stadium

ศศลักษณ์" ความภูมิใจของวงการลูกหนังไทยบนแผ่นดินโสม

17 กรกฎาคม 2564

"ศศลักษณ์" ความภูมิใจของวงการลูกหนังไทยบนแผ่นดินโสม

#แบกเป้ดูบอลไทย By #เก้นนิติพงษ์ 

 

“ไม่มีใครลิขิตเส้นทางชีวิตของเราได้ดีไปกว่าตัวของเราเอง”

 

ผมยังเชื่อเสมอว่าความอดทน และความพยายามเท่านั้นที่จะทำให้เราก้าวไปสู่ประตูแห่งโอกาส และความสำเร็จ… คล้ายๆ กับชีวิตของ “พี” ศศลักษณ์ ไหประโคน เด็กหนุ่มเลือดประโคนชัยที่ไม่ได้เกิดบนกองเงินกองทอง ไม่ได้มีต้นทุนในชีวิตที่สูงสักเท่าไหร่ หากแต่หัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการใช้ฟุตบอลเป็นตัวนำทางชีวิต ทำให้เจ้าตัวค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้นมาในแต่ละฤดูกาล ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะแถวหน้าของประเทศ กระทั่งมีโอกาสได้เป็นนักเตะไทยคนแรกในรอบกว่า 35 ปี และคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้ไปค้าแข้งยังหนึ่งในลีกที่ดีสุดในเอเชียอย่าง “เคลีก เกาหลีใต้” กับยอดทีมแดนโสมขาวอย่าง ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส

 

มันอาจจะดูเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหลือเชื่อ เพราะสิ่งแรกที่เราต้องยอมรับก็คือ ศศลักษณ์ หาใช่เป็นนักเตะแนวรุกแบบเต็มตัวอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ หรือ ธีรศิลป์ แดงดา ที่อาจจะดูเสียเปรียบหากต้องเดินทางไปค้าแข้งยังต่างประเทศ เจ้าตัวอาจจะไม่ได้มีเทคนิคการเล่น หรือลูกตั้งเตะที่จัดจ้านแบบ ธีราทร บุญมาทัน หากแต่สิ่งที่ดาวเตะสารพัดประโยชน์รายนี้มีมาทดแทนจนไปเข้าตาสโมสรเจ้าของสถิติแชมป์เคลีก 8 สมัยเข้าอย่างจังเลยก็คือ ความดุดันชนิดไม่มีหวั่นคู่แข่งที่อยู่ตรงหน้า เห็นได้ชัดยามที่ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” และเจ้าตัวต้องลงสนามในเวทีระดับทวีปอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยความแข็งแกร่ง ความฟิต และพละกำลังอันเหลือล้นไม่มีหมดดุจม้าป่า

 

เช่นเดียวกับตำแหน่งการเล่นที่หลากหลาย และมีคุณภาพยอดเยี่ยมใกล้เคียงกันไม่ว่าเจ้าตัวจะถูกจับไปยืนอยู่ตรงแบ็กซ้าย แบ็กขวา หรือแม้กระทั่งตรงกลางของสนามก็ตาม บวกกับผลงานอันโดดเด่นกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตลอด 4 ซีซั่นที่ผ่านมา วัดความสำเร็จเป็นรูปธรรมได้จากแชมป์ไทยลีก 1 สองสมัย ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ศศลักษณ์ ไหประโคน จึงคู่ควรกับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ในเส้นทางลูกหนังที่ เกาหลีใต้ ทุกประการ

 

ผมเองมีโอกาสได้พบเจอ และพูดคุยกับน้องพีอยู่ในช่วงศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ 2019 ที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถ้าใครยังจำกันได้จะรู้ดีว่าไม่มีชื่อของ ศศลักษณ์ ในทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าวทั้งๆ ที่ ณ ตอนนั้นฟอร์มของเจ้าตัวกำลังอยู่ในช่วงที่พีคที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต ท่ามกลางความสงสัยของสื่อมวลชน และแฟนบอลทั้งประเทศ รวมถึงตัวผมเอง

 

