8 กรกฎาคม 2564
โลกฟุตบอลในแต่ละฤดูกาลล้วนแต่มีเรื่องราวสิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจ และชวนให้ทุกคนได้ติดตามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทัพของแต่ละทีมทั้งแข้งระดับบิ๊กเนม มาจนถึงการถือกำเนิดของแข้งดาวรุ่งทั้งหลายที่อย่างน้อยจะโผล่ขึ้นมาเป็นขวัญใจแฟนบอลบ้านเราซีซั่นละ 2-3 คน
“ถ้าคุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ” วลีเด็ดยังคงเปี่ยมไปด้วยความขลังอยู่เสมอ และเราเชื่อได้เลยว่าฤดูกาลนี้จะมีแข้งดาวรุ่งที่ผลักดันตัวเองขึ้นมาประดับวงการได้อย่างแน่นอนเฉกเช่นทุกปี วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ “สามดาวรุ่ง” จาก “สามสโมสรน้องใหม่” ในศึกไทยลีก 1 ฤดูกาลนี้ทั้ง หนองบัว พิชญ เอฟซี, เชียงใหม่ ยูไนเต็ด และ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ว่าทั้งสามคนที่เราคัดมานั้นเป็นใคร และพร้อมแค่ไหนกับซีซั่นที่ทุกคนต้องทำทุกอย่างเพื่อปักชื่อของตัวเองเข้าไปอยู่กลางใจแฟนบอลชาวไทยให้ได้ !!!
ทุกคนต่างรู้ดีว่า “โชค” หรือ วรากร ทองใบ คือหนึ่งในนักเตะตัวความหวังของวงการลูกหนังบ้านมาตั้งแต่ครั้งเป็นแข้งดาวโรจน์ฟุตบอลนักเรียน ไต่ระดับมาเป็นแกนหลักของทีมชาติไทยชุดเยาวชนภายใต้การฟูมฟักของ ชลบุรี เอฟซี อะคาเดมี่ กระทั่งการยกระดับฝีเท้าของตัวเองสู่เส้นทางฟุตบอลอาชีพจากลีกล่าง ก่อนแจ้งเกิดแบบเต็มตัวจากศึก M-150 แชมเปี้ยนชิพ หรือ ไทยลีก 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะโมเม้นต์การซัดจุดโทษปิดกล่องช่วยให้ ขอนแก่น ยูไนเต็ด คว้าตั๋วเลื่อนชั้นใบสุดท้ายสู่ลีกสูงสุด คือช็อตที่หัวหอกดาวรุ่งรายนี้แสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า “ความนิ่งเป็นเรื่องของปีศาจ”
เพราะใครจะเชื่อว่า ด้วยสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดันขั้นสุดชนิดปรอทยังต้องแตก บวกกับประสบการณ์ในเส้นทางลูกหนังที่ยังไม่กร้านโลก และด้วยวัยที่ยังไม่ถึง 20 ปีเต็มด้วยซ้ำ หากแต่ถ้าหัวใจคุณนิ่ง และเยือกเย็นพอเฉกเช่น วรากร สุดท้ายอายุในบัตรประชาชนก็คงเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น
สุดท้ายเป็นเจ้าตัวที่รับหน้าที่ซัดเข้าไปอย่างเยือกเย็น...
จุดเด่นของเจ้าตัวนอกเหนือไปจากความนิ่ง ไม่ร้อนรนต่อสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดันแล้ว วรากร ยังเป็นศูนย์หน้าที่จบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาดในระดับเยาวชน พิสูจน์ได้จากผลงานกับทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี - 19 ปี และท่าข้ามพิทยาคม ที่ร้อนแรงจนหลายๆ คนต่างรู้สึกดีใจกับ โชค และเฝ้ารอวันที่เจ้าตัวจะผาดขึ้นมาเฉิดฉายอย่างเต็มตัวในฐานะ “นักเตะฟอร์มเด็ดบนเวทีลีกสูงสุด”
ดังนั้น ก้าวต่อไปกับ หนองบัว พิชญ เอฟซี จึงเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตการค้าแข้งของเจ้าตัวว่า จะสามารถก้าวข้าวอุปสรรค และกำแพงสูงใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า เพื่อก้าวผ่านคำว่า “ดาวรุ่ง” สู่การเป็น “ของจริง” บนเวทีไทยลีกให้ได้...
