24 มิถุนายน 2564
กลายเป็นข่าวร้อนตั้งแต่เมื่อวานเมื่อมีการประกาศจากทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยว่าได้แต่งตั้ง “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด นั่งแท่นรักษาการหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย โดยมี “โค้ชหระ” อิสระ ศรีทะโร ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอน
ที่มัน “ร้อน” ก็ตรงที่ว่านี่ถือเป็นแอ็คชั่นที่ออกมาทันทีเพียงหนึ่งวันเท่านั้นหลังจากที่ทางสมาคมฯพึ่งจะประชุมสภากรรมการฯ ถึงแม้ว่าประมุขลูกหนังไทยอย่างท่านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จะออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่าในที่ประชุมไม่ได้มีการหยิบยกประเด็นของโค้ชอากิระ นิชิโนะขึ้นมาถกเพราะด้วยธรรมเนียมปฎิบัติตามกระบวนการที่มันควรจะเป็นเราก็ยังต่อรอให้เจ้าตัวเสร็จสิ้นภารกิจส่วนตัวแล้วกลับมาที่ไทยเพื่อสรุป, รายงานและพูดคุยกันก่อน
มีคนบอกว่านี่อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนโค้ชและอาจถือเป็นการ “แก้เกม” ของทางสมาคมฯเพื่อกดดันอ.นิชิโนะ และลดทอนกระแสด้านลบจากแฟนบอลบางกลุ่มที่กำลังมุ่งเป้าไปที่สมาคมฯ
เพราะหากส่องความคิดเห็นตามหน้าไซเบอร์ในตอนนี้มันก็มีอยู่ไม่น้อยเลยที่พูดกันไปในทำนองที่ว่าการที่โค้ชนิชิโนะปลีกตัวรีบตีตั๋วกลับญี่ปุ่นทันทีที่ภารกิจคัดบอลโลกสิ้นสุดถือเป็นการหลบหน้าและซื้อเวลาสมาคมฯเพื่อหวังว่าเมื่อตอนที่ตนเดินทางกลับไทย บางทีความคุกรุ่นก็อาจจะเบาบางลงและการพูดคุยกันก็อาจมาในบรรยากาศที่มันไม่ร้อนระอุมาก
อย่างที่เรารู้กันว่าเจ้าตัวยังมีความประสงค์ที่อยากจะขอ “แก้มือ” ในการคุมทัพทีมชาติไทยลงสนามตามสัญญาที่เหลืออยู่โดยมีภารกิจทั้งรายการยู23 ชิงแชมป์ทวีปรอบคัดเลือก, ซีเกมส์ที่เวียดนาม และอาเซียนคัพปลายปีนี้เป็นเวทีเรียกเครดิตให้กลับมาอีกครั้ง
“คิดได้แต่อย่าพึ่งเลยเถิดกันไปไกล!”
ผมกลับมองว่าการแต่งตั้ง โค้ชจุ่น พ่วง โค้ชหระ ในสถานการณ์ที่ “ความเงียบ” กำลังเริ่มส่งเสียงค่อย ๆ ดังเป็นอะไรที่ธรรมด๊าธรรมดามาก ๆ และใคร ๆ เขาก็ทำกันในโลกของฟุตบอล และมันก็ไม่ได้หมายถึงการแง้มประตูเพื่อไปสู่เรื่องของการ “ปลดโค้ช” อีกด้วย
ก็ในเมื่อโค้ชใหญ่ไม่พร้อมปฎิบัติงานก็ต้องให้ผู้ช่วยรับหน้าที่นั้นกันไปก่อนจนกว่าเขาจะพร้อม (มันก็เหมือนในองค์กรทั่วไปที่เวลาหัวหน้าลางาน แน่นอนว่ารองหัวหน้าหรือผู้ช่วยก็ต้องขึ้นมาดูแลกำกับแทนกันไปก่อน) และที่มันต้องเป็นโค้ชจุ่นบวกโค้ชหระก็เพราะทั้งสองรายก็คือทีมงานทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน (จะไปเอาตาสีตาสาเข้ามาข้ามหน้าข้ามตาได้ยังไงหล่ะ)
อย่าลืมนะครับว่าเอซีแอลเริ่มเตะกันไปแล้วแถมหนนี้มีสโมสรจากไทยเข้าร่วมแข่งขันตั้งสี่ทีมและสามในสี่ยังได้ลงเล่นในบ้าน หากอยู่ๆไม่ได้มีคำสั่งแต่งตั้งอย่างเป็นทางการออกมาโค้ชจุ่นและโค้ชหระจะถือวิสาสะเดินเข้าสนามแบบโทง ๆ ไปทำหน้าที่แทนโค้ชนิชิโนะมันก็ใช่เรื่องตามหลักธรรมเนียม-มารยาท ดังนั้นการแต่งตั้งก็เหมือนกระบี่อาญาสิทธิ์ในเรื่องเปาบุ้นจิ้นนั่นแหละที่ไว้ใช้เป็น “บัตรผ่าน” เปิดทางสะดวกในการทำหน้าที่ตรงนี้เพื่อกันความเข้าใจผิด, ข้อครหา และเพื่อประโยชน์สูงสุดโดยตรงต่อการเตรียมความพร้อมทีมชาติทั้งสองชุด
ผมคิดว่าจนกว่าที่ทางสมาคมฯจะได้มีการพูดคุยกับอ.นิชิโนะเราคงจะไม่ได้ยินข่าวแบบฟันธง “อยู่หรือไป” ออกมาจากทางฝั่งสมาคมฯแน่นอน เพราะมันผิดทั้งขั้นตอนปฎิบัติและตามหลักมารยาท
“ปลดหรือไม่ปลด” และ “โกออนหรือซาโยนาระ” มันยังเป็นเรื่องของอนาคต!
แต่เอาตอนนี้ทีมชาติต้องมีคนดูแลรับผิดชอบเพราะมีนักเตะไทยตั้งสี่ซะห้าสิบคนมีโปรแกรมลงเล่นให้ได้ดูตัวแถมยังเป็นเวทีระดับชิงแชมป์ทวีปอีกด้วย
พักเรื่องทีมชาติไว้ก่อนแล้วกลับมาเชียร์บอลสโมสรกับตัวแทนจากไทยทั้งสี่สโมสร เพราะผมเชื่อว่าหากมีสโมสรไหนสามารถทำผลงานออกมาได้ดี แฟนบอลก็คงได้ผ่อนคลายความเศร้าลงและได้แฮปปี้ขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย
ทรรศนะหน่ะหรอ?...ไม่ได้เก่งแบบมาร์ค ลอว์เรนสันหรอกนะ แต่ผมว่าคืนนี้สิงห์เจ้าท่าไม่น่าพลาด!
TAG ที่เกี่ยวข้อง