้าอันดับที่ 3 มาครอง ในครั้งนี้พวกเขายังใช้กุนซือ โมฮัมหมัด นาซีโมซาเรีย เฮดโค้ชคนเก่งคุมทีมเหมือนเช่นเคย  

 

ส่วนตัวนักเตะชุดนี้ส่วนใหญ่เป็นแกนหลักจากเวิลด์คัพหนที่แล้วทั้ง อาลีเรซา ซามิมี่, ฟาร์ฮัด ทาวาโคลี่, โมฮัมเหม็ด ชาจารี่, อาลี ฮัสซันซาเดห์, มาห์ดี้ จาวิด, ฮอสเซน ทาเยบี้, โมฮาเหม็ด เอสมาอิลปัวร์ ผสมผสานกับนักเตะที่ทำผลงานได้ดีในลีกอย่าง ซีน่า เปอร์คาส, ฟาร์ฮัด ฟาคิมซาเดห์, ซาลาร์ อากาปัวร์, ทาฮา เนมาเทียน,  มุสลิม โอลัดโกห์บัด  

 

ทีมชาติอิหร่าน ถูกยกให้เป็นตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ฟุตซอลโลก ด้วยศักยภาพนักเตะที่ไม่เป็นรองใคร พร้อมเอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ของโลก ได้ทุกทีม หากขุนพล "โต๊ะเล็กเปอร์เซีย" ฟอร์มเข้าฝักก็มีโอกาสเป็นทีมแรกจากทวีปเอเชีย ที่สามารถกระชากแชมป์ฟุตซอลโลก มาครองได้สำเร็จ  

 

ผลจับสลาก “ฟีฟ่า ฟุตซอล เวิลด์คัพ 2021” รอบแบ่งกลุ่ม  

 

กลุ่มเอ : ลิทัวเนีย (เจ้าภาพ),  เวเนซุเอลา, คาซัคสถาน, คอสตาริกา

กลุ่มบี : อุซเบกิสถาน, กัวเตมาลา, รัสเซีย, อียิปต์

กลุ่มซี : ไทย, โปรตุเกส, โมร็อกโก, หมู่เกาะโซโลมอน

กลุ่มดี : ปานามา, สาธารณรัฐเช็ก, เวียดนาม, บราซิล

กลุ่มอี :  แองโกลา, ญี่ปุ่น, ปารากวัย , สเปน  

กลุ่มเอฟ :  อาร์เจนตินา,  สหรัฐอเมริกา,  เซอร์เบีย, อิหร่าน

 

โดยรูปแบบการแข่งขัน ในรอบแรก จะแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มๆ ละ 4 ทีม ซึ่ง "เจ้าภาพ" ลิทัวเนีย ถูกวางไว้ให้อยู่ในกลุ่ม A ส่วนสนามใช้ 3 สังเวียนแข้งจาก 3 เมืองคือ วิลนีอุส , เคานาส และ ไคลเพดา ซึ่งจะใช้เมืองเคานาส เป็นสนามหลักในการจัดพิธีเปิด รวมถึงใช้ในเกมรอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 3 ต.ค.2564


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

Futsal Addict

Changsuek Content Creator

โฆษณา