17 สิงหาคม 2564
ในสมัยยังเด็กอายุประมาณ 11 ปี อิรฟาน ดอเลาะ หรือ “ปัง” มีโอกาสลงไปเดาะบอลโชว์ต่อหน้าบรรดาแฟนบอล ทีมนรา ยูไนเต็ด ระหว่างพักครึ่งเกมการแข่งขัน เขายังจำความรู้สึกวันนั้นได้ดีว่าตื่นเต้นแค่ไหน เดาะบอลไม่กี่ทีก็ตกพื้น แล้วหยิบขึ้นมาเดาะใหม่ ใครจะรู้ว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการผจญภัยในสนามแข่งฟุตบอล ก่อนที่เด็กชายจากจังหวัดนราธวาสจะเดินทางไกลจากบ้านเกิด เพื่อไปเรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังในถิ่นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี ที่ซึ่งเขาได้พัฒนาตัวเอง กระทั่งไต่เต้าขึ้นมามีรายชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่ของ “ปราสาทสายฟ้า” และ ก้าวไปติดทีมชาติไทยชุดเยาวชน ตั้งแต่รุ่น U-19 จนถึง U-23 จนกลายเป็นนักเตะกองกลางดาวรุ่งฝีเท้าดีที่น่าจับตามองอีกคนหนึ่งของวงการฟุตบอลไทย
ชื่อและนามสกุลของ อิรฟาน ดอเลาะ อาจบ่งบอกที่มาของเขาได้ดี บ้านเกิดของเขาอยู่ที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส และไม่แปลกที่เจ้าตัวจะบอกว่า “ผมเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่จำความได้” ก็เพราะเขาเป็นลูกชายของ มะยูนัยนัน ดอเลาะ นักเตะกองหน้าชื่อดังของจังหวัด อดีตกัปตันทีมนรา ยูไนเต็ด
ในวัยเด็กตอนเรียนชั้นประถมต้น อิรฟานเคยตามไปดูพ่อลงแข่งฟุตบอลลีกมาเลเซีย นัดไหนพ่อยิงประตูได้เขาดีใจมาก ถึงขนาดวิ่งจากเต็นท์ที่นั่งดูออกไปเฮถึงขอบสนาม
“พ่อสอนบอลให้ผมตั้งแต่เด็ก ทั้งเรื่องเบสิก การจับบอลแรก การเลี้ยงบอล และเรื่องระเบียบวินัย”
อิรฟานเล่าว่า พ่อไม่ได้บอกให้เขาต้องเป็นนักฟุตบอล แต่สนับสนุนเขาเล่นฟุตบอลอย่างเต็มที่ ในเมื่อมันเป็นกีฬาที่เด็กชายชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ เมื่ออยู่โรงเรียนเขาเล่นฟุตซอล พอกลับถึงหมู่บ้านยังมาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ต่อในตอนเย็น
“คนในหมู่บ้านผมชอบเล่นฟุตบอลกันมาก ตกเย็นเขาจะมารวมตัวกันที่สนามฟุตบอล ผู้ใหญ่เล่นกันสนามหนึ่ง เด็กๆ เราเล่นกันอีกสนาม ผมเล่นบอลได้ตลอดเวลา ไม่เบื่อเลยครับ”
ด้วยฝีเท้าเข้าขั้นติดทีมโรงเรียน อิรฟานได้เข้าแข่งขันฟุตซอลและฟุตบอลเยาวชนหลายรายการ ทั้งในระดับจังหวัดถึงระดับภูมิภาค ซึ่งส่งให้เขาได้พบจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต
ในการแข่งขันฟุตบอลไพรม์มินิสเตอร์ รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทีมโรงเรียนของอิรฟานลงสนามพบกับทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี ผลเสมอในเวลา 0-0 ประตู ก่อนแพ้การดวลจุดโทษ แต่ฝีเท้าของอิรฟานก็เข้าตาทีมงานสตาฟโค้ชของบุรีรัมย์ จนติดต่อให้เขาไปทดสอบฝีเท้า
“หลังจบการแข่งขัน ทีมงานเขาโทรมาหา บอกให้ไปทดสอบฝีเท้าที่บุรีรัมย์ ตอนนั้นผมตื่นเต้นมากครับ” อิรฟานเล่าความรู้สึก “ตอนทดสอบฝีเท้าคิดว่ายากครับ มีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้น พอเสร็จแล้วเขาบอกผลเลย พอรู้ว่าเราได้ ผมดีใจมาก พ่อก็ดีใจ”
