stadium

อากิระ นิชิโนะ ผู้สร้างปรากฎการณ์ เป็นความหวังแห่งช้างศึก

31 มกราคม 2563

เกมบุกชนะ อินโดนีเซีย 3-0 ซึ่งเป็นชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ ในการไปเยือนอินโดนีเซีย ณ สนาม เกโลร่า บุง การ์โน สเตเดี้ยม (สนามเสนายันเดิม) ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่สอง

เก็บชัยชนะเหนือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในบ้าน เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่สอง

ถล่ม บาห์เรน 5-0 ในศึกฟุตบอล ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ซึ่งเป็นการขึ้นนำคู่แข่งครั้งแรก, เป็นชัยชนะครั้งแรก และเป็นชัยชนะที่สูงที่สุดของทีมชาติไทย ในรายการนี้

พาทีมชาติไทย ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ ฟุตบอล ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ฯลฯ

นี่คือปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับทีมชาติไทย นับตั้งแต่ที่ อากิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น ชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 เข้ามาคุมทีมชาติไทย ทั้งชุดใหญ่ และชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ของปี 2019 ที่ผ่านมา

จากฟอร์มการเล่นที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
จากระบบฟุตบอลที่มีทรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
จากแพสชั่นในการลงสนามที่เปลี่ยนไป
จากผลงานที่ยอดเยี่ยมในหลายเกม ทั้งชุดใหญ่ และชุดอายุไม่เกิน 23 ปี
และจากการทำงานในรูปแบบมีความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง

ก็ไม่น่าแปลกใจที่แฟนบอลชาวไทย จะเรียกร้องให้มีการต่อสัญญากับนายใหญ่ชาวอาทิตย์อุทัยรายนี้ออกไป เพราะผลงานตลอดทั้ง 6 เดือนที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์กับตา และโดนใจแฟนบอลโดยแท้จริง

และท้ายที่สุด นิชิโนะ ก็ไม่ทำให้แฟนบอลต้องผิดหวัง เมื่อตัดสินใจจรดปากกาต่อสัญญา คุม ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ และ ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ออกไปเรียบร้อยแล้ว เป็นเวลาอีก 2 ปี จนถึงเดือนมกราคมของปี 2022 หรือสิ้นสุดการแข่งขันฟุตบอล ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2022 นั่นเอง

"ผมเข้าใจดีว่า ความคาดหวังของแฟนบอล ต่อทีมชาติไทยค่อนข้างสูง ผมก็จะพยายามตอบสนองให้ได้ตามที่คาดหวัง"

"ที่ผ่านมา ทีมก็มีการพัฒนาในระดับหนึ่ง ทั้งชุดใหญ่และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก็ทำให้ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก และภูมิใจที่ได้ขยายสัญญาการทำงานออกไป อีก 2 ปี ซึ่งหน้าที่หลักคือผมจะพยายามพัฒนาทีมไปให้ได้ไกลมากที่สุด…”

นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำสัมภาษณ์ของ อากิระ นิชิโนะ ที่บอกกับแฟนบอลชาวไทย ในวันที่เขาเซ็นสัญญา ซึ่งเป็นคำพูดที่เหมือนเป็นคำสัญญากลายๆ ว่า เขาจะขออยู่ร่วมสร้างปรากฎการณ์อีกเรื่อยๆ และเป็นความหวังของเหล่าแฟนบอลช้างศึกต่อไป

แต่ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา และต้องการความร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาร่วมกันจากทุกภาคส่วน
ไม่ใช่แค่เสียเงินจ้าง อากิระ นิชิโนะ คนเดียว แล้วมันจะจบ
เราจะเก่ง เราจะเป็นหนึ่งในใต้หล้าในทันที มันไม่ใช่

สโมสรต้องช่วยกันพัฒนาตัวเอง
สโมสรต้องพยายามก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพ
สโมสรต้องช่วยกันพัฒนาโครงสร้างเยาวชน และระบบอะคาเดมี่ของสโมสร ให้ยั่งยืน เพื่อป้อนบุคลากรเข้าสู่ระบบ
นักฟุตบอล ก็ต้องเป็นมืออาชีพ และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวไปอยู่ในจุดที่สูงกว่า
สมาคมฟุตบอลฯ ก็ต้องพัฒนาเยาวชน และพยายามจัดอบรม เพื่อเพิ่มพูนบุคลากรโค้ชที่มีไลเซนส์ถูกต้องให้มากขึ้น
แฟนบอลก็ต้องเข้าใจในเรื่องของเวลาในการพัฒนา และคอยสนับสนุนการทำงานของทุกฝ่าย เป็นเหมือนลมใต้ปีกที่คอยให้กำลังใจ คอยพยุงทุกๆ คนให้เดินหน้าไปด้วยกัน

ทุกคนต้องพร้อม และทุกฝ่ายต้องมุ่งมั่นที่จะพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง
ไม่ใช่โยนความคาดหวัง และการทำงานหนักให้กับอากิระ นิชิโนะ เพียงแค่คนเดียว

เราต้องช่วยกัน
เราต้องร่วมสร้างปรากฏการณ์ด้วยกัน
โดยมี อากิระ นิชิโนะ เป็นหัวเรือใหญ่ เป็นผู้นำสูงสุดของการพัฒนาในครั้งนี้

แล้ววันหนึ่ง ถนนสู่ความฝัน มันจะเป็นจริงขึ้นมา
มันจะไม่สลายไป และต้องเริ่มต้นใหม่เหมือนกับ Road To Tokyo 2020 ที่เพิ่งกลายเป็นแค่อดีต

วันหนึ่ง เราจะพัฒนา เราจะแข็งแกร่ง และเราจะเดินไปให้ถึงฝั่งฝันให้ได้….


stadium

author

จอน

Changsuek Content Creator

La Vie en Rose