การหลุดออกจากทีมชาติทั้งๆ ที่ฟอร์มดี แน่นอนว่าหากเป็นคนอื่น ก็อาจจะเกิดอาการเหวี่ยง ท้อแท้ หรือถอดใจกับเส้นทางลูกหนังของตัวเองจนกู่ไม่กลับเลยก็ว่าได้ หากแต่สิ่งเหล่านั้นไม่มีวันเกิดขึ้นกับวิงแบ็กจอมบุกรายนี้อย่างแน่นอน โดยเพราะหลายๆ เรื่องราวที่ผมเองได้คุยกับน้องพีในช่วงเวลานั้น ทำให้ผมเข้าใจเลยว่า น้องพีเป็นคนที่มีทัศนคติลูกหนังที่ยอดเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะคาแรกเตอร์ของ “นักสู้” ทั้งใน และนอกสนาม ตลอดจนความเป็นมืออาชีพที่ต้องการจะลบคำสบประมาท เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นว่า เขาเองก็มีดีพอที่จะคัมแบ็กกลับคืนสู่ทีมชาติไทยได้...

 

และในท้ายที่สุด “ศศลักษณ์” ก็ทำได้

 

มากไปกว่านั้น การลุกขึ้นจากความผิดหวังในวันนั้นด้วยพลังของความมุ่งมั่นทำให้ “พี” สามารถก้าวไปไกลเกินกว่าที่ใครหลายๆ คนคิดเอาไว้ นี่คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม และผมมั่นใจเลยว่า การได้เดินทางไปเล่นใน เคลีก ของ ศศลักษณ์ ในครั้งนี้ จะกลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวลูกหนังที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กหนุ่มที่หลงใหลในเกมลูกหนังอีกหลายร้อย หลายพันชีวิตที่ยึด “พี” เป็นไอดอล และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อพาตัวเองก้าวไปอยู่ในจุดเดียวกับที่ ศศลักษณ์, ธีรศิลป์, ธีราทร และชนาธิป ฝากเอาไว้ในพงศาวดารลูกหนังบ้านเราตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

 

ยิ่งเส้นทางลูกหนังของ ศศลักษณ์ นั้นหาได้ราบเรียบเฉกเช่นตัวอย่างอื่นๆ หากแต่ชีวิตของ ศศลักษณ์ คือการต่อสู้ท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามมากมาย ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าจากนี้ไปจะมีเด็กไทยอีกมากมายที่พร้อมจะสู้ในเส้นทางสายลูกหนัง และไม่เกรงกลัวที่จะต้องเผชิญกับอุปสรรค เพราะว่าพวกเขานับถือในการต่อสู้ชีวิตของ “พี”

 

ณ วินาทีนี้ ผมมั่นใจว่า แฟนบอลไทยทุกคนคงพูดได้อย่างเต็มปากว่า เด็กหนุ่มจากประโคนชัยอย่าง "ศศลักษณ์ ไหประโคน" คือความภูมิใจของวงการฟุตบอลบ้านเราทุกประการ และขอส่งกำลังใจให้ “พี” ได้รู้เอาไว้ว่า ทุกๆ วินาทีในเกาหลีใต้นั้น พีไม่ได้สู้อยู่คนเดียวนะ แต่พียังมีพลังใจของแฟนบอลชาวไทยที่พร้อมจะตะโกนเชียร์ และซัพพอร์ทพีในทุกๆ อย่างเท่าที่เราจะทำได้ แม้จะมีระยะทาง 2,318 ไมล์ คอยคั่นกลางเอาไว้ก็ตาม

 

ไม่ว่า 6 เดือนต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ขอให้ “พี” ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เก็บเกี่ยวสุดยอดประสบการณ์ชีวิตครั้งนี้ไว้ให้ดี ทำทุกๆ วินาทีด้วยความตั้งใจ และมุ่งมั่นในแบบที่ พี ทำมาตลอดทั้งชีวิตการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ

 

และเหนือสิ่งอื่นใด จงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจก่อนลงสนามว่า...

 

“ศศลักษณ์ ไหประโคน” คุณคือความภูมิใจของวงการลูกหนังไทย


stadium

author

“เก้น” นิติพงษ์ ยวนตระกูล

ผู้บรรยายฟุตบอล และบรรณาธิการกีฬา ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนังอย่างจริงจังโดยเฉพาะฟุตบอลไทย จนตัดสิ

La Vie en Rose