การได้ไปเป็นนักเตะเยาวชนของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี ต้องถือเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ในชีวิตนักฟุตบอลของ อิรฟาน ดอเลาะ
“ผมย้ายมาอยู่ในแคมป์ของบุรีรัมย์ ไม่ต้องปรับตัวมากครับ เพราะเป็นคนชอบออกจากบ้านอยู่แล้ว เหมือนสมัยก่อนตอนอยู่บ้าน ได้ออกไปเล่นบอลต่างจังหวัดบ่อย เขาให้ไปนอนตามโรงเรียนต่างๆ เลยไม่ค่อยคิดถึงบ้านมากเท่าไหร่” เขาเล่าอย่างอารมณ์ดี
กิจวัตรประจำวันของเขาในช่วงนั้นคือ ตื่นหกโมงเช้า อาบน้ำ กินข้าว ไปโรงเรียน กลับมาซ้อมฟุตบอล วนเวียนไปอย่างนี้
“กฎระเบียบของที่นี่คือ ทุกคนต้องเข้านอนสี่ทุ่ม และถูกเก็บโทรศัพท์มือถือ การเรียนของผมปานกลางครับ แต่ชอบที่ได้ซ้อมบอล และมีรายการออกไปแข่งบอลบ่อยๆ อาจเหนื่อยบ้างในช่วงที่ต้องเรียนหนัก”
“เมื่อผมมาอยู่บุรีรัมย์ ได้เรียนรู้ฟุตบอลที่เข้มข้นขึ้น ที่นี่สอนทุกอย่างครับ ทั้งเรื่องทักษะ การเล่นเป็นทีม การมีวินัย แล้วก็เรื่องทัศนคติที่บอกให้เราต้องมีใจสู้ อย่าท้อง่ายๆ”
จากวัยเด็กที่มักเล่นเป็นตัวรุก ทั้งปีกซ้ายและกองหน้าตัวต่ำ หลังจากย้ายมาที่บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี อิรฟานถูกวางตำแหน่งเป็นกองกลางตัวรับ ด้วยความพยายามที่จะพัฒนาตัวเอง มุ่งมั่นในการฝึกซ้อม เริ่มตอบแทนเขาด้วยผลงานที่ดีในสนามแข่งขันรายการต่างๆ
แล้ววันที่เด็กหนุ่มรอคอยมากที่สุดก็มาถึง 7 กรกฎาคม 2018 อิรฟานในวัย 17 ปี ก็ได้ประเดิมสนามไทยลีกนัดแรกให้กับทีมชุดใหญ่ของ “ปราสาทสายฟ้า” โดยลงเป็นตัวสำรองในช่วง 10 นาทีสุดท้าย และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเป็นฝ่ายชนะทีมราชนาวี 4-0 ประตู
แม้ว่าช่วงปีแรกดาวรุ่งอย่างเขาแทบไม่ถูกส่งลงสนามในเกมไทยลีก ทว่าในปีต่อมา เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2019 อิรฟานได้รับโอกาสครั้งสำคัญ เมื่อทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกไปเป็นทีมเยือนในเกม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม พบกับทีมชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส แห่งเกาหลีใต้ แล้วเขาถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริง ก่อนจบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ประตู
“นัดนั้นผมเตรียมตัวอย่างดีเลยครับ เข้านอนเร็ว กินน้ำเยอะๆ เพราะที่เกาหลีอากาศหนาว ตอนลงสนาม คู่แข่งแข็งแรงมากครับ แย่งบอลจากเท้าเขาแทบไม่ได้ ผมได้ลงเล่นประมาณ 60 นาที ทีมเรามีจังหวะโต้และเกือบทำประตูได้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยครับ”
ถัดมาในปี 2020 อิรฟานถูกส่งไปเล่นให้กับทีมอุทัยธานี เอฟซี ในไทยลีก 2 ด้วยสัญญายืมตัว มันทำให้เขาได้รับประสบการณ์อีกแบบหนึ่ง
