จับตา "ช้างศึก" กับศึกสำคัญ "U23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก"

"TIME TO RISE"

จับตา "ช้างศึก" กับศึกสำคัญ "U23 ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก"

#แบกเป้ดูบอลไทย By #เก้นนิติพงษ์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความผิดหวังตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ผลงานของทัพ “ช้างศึก” ทุกชุด ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับแฟนบอลชาวไทยทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่จากกฎของนิวตันข้อที่สามที่บอกเอาไว้ว่า “หากเราจะก้าวไปข้างหน้า เราต้องทิ้งบางอย่างไว้ข้างหลัง” คล้ายๆ กับ “ฟุตบอลไทย” ที่เราจำเป็นต้องยอมสลัดทิ้งความเจ็บปวดไว้ข้างหลัง และมองไปข้างหน้าเพื่อพิชิตเป้าหมายที่วางเอาไว้

นั้นจึงเป็นที่มาของแสงไฟทุกดวงที่สาดส่องมายัง ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ล่าสุดได้มีการประกาศแบ่งกลุ่มในศึก 2022 AFC U-23 Asian Cup (รอบคัดเลือก) ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย ไทย อยู่ในกลุ่มเจ ร่วมกลับ มาเลเซีย, ลาว และ มองโกเลีย ในฐานะเจ้าภาพในกลุ่มนี้ โดยจะทำการฟาดแข้งกันระหว่างวันที่ 23-31 ตุลาคมที่จะถึงนี้

ในส่วนการหาทีมผ่านเข้าไปอวดฝีเท้าไปรอบสุดท้ายที่ อุซเบกิสถาน นั้นจะคัดเลือกจากทีมแชมป์กลุ่มทั้งหมด 11 ทีม พร้อมด้วยทีมอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 4 จาก 11 กลุ่ม รวมกับชาติเจ้าภาพอย่างอุซเบกิสถาน เป็น 16 ทีม

หากมองดูเผินๆ แน่นอนว่าเราเองค่อนข้างจะเป็นต่อในแง่ของชื่อชั้น แต่ทว่าฟุตบอลในยุคปัจจุบันนั้นถูกบีบช่องว่าง และมาตรฐานให้แคบลงจนกูรูลูกหนังมากมายต่างไม่กล้าฟันธงเน้นๆ ว่าสุดท้ายแล้วใครกันที่จะคว้าบัลลังก์แชมป์กลุ่ม พร้อมกับตั๋วผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายไปครอง

เพราะอย่าลืมว่านี่คือการแข่งขันของนักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ฝ่ายจัดการแข่งขันระบุไว้ชัดเจนว่า นักเตะที่มีคุณสมบัติสามารถลงทะเบียนเล่นในทัวร์นาเม้นต์นี้ทั้งในรอบคัดเลือก และ รอบสุดท้ายได้นั้นจะต้องเกิดวันที่ 1 มกราคม 1999 หรือหลังจากวันดังกล่าว

นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้เราต้องรีบเช็คทันทีว่า แล้วใครกันที่มีคุณสมบัติ และเข้าข่ายนักเตะที่มีโอกาสจะลงสนามภายใต้เสื้อเกราะแห่งเกียรติยศ พร้อมกับแบกความหวังของคนทั้งชาติไว้ลงบนบ่าในฐานะ “นักเตะทีมชาติไทย”

เหล่าบรรดาผู้เล่นกลุ่มแรกที่มองดูแล้วมีโอกาสติดธงในชุดนี้เห็นทีคงจะหนีไม่พ้น เหล่าแข้งที่ผ่านเวทีทีมชาติไทยชุดใหญ่มาก่อนหน้านี้ นำโดย ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร มิดฟิลด์วัย 21 ปีจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ที่แสดงให้เห็นถึงคลาสฟุตบอลที่มาจากเบ้าหลอมของฟุตบอลอาชีพในยุโรป บวกกับความกล้าเล่น กล้าสร้างสรรค์ และพลังที่ไม่มีหมดจดสามารถก้าวมาเป็นตัวหลักของทีมชาติไทยชุดใหญ่ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า สมาคมฟุตบอลฯ คงต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการดึง ธนวัฒน์ มาเล่นทีมชุดนี้ให้ได้ ภายในช่วงเวลาที่ตรงกับการแข่งขันพรีเมียร์ลีก ที่คือเงื่อนไขที่มองดูแล้วเราคงต้องทำงานหลังบ้านกันอย่างหนัก

