stadium

5 นัดแรกวัดใจ "สามทีมน้องใหม่" กับครั้งแรกบนลีกสูงสุด

9 สิงหาคม 2564

5 นัดแรกวัดใจ "สามทีมน้องใหม่" กับครั้งแรกบนลีกสูงสุด

#แบกเป้ดูบอลไทย By #เก้นนิติพงษ์

 

ใกล้เข้ามาแล้วกับการแข่งขันที่แฟนฟุตบอลชาวไทยทั้งประเทศรอคอยอย่างศึก ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021/22 ที่ล่าสุดทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้คลอดโปรแกรมการแข่งขันออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าหนึ่งสิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นโปรแกรมลงเตะของสามทีมน้องใหม่จากศึก M-150 แชมเปี้ยนชิพ ทั้ง หนองบัว พิชญ เอฟซี (แชมป์ T2), เชียงใหม่ ยูไนเต็ด (รองแชมป์ T2) และขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่คว้าตั๋วใบสุดท้ายจากรอบเพลย์ออฟ

วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันว่าเส้นทางขวบปีแรกบนลีกสูงสุดในช่วงห้านัดแรกของทั้งสามสโมสรนั้นเป็นอย่างไร ท่ามกลางคู่ต่อกรที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ และความแข็งแกร่งตามคำนิยามสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “นรกไทยลีก” ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามกันครับ

 

หนองบัว พิชญ เอฟซี

  • นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (เยือน)
  • สมุทรปราการ ซิตี้ (เหย้า)
  • ชลบุรี เอฟซี (เยือน)
  • บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (เหย้า)
  • โปลิศ เทโร เอฟซี (เหย้า)

ทัพ “พญาไก่ชน” เป็นทีมน้องใหม่ทีมเดียวที่ได้ลงเล่นในบ้านถึงสามจากห้าแมตช์แรก แน่นอนว่านี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่พวกเขาจะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าการคว้ารางวัล “สโมสรพัฒนาการยอดเยี่ยม” ทีมล่าสุดจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นั้นไม่ได้มาเพราะความบังเอิญแต่อย่างใด หากแต่มาจากความทุ่มเท และความตั้งใจที่จะทำให้ยอดทีมจากอีสานตอนบนทีมนี้ก้าวสู่คำว่า “ทีมฟุตบอลอาชีพ” อย่างแท้จริง

 

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นทีมน้องใหม่ และมีการเปลี่ยนแปลงในทีมหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะเฮดโค้ชที่ตัดสินใจใช้บริการ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล พร้อมกับการเสริมทัพร่วม 16 คน (รวมการดันนักเตะจากอคาเดมี่ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่) นำโดยก๊วนแข้งต่างชาติอิมพอร์ตยกเซ็ตทั้ง แฮมิลตัน โซอาเรส, ลิดอร์ โคเฮน, แอร์ตอน ติราบาสซี, มาฮาน ราห์มานี บวกกับแข้งไทยประสบการณ์สูงทั้ง สถาพร แดงศรี, อภิวัฒน์ เพ็งประโคน, อธิบดี เอติรัตน์ และ ทัศนพงษ์ หมวดดารักษ์ เชื่อได้เลยว่า ณ ขณะนี้พวกเขาอาจจะมองไปไกลมากกว่าการหนีตกชั้นก็เป็นได้

 

สามเกมแรกของทัพ “พญาไก่ชน” นั้นถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อดูจากคุณภาพนักเตะของทีมแล้วถือได้ว่าพวกเขาสามารถที่จะต่อกรกับเพื่อนร่วมแดนอีสานอย่าง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หรือแม้แต่ สมุทรปราการ ซิตี้ ที่กำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ รวมถึง ชลบุรี เอฟซี ที่อุดมไปด้วยแข้งพลังหนุ่ม เชื่อได้เลยว่าหาก หนองบัว พิชญฯ สามารถรีดเค้นทีมเวิร์ค ตลอดจนประสบการณ์ของนักเตะในทีมออกมาได้อย่างเต็มศักยภาพ พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเริ่มต้นสามเกมแรกแบบไร้พ่ายเลยก็เป็นได้ ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาลงเล่นในรัง พิชญ สเตเดี้ยม กับสองทีมแกร่งทั้ง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และโปลิส เทโร เอฟซี

 

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

  • ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (เหย้า)
  • สุพรรณบุรี เอฟซี (เยือน)
  • บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (เยือน)
  • นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี (เหย้า)
  • สมุทรปราการ ซิตี้ (เยือน)

