stadium

ระหว่าง “ไม่ไหวบอกไหว” กับ “ไม่ไหวอย่าฝืน” เราควรฟังใคร?

22 มิถุนายน 2564

ระหว่าง “ไม่ไหวบอกไหว” กับ “ไม่ไหวอย่าฝืน” เราควรฟังใคร?

#ช้างศึกริงไซด์ by akinson149

​มีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นในวันที่ผมเดินทางไปรับวัคซีนเข็มแรกตามกำหนดที่ได้นัดไว้ในแอปหมอพร้อม ช่วงขาไปในตอนที่รถของผมกำลังจอดสนิทติดไฟแดงอยู่กลางสี่แยกนั้น อยู่ๆเพลงจากช่องเอฟเอ็มที่ผมเปิดไว้ตั้งแต่ขับออกจากบ้านก็ดันเปิดเพลงของคุณบอย พีชเมกเกอร์ ในขณะที่ช่วงขากลับดีเจจากอีกช่องที่ผมมักฟังประจำอีกเช่นกันก็ดันเปิดเพลงของพี่พลพลขับกล่อมผมไปตลอดทาง

 

​มันบังเอิญยังไงนะหรอ?

 

​บังเอิญที่ชื่อเพลงของศิลปินทั้งสองท่านมันดันมาแมทกับสถานการ์ณของทีมชาติไทยพอดิบพอดี(ไม่ไหวบอกไหวกับไม่ไหวอย่าฝืน) ขาไปฟัง “บอกไหว” ในขณะที่ขากลับฟัง “อย่าฝืน” ราวกลับว่าพระเจ้ากำลังจะสะกิดผมให้ได้คิดถึงอะไรหลายๆอย่าง หรือบางทีท่านอาจกำลังพยายามบอกให้ผม “ปล่อยวาง” บ้างก็ได้

 

​อย่างที่เรารู้กันนั่นแหละว่าผลงานของทีมชาติไทยในคัดบอลโลกที่ผ่านมามัน “ไม่ไหว” อยู่แล้วแน่ๆ แม้แต่เด็กประถมฯหรือคนที่พึ่งหัดดูบอลมาไม่นานก็ต่างวิจาร์ณออกมาเหมือนๆกัน ทำให้ตอนนี้สมาคมฯกำลังเผชิญกับโจทย์ที่ยากระหว่าง “ไปต่อ” หรือ “พอแค่นี้” สำหรับอ.นิชิโนะ

​ที่ผมบอกว่ามันยากถึงยากมากก็ตรงที่ไม่ว่าสมาคมฯจะเลือกทางไหน เสียงตอบรับที่ได้ก็ย่อมมีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่างอยู่ดี แถมที่สำคัญในการตัดสินใจครั้งนี้มันก็จะมีแต่ “เสียกับเสีย” แค่นั้น

 

​กับสัญญาที่เหลืออยู่จนถึงเดือนมกราคมปีหน้าของอาจาร์ยโนะและเงินเดือนที่จะต้องจ่ายออกไปในแต่ละเดือนที่ตัวเลขเจ็ดหลักท่ามกลางปฎิทินการแข่งขันที่หลังจากนี้ไปทีมชาติไทยชุดใหญ่ก็จะเหลือแค่รายการ “มินิไซส์” เท่านั้น(อุ่นเครื่องตามปฎิทินฟีฟ่าในเดือน ก.ย. และ ต.ค. บวกกับอาเซียนคัพช่วงปลายปีนี้หากไม่มีการเลื่อน) มันก็ดูจะไม่ค่อยคุ้มซักเท่าไหร่

 

​ไหนจะยังมีเรื่องของ “ความรู้สึก” ของแฟนบอล(บางกลุ่ม)อีกที่กำลังรู้สึกแย่และเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในคัดบอลโลกที่ผ่านมาที่เราเก็บได้แค่แต้มเดียวจากบ๊วยอย่างอินโดฯ ตกรอบตั้งแต่ไก่โห่ แถมอันดับโลกมีแววรูดลงมามากถึง15อันดับ และ “การเยียวยาจิตใจ” เป็นอะไรที่พวกเขาบอกว่ามันต้อง “รีบทำ!”

 

​มีคนบอกว่ายากตรงไหนในเมื่อเราเป็นคนจ้างก็ย่อมมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะบอกเลิกเมื่อผลงานมันไม่ได้ ในขณะที่อีกฝ่ายก็บอกว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วทำไมไม่ให้โอกาสแกทำต่อให้จบจนครบสัญญาไปเลยหล่ะจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย บางทีทัวร์นาเม้นต์อย่างชิงแชมป์ภูมิภาคแกอาจพาไทยกลับมาผงาดก็อาจจะเป็นไปได้นะเพราะแกเองก็คงได้บทเรียนไปแล้วและช่วงนั้นแกคงรู้จักนักเตะไทยมากขึ้นกว่าในตอนนี้

 

​แถมฝ่ายที่สนับสนุนให้กัดฟัน “บอกไหว” ก็ยังบอกอีกด้วยว่าเราต้องทนให้ได้เพราะการเปลี่ยนโค้ชบ่อยๆ(แบบทุกๆสองปีแบบนี้)ก็ไม่ต่างอะไรกับการพายเรือวนในอ่างและนับก.เอ๋ย ก.ไก่กันใหม่อีกครั้ง ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับเคสผ่านๆมาซึ่งสุดท้ายก็ไร้ความต่อเนื่องและก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักที

 

​แต่ท่านครับ...หากดันทุรังไปต่อจนครบสัญญาแล้วเกิดผลที่ได้ดันออกมาเละตุ้มเปะแบบ “ภาพจำ” อีกครั้งหล่ะ ถึงช่วงนั้นแม้ท่านจะไม่ต่อสัญญาคนเก่าแล้วเอาคนใหม่เข้ามา ผมถามว่าคนใหม่เขาจะเอาเวลาที่ไหนมาเตรียมทีมเพื่อลุยเอเชียนคัพ?(เอเชียนคัพรอบคัดเลือกรอบสามจะแข่งช่วงเดือนก.พ.ปีหน้าซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่สัญญาของลุงโนะหมดลงพอดิบพอดี)

​ถ้าถามความเห็นส่วนตัวของผมนะ ผมยังยืนยันว่าโค้ชทีมชาติจะต้องเป็นคนที่รู้จักนักฟุตบอลไทยเป็นอย่างดีและต้องมีบารมีแบบที่นักเตะไทยให้การยอมรับด้วย เพราะไม่ว่าโค้ชจะเก่งระดับโลกแค่ไหนแต่ถ้าไม่รู้จักวิธีใช้งาน, ไม่รู้วิธีการสื่อสาร หรือรวมทั้งการทำให้นักเตะในทีมเชื่อมั่น ผมว่ามันก็เป็นเรื่องยากที่ทีมของเราจะประสบความสำเร็จได้

 

​กับคำถามที่ว่า “ไม่ไหวบอกไหว” กับ “ไม่ไหวอย่าฝืน” เราควรฟังใคร? มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเรายังจะเชื่ออากิระ นิชิโนะอยู่มั้ยว่าการกลับมาจากญี่ปุ่นหนนี้ เจ้าตัวจะหอบเอากรรมวิธี, ทีมงาน, ทัศนะคติเชิงบวก, ความจริงจังบวกจริงใจ และเวลาที่เจ้าตัวจะมีให้ทีมชาติที่ต้องมากขึ้นกว่าเดิมกลับมาด้วย?


stadium

author

“akinson149” พงศ์รัตน์ วินัยวัฒนวงศ์

Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย

La Vie en Rose