“ผมไปที่อุทัยฯ ในช่วงเลกสอง เราได้เรียนรู้เรื่องการใช้ชีวิต เพราะต้องดูแลตัวเอง ส่วนเรื่องฟุตบอลต่างกันตรงที่ไม่ค่อยมีการเพรสซิ่งเท่าในไทยลีก ผมได้ลงสนาม 12 แมตช์จากทั้งหมด 15 แมตช์ ซึ่งช่วยเรื่องความมั่นใจ เพราะไม่มีเกมมานาน เราต้องการลงสนาม เพื่อจะได้พัฒนาตัวเอง”
สำหรับฟุตบอลไทยลีกฤดูกาลใหม่ 2021/22 ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น อิรฟานกลับสู่ต้นสังกัด และอยู่ในรายชื่อทีมชุดใหญ่ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขาตั้งความหวังเอาไว้ว่าอยากมีโอกาสลงสนามมากขึ้น และช่วยทีมทำผลงานให้ดีที่สุด
“ผมอยากลงสนามเพื่อเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ แล้วก็อยากประสบความสำเร็จกับที่นี่”
อย่างไรก็ตามอิรฟานยอมรับว่า ด้วยขุมกำลังแข็งแกร่งของทีมบุรีรัมย์ การเบียดแทรกตำแหน่งตัวจริงไม่ใช่เรื่องง่าย มันคือความท้าทายมากที่สุดของเขา
“ช่วงฤดูกาลก่อนหน้านั้น ตอนที่นั่งเป็นตัวสำรองติดต่อกันนานๆ ก็มีท้อเหมือนกันว่าทำไมเราไม่ได้ลง แต่ก็เข้าใจได้ว่าความสามารถเราอาจยังไม่ถึง นักเตะรุ่นพี่เก่งๆ ทั้งนั้น เราก็ต้องรอโอกาสต่อไป สิ่งที่จะทำได้ก็คือก้มหน้าทำงานหนัก ตั้งใจฝึกซ้อม เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย ตอนนี้ผมเพิ่งอายุยี่สิบ ยังมีโอกาสพัฒนาได้อีก จนสามารถขึ้นเป็นตัวจริงของทีมได้ครับ”
“สิ่งสำคัญที่ผมได้เรียนรู้จากบุรีรัมย์ฯ อะคาเดมี ก็คือเรื่องทัศนคติครับ เราต้องมีความอดทน อย่างวันไหนที่เราเล่นไม่ดี หรือซ้อมไม่ดี แล้วรู้สึกผิดหวัง ก็ต้องให้กำลังใจตัวเอง เอาหน่อย สู้หน่อย ผมคิดว่าถ้าเรามีทัศนคติที่ดี ไปอยู่ที่ไหนก็สามารถปรับตัวได้”
อย่างที่อิรฟานพูดไว้ วันนี้เขายังอายุน้อย และมีความมุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จในการเล่นฟุตบอล ทั้งในระดับสโมสรไทยลีก และในนามทีมชาติไทย
เมื่อเดือนตุลาคม 2018 อิรฟานมีโอกาสทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก ในชุด U-19 ไปแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ที่ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากนั้นเขายังมีชื่อติดทีมชาติไทยชุด U-23 ในรายการฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2020
“ผมดีใจมากทุกครั้งที่ติดทีมชาติ” อิรฟานเผยความรู้สึก พร้อมทั้งย้ำถึงความหวังในอนาคต “การติดทีมชาติชุดใหญ่คือความฝันสูงสุดของผม”
ระหว่างเส้นทางไปสู่จุดหมายยังคงมีเรื่องราวให้เขาพิสูจน์ตัวเอง อย่างที่แฟนบอลไทยคงรู้แล้วว่า ในช่วงปลายปีนี้ ทีมชาติไทยชุด U-23 มีกำหนดไปสู้ศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก 2022 ที่ประเทศมองโกเลีย ระหว่างวันที่ 23-31 ตุลาคม 2564 และหากไม่มีอะไรผิดพลาด เราคงจะได้เห็น อิรฟาน ดอเลาะ เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งทีมชาติไทยที่จะได้ลงไปโลดแล่นสร้างผลงานในการแข่งขันครั้งนี้
TAG ที่เกี่ยวข้อง