ถือเป็นอีกหนึ่งทีมที่เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลบ้านเราได้อย่างต่อเนื่องตลอด 5 ซีซั่นหลังสุด นับตั้งแต่การเริ่มต้นจากทีมสมัครเล่น สู่การเลื่อนชั้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละซีซั่น (มีแค่ปี 2019 และ 2020 เท่านั้นที่เล่นใน T2) ก่อนจะพลิกโฉมรีแบรนด์ทีมครั้งใหญ่ด้วยนักเตะฝีเท้าดีมากมาย กระทั่งขึ้นมาตะลุยบนลีกสูงสุดในฐานะรองแชมป์ไทยลีก 2 นิดที่ได้ลุ้นแชมป์จนถึงนัดสุดท้าย

 

ในซีซั่นนี้ทัพ “ช้างเผือก” มีการปรับเปลี่ยนในตำแหน่งกุนซือจาก เดนนิส อมาโต้ มาสู่ “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ พร้อมกับนักเตะระดับไทยลีก และระดับประเทศ ไล่มาตั้งแต่ กรกช วิริยอุดมศิริ วิงแบ็กดีกรีทีมชาติไทยชุดใหญ่จาก บุรีรมัย์ ยูไนเต็ด, ทศพล ลาเทศ ปราการหลังร่างยักษ์จาก การท่าเรือ เอฟซี, ศาสนพงษ์ วัฒยุชูติกูล ที่คัมแบ็กกลับสู่ทีมเป็นคำรบสอง รวมถึง อาทิตย์ ดาวสว่าง ดาวเตะสารพัดประโยชน์ดีกรีอดีตทีมชาติไทย รวมถึง ธนา อิซอ ปีกจรวดดาวรุ่งที่รอวันเฉิดฉายในฤดูกาลนี้

 

ในขณะที่แผงต่างชาติ ทัพ “ช้างเผือก” ตัดสินใจปรับเปลี่ยนแค่สองตำแหน่งเท่านั้น โดยพวกเขาสามารถปิดดีล ยานนิค โบลี่ มาร่วมทีมได้ในที่สุด (สัญญายืมตัว) บวกกับดีลที่เรียกได้ว่ากระหึ่มทั่วเอเชียอย่าง เซร์คิโอ เอสคูเดโร่ เพลย์เมคเกอร์ญี่ปุ่นที่ผ่านร้อนผ่านหนาวในเอเชียมาอย่างโชกโชน และคว้าโทรฟี่แชมป์เจลีก 1, เคลีก รวมถึง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว ขณะที่สองคีย์แมนอย่าง เมลวิน เดอ ลูว์ และ เอฟซั่น ปาทริซิโอ้ นั้นจรดปากกาเซ็นสัญญากับทีมต่อออกไปเป็นที่เรียบร้อย

 

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด อาจจะมีแนวคิดที่แตกต่างจากทีมในกลุ่มเลื่อนชั้นอยู่พอสมควรตรงที่ พวกเขาเลือกที่จะยึดผู้เล่นแกนหลักที่พาทีมเลื่อนชั้นมาอย่าง ศิริศักดิ์ ไฝดง กัปตันทีมจอมแกร่งที่หลายๆ คนรอดูฟอร์มว่าเจ้าตัวจะพุ่งไปถึงการติดทีมชาติไทยได้หรือไม่ รวมถึง บวร ตาปลา กับ ธนวิชช์ ธนศศิร์ภัทร์ สองมิดฟิลด์จอมเก๋าที่ประสานงานกันได้อย่างกลมกล่อม เช่นเดียวกับ รณพีร์ เชยคำดี, กิตติภัทร วงศ์สมบัติ และถวิล บุตรสมบัติ หัวหอกรองกัปตันทีมที่เปี่ยมได้ด้วยความเร็ว และการจบสกอร์ที่คมกริบ

 

ความยากของทัพ “ช้างเผือก” ในช่วงแรกคือ การต้องลงต่อกรกับทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์ถึงสองทีมทั้ง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แน่นอนว่ามองดูแล้วอาจจะดูเหมือนยาก หากแต่ถ้า “โค้ชอั๋น” และทีมงานสามารถงัดจุดแข็งที่สุดของทีมอย่าง ทีมเวิร์ค และทีมสปิริต บวกกับเกมสวนกลับที่พร้อมเล่นงานคู่แข่งทุกวินาที เชื่อได้เลยว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ ปาปริก้า แต่อย่างใด

 

ขอนแก่น ยูไนเต็ด

  • ราชบุรี มิตรผล เอฟซี (เยือน)
  • พีที ประจวบ เอฟซี (เหย้า)
  • การท่าเรือ เอฟซี (เยือน)
  • ชลบุรี เอฟซี (เหย้า)
  • บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (เยือน)

ทัพ “จงอาจผยอง” ถือเป็นอีกหนึ่งทีมที่ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ ด้วยความที่เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีพลังแฟนบอลจำนวนมหาศาลคอยซัพพอร์ท บวกกับการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้เป็นหนแรก เชื่อได้เลยว่า พวกเขาคงไม่ยอมตีตั๋วขึ้นมาทัวร์ไทยลีกแค่ซีซั่นเดียวเป็นแน่

 