เบน เดวิส อีกหนึ่งมิดฟิลด์วัย 20 ปี จาก ฟูแล่ม ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่น่าสนใจ และเชื่อได้เลยว่าถ้าเลือกได้ แฟนๆ ก็คงอยากเห็นเจ้าตัวลงสนามให้กับทัพ “ช้างศึก” อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวทำผลงานกับทีม U23 ทีมชาติไทยในศึกชิงแชมป์เอเชียครั้งล่าสุดที่เราเป็นเจ้าภาพได้อย่างยอดเยี่ยม

สำหรับคนต่อมา แน่นอนว่านี่คือ วันเดอร์คิด และเป็นปรากฎการณ์ของวงการลูกหนังบ้านเราอย่างแท้จริงสำหรับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่แจ้งเกิดกับทีมชาติไทยได้อย่างเต็มตัว ทั้งความเร็วดุจสายฟ้าฟาด การจบสกอร์ที่คมกริบ และเยือกเย็นเกินวัย ตลอดจนสัญชาตญาณการเป็นนักล่าประตูในกรอบเขตโทษ บวกกับความมั่นใจจากการทำประตูในสีเสื้อทีมชติไทยชุดใหญ่ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่ผ่านมา น่าจะพูดได้อย่างเต็มปากว่ายังไงศึก 2022 AFC U-23 Asian Cup (รอบคัดเลือก) กลุ่มเจ ที่ประเทศมองโกเลียนั้นจะต้องมีชื่อของเจ้าตัวในฐานะจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของทีมอย่างแน่นอน

อีกหนึ่งแข้งที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือ “บุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา เพลย์เมคเกอร์ และแนวรุกสารพัดประโยชน์จากรั้ว เชียงราย ยูไนเต็ด ที่แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวทั้งจากการพาทัพ “กว่างโซ้งมหาภัย” ผงาดคว้าแชมป์ไทยลีกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ก่อนจะก้าวมาเป็นตัวหลักในสีเสื้อ “ช้างศึก” อย่างเต็มตัว กระทั่งถูกปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนจนหายไปพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไร ประสบการณ์จากเวที ACL 2021 บวกกับมันสมองของเจ้าตัว ยังไงก็เชื่อว่า “เจ้าชายล้านนา” รายนี้คืออีกหนึ่งคีย์แมนสำคัญของทีมชุดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

กฤษดา กาแมน คืออีกหนึ่งนักเตะที่เราเชื่อว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนกับทีมชาติไทยชุดนี้ทุกประการ ด้วยเซ้นส์บอลที่เหนือเกินวัย ความดุดัน ความเป็นผู้นำ และตำแหน่งการเล่นที่หลากหลาย นี่ยังไม่รวม ฉัตรมงคล เรืองธนโรจน์, จตุรพัช สัทธรรม, กนกพล ปุษปาคม, ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ที่ปัจจุบันกำลังทดสอบฝีเท้าอยู่ใน สเปน กับ อัล กอร์กอน, อชิตพล คีรีรมย์, ธนา อิซอ ปีกจรวดจาก เชียงใหม่ ยูไนเต็ด รวมถึง วรากร ทองใบ หัวหอกฟอร์มแจ่มจากไทยลีก 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา และอิรฟาน ดอเลาะ ที่เคยแบกอายุติดธงชุด U23 ทีมชาติไทยมาแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นขุดกำลังที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง และเราหวังว่า ทีมชาติไทยชุดนี้ จะสามารถกลับมากู้หน้า กู้สถานการณ์ พร้อมกับสร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราให้กับแฟนบอลชาวไทยได้อีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้

และด้วยเป้าหมายเดียวที่เรามีนั่นก็คือ การจบในฐานะแชมป์กลุ่ม เพื่อตีตั๋วไปลุยในศึก 2022 AFC U-23 Asian Cup รอบสุดท้ายที่ อุซเบกิสถาน ในช่วงกลางปีหน้าให้ได้ นี่คือภารกิจที่เชื่อได้ว่าเต็มไปด้วยความท้าทายที่สุดอีกครั้งหนึ่งของทีมที่ถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของทัพ “ช้างศึก” ชุดใหญ่ ในอนาคตอันใกล้นี้

"TIME TO RISE"

ได้เวลาทีมชาติไทยกลับมาผงาด

ถึงเวลาจับตาดู “ช้างศึก U23” กันครับ!!!