แม้รูปร่างของเจ้าตัวอาจจะดูค่อนข้างเล็ก แต่ถ้าเราเอาคำว่า “ส่วนสูง” มาเป็นตัวตั้งว่าใครคนนั้นจะประสบความสำเร็จบนเส้นทางลูกหนังหรือไม่ เห็นทีประเทศไทยก็คงไม่มี ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่พิสูจน์ตัวเองบนลีกที่ดีที่สุดในเอเชียได้แล้ว หรือแม้แต่ทีมชาติสเปน ที่คงไม่มีวันไปได้ไกลถึงการเป็นแชมป์ยุโรป และแชมป์โลกในช่วงปี 2008 - 2010 เพราะในโลกของฟุตบอล สิ่งที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้ก็คือ “หัวใจ วินัย และความมุ่งมั่น” เท่านั้น และทั้งหมดนั้นมีอยู่ในตัวของเด็กหนุ่มวัย 20 ปีที่ชื่อว่า “นัน” ธนา อิซอ ยิ่งบวกกับ “ความเร็ว” ที่เปรียบได้ดั่งอาวุธเด็ดของเจ้าตัว ดังนั้นเรื่องส่วนสูงจึงไม่มีผลต่อคุณภาพในการเล่นของเจ้าตัวเลยแม้แต่น้อย
การตัดสินใจก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ถือเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายอย่างแท้จริง เพราะ นัน ต่างรู้ดีว่าทัพ “ช้างเผือก” ต่างทุ่มสุดตัวเพื่อทำให้สโมสรแข็งแกร่ง และพร้อมที่สุดบนเวทีไทยลีก 1 หนแรกในประวัติศาสตร์ ทำให้เจ้าตัวต้องพยายามงัดเอาทุกอย่างที่มีออกมาเพื่อทำให้ทุกคนเห็นว่า เขาเองก็ดีพอกับการลงไปวาดลวดลายในสนามเช่นกัน จึงทำให้มีข่าวลือข้ามมาจากเมืองเหนือว่า เจ้าตัวถือเป็นนักเตะที่เอาจริงเอาจังกับการฝึกซ้อมมากๆ เช่นเดียวกับการเร่งเสริมกล้ามเนื้อเพื่อเอาไวลุยบนเวทีไทยลีกโดยเฉพาะ
จุดเด่นของอดีตแนวรุกเยาวชนทีมชาติไทยรายนี้ที่เห็นได้ชัดสุดก็คือ ความเร็วดุจสายฟ้าฟาดที่พร้อมท้ารบกับแนวรับทุกคน ตลอดจนการขยับหาพื้นที่ยามไม่มีบอลที่ช่วยให้เจ้าตัวได้เปรียบกว่าคู่แข่งเสมอยามควบบอลไปดวลกับแนวรับ หรือผู้รักษาประตู ซึ่งแน่นอนว่าศึกไทยลีก 1 ฤดูกาลนี้ เราจะได้เห็นช็อตจังหวะกระชากสวยๆ ของ ธนา พร้อมกับการจบสกอร์แบบเน้นๆ อย่างแน่นอน
ย้ำอีกครั้งเลยว่าจำชื่อของ “ธนา อิซอ” ไว้ให้ดี เพราะเราเชื่อว่า ซีซั่นนี้น่าจะเป็นโอกาสที่เจ้าตัวจะได้เฉิดฉาย และอยู่ในไฟโฟกัสของแฟนบอลบ้านเราในฐานะ “จรวดทางเรียบ”
แม้ว่าทัพ “จงอางผยอง” จะเพิ่งคว้าสองผู้รักษาประตูที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ทั้ง ธีรัตน์ นาคชำนาญ และ ยศพล เทียงดา มายืนเป็นปราการด่านสุดท้าย หากแต่เราเชื่อเลยว่าการต่อสู้ในตำแหน่ง “ผู้รักษาประตู” คงจะสร้างความปวดหัวให้กับ คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ เปไรร่า อยู่ไม่น้อย เพราะอีกหนึ่งนายด่านที่เรียกได้ว่าเป็นทั้งขวัญใจแฟนบอล และทำผลงานได้อย่างคงเส้นคงวาตลอดหลายซีซั่นที่ผ่านมานั่นก็คือ “พีช” จิรวัฒน์ วังทะพันธ์ นายด่านลูกหม้อที่ถือเป็นส่วนสำคัญในการพิชิตตั๋วไทยลีกของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด เลยก็ว่าได้
เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าสไตล์ฟุตบอลของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด นั้นคือ “เกมรุกอันดุดัน” แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ ช่องว่างในเกมรับที่เปิดโอกาสให้คู่แข่งได้มีโอกาสสวนขึ้นมาถึงพื้นที่อันตราย และก็เป็น จิรวัฒน์ นี่แหละที่คอยเซฟช่วยชีวิตทีมนับไม่ถ้วน จนทำให้ต้นสังกัดสามารถการันตีพื้นที่เพลย์ออฟ ก่อนจะมาโชว์เซฟแบบพัลวันในแมตช์กับ นครปฐม รวมถึงเซฟในช่วงของการดวลจุดโทษได้อีกด้วย เรียกได้ว่านี่คือผลงานระดับชิ้นโบว์แดงของนายทวารดาวรุ่งรายนี้เลยก็ว่าได้
จิรวัฒน์ ถือเป็นนายด่านที่มีจุดเด่นในเรื่องของ Shot Stopper ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากๆ ในตำแหน่งผู้รักษาประตู อีกทั้งยังมีความเข้าใจ และมีการสื่อสารที่ดีกับแนวรับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ว่าในทีมจะอุดมไปด้วยนายทวารฝีมือดี หรือมีประสบการณ์มากแค่ไหน แต่ จิรวัฒน์ เองก็พร้อมจะสู้สุดใจเพื่อตอกย้ำว่า เขานี่แหละคู่ควรกับการเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในซีซั่นที่เข้มข้นมากที่สุดในชีวิต
TAG ที่เกี่ยวข้อง