การตัดสินใจเลือกใช้ คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ ปาร์เรร่า ในบทบาทเฮดโค้ช คือการตอกย้ำว่า ขอนแก่น ยูไนเต็ด จะยังคงเดินหน้าใช้เกมรุกที่ดุดันคอยบดขยี้คู่แข่ง พร้อมกับแนวรุกอย่าง อิบสัน เมโล่ ที่เข้ามาทดแทนการจากไปของ เปาโล คอนราโด้ หัวหอกดาวซัลโวของทีม รวมถึงแข้งฝีเท้าดีมากมายอย่าง เอเลฟ วิเอร่า ซานโต๊ส, สันติธรณ์ ลัทธิรมย์, นรงฤทธิ์ บุญสุข, อภิศร ภูมิชาติ, ปาณเดชา เงินประเสริฐ และอรรถวิท สุขช่วย รวมถึงตำแหน่งผู้รักษาประตูที่จัดหนักทั้ง ธีรัตม์ นาคชำนาญ และยศพล เทียงดาห์

 

ขณะที่โควต้าเอเชีย และอาเซียน ทัพ “จงอางผยอง” ยังจัดหนักเติมเต็มแข้งฝีเท้าดีอย่างต่อเนื่องด้วย โจชัว กรอมเมน ที่ผ่านประสบการณ์ไทยลีกกับ สุโขทัย เอฟซี มาแล้ว รวมถึง ยาเซียร์ อิสลามี ปินโต้ ศูนย์หน้าดีกรีทีมชาติปาเลสไตน์ ที่ผ่านการลงเล่นให้กับทีมชาติชิลีชุดเยาวชนมาถึง 31 นัด (17 ประตู) เมื่อมาผนึกกำลังกับ ดักลาส โคโบ กัปตันทีมเลือดบราซิเลี่ยน และแบ็กจรวดจอมแอสซิสต์อย่าง สุวิทย์ ไปพรมราช เรียกได้ว่าพวกเขาพร้อมเต็มที่กับขวบปีแรกบนลีกสูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

 

ความยากของห้าเกมแรกสำหรับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ก็คือ พวกเขามีคิวต้องลงดวลกับทีมที่ผ่านเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 3 ทีมด้วยกัน แถมยังเป็นทีมแชมป์ และอันดับสามไทยลีกซีซั่นที่ผ่านมาอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กับการท่าเรือ เอฟซี แถมยังเป็นเกมเยือนทั้งสามนัด ดังนั้นกุนซือ “คาร์ลอส” และทีมงานเองคงต้องทุ่มเอาทุกอย่างทีมีอยู่เพื่อมีแต้มจากสามเกมดังกล่าวให้ได้

 

แต่ทั้งนี้ใช่ว่าพวกเขาจะหมดโอกาสกับการมีแต้ม เพราะในโลกของฟุตบอลนั้นไม่มีบัญญัติไตรยางค์ว่าทีมที่ดูแข็งแกร่งหรือมีประสบการณ์มากกกว่าจะเป็นผู้ชนะเสมอไป และความทุ่มเทพร้อมกับหัวใจเลือดนักสู้ในสนามเท่านั้นที่จะช่วยผลักดันทีมไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละนัด

 

แล้วเรามาดูกันครับว่าสามทีมน้องใหม่ทั้ง หนองบัว พิชญ เอฟซี (แชมป์ T2), เชียงใหม่ ยูไนเต็ด (รองแชมป์ T2) และ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่คว้าตั๋วใบสุดท้ายจากรอบเพลย์ออฟ จะเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนบอลบ้านเราได้มากน้อยแค่ไหน และใครกันที่จะสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ หรือขีดเขียนบทตำนานเทพนิยายเรื่องใหม่ขึ้นมาประดับพงศาวดารลูกหนังบ้านเรา

 

ขอเสียงเชียร์แฟนบอลสามทีมน้องใหม่หน่อยได้มั๊ยครับ...

 

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันนัดเปิดฤดูกาล (แมตช์เดย์ 1) ของศึกฟุตบอลไทยลีก 1 ในวันที่ 3-5 กันยายน 2564 มีคู่แข่งขันดังนี้

 

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ สุพรรณบุรี เอฟซี

นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบ หนองบัว พิชญ เอฟซี

การท่าเรือ เอฟซี พบ โปลิศ เทโร เอฟซี

ราชบุรี มิตรผล เอฟซี พบ ขอนแก่น ยูไนเต็ด

เชียงใหม่ ยูไนเต็ด พบ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด

พีที ประจวบ เอฟซี พบ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

ชลบุรี เอฟซี พบ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

สมุทรปราการ ซิตี้ พบ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด

 


stadium

author

“เก้น” นิติพงษ์ ยวนตระกูล

ผู้บรรยายฟุตบอล และบรรณาธิการกีฬา ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนังอย่างจริงจังโดยเฉพาะฟุตบอลไทย จนตัดสิ

La Vie en Rose