11 มิถุนายน 2564
ผมได้มีโอกาสเข้าไปส่องดูนานาทรรศนะตามหน้าไซเบอร์เกี่ยวกับแมตช์ที่กำลังจะมาถึงและนับเป็นแมตช์สุดท้ายของทีมชาติไทยในคัดบอลโลกหนนี้ว่าบรรดากูรู, ผู้รู้และกองเชียร์ชาวไทยคาดหวังอะไร? และอยากให้อาจาร์ยนิชิโนะเลือกใครลงสนามในเกมนี้บ้าง?
ที่น่าประหลาดใจอยู่นิดหน่อยคือมีความคิดเห็นจำนวนไม่น้อยที่พูดในทำนองที่ว่าไหนๆไทยก็ตกรอบไปแล้วดังนั้นแมตช์กับมาเลย์นัดนี้ควรเปิดโอกาสให้นักเตะที่ไม่เคยได้ลงสนามได้ลงกันอย่างครบครัน บ้างก็ว่านี่น่าจะเป็นโอกาสของบรรดาดาวรุ่งที่ยังไม่เคยติดทีมชุดใหญ่ได้ขึ้นมาซึมซับบรรยากาศเพื่อต่อยอดในอนาคตต่อไป ส่วนเรื่องผลการแข่งขันก็คงต้องไปว่ากันใหม่ในอีกสี่ปีข้างหน้า
“พับผ่าซิ!”
ผมว่าเกมกับมาเลย์นี่แหละคือ “รถด่วนขบวนสุดท้าย” สำหรับอะไรๆหลายๆอย่าง
อะไร ๆ ที่ว่าอย่างแรกเลยนะ มันคือแมตช์ล้างอายเพื่อกู้ศรัทธาแฟนบอลให้กลับคืนมา
ผลงานการตกรอบชนิดหอบนักเตะมายูเออีตั้งสี่สิบกว่าคนแล้วเก็บชัยไม่ได้เลยซักนัด แถมยังกล้าเสียประตูได้ทุกนัดนับตั้งแต่แมตช์อุ่นเครื่องจนไปถึงเกมทางการแบบนี้ มองมุมไหนก็เป็นผลงานที่ยากจะรับได้
ยิ่งในเวลาเดียวกันที่ทีมชาติเวียดนามกลับทำผลงานได้ดีแบบออกนอกหน้าและกำลังจะตบเท้าเข้ารอบต่อไปชนิดที่แฟนบอลไทยได้แต่ชะเง้อมองกันตาปริบๆแบบนี้ยิ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดเป็นที่สุด (คัดบอลโลกหนก่อนเราชนะเขาได้แบบไป-กลับ เข้ารอบแบบฉายออร่าด้วยผลงานที่ไม่แพ้ใครเลยซักกะนัด แต่หนนี้กลับเป็นไทยที่ต้องสะอื้น, ไร้ซึ่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ)
ผมว่าทีมชาติไทยกำลังเขยิบเข้าไปใกล้กับจุดละเอียดอ่อนในด้านศรัทธาของแฟนบอลที่มีต่อสมาคมฯ, โค้ชและนักเตะชุดนี้ เพราะถึงใครบอกว่ามันคือสถานการ์ณที่ไม่ปกติสืบเนื่องจากโควิดระบาดหรือจะอ้างว่าเป็นเพราะต้องออกไปเล่นในสนามกลางแถมยังเป็นตะวันออกกกลาง แต่ทั้งสองเรื่องก็ถือเป็นเรื่องธรรมด๊าธรรมดามากๆสำหรับคนทำทีมชาติในช่วงเวลาแบบเดียวกันนี้
สำหรับผม(และเชื่อว่าแฟนบอลอีกหลายคนก็คงคิดเหมือนกัน)มองว่าเกมกับเสือเหลืองคือเกมที่ไทยต้องชนะสถานเดียวเท่านั้น! เพราะมันคือชัยชนะที่จะชะโลมใจคนไทย และเราจำเป็นต้อง “ล้างอาย” จากการพ่ายแพ้พวกเขามาในครั้งก่อนที่เจอกันและนั่นทำให้เราต้องตกอยู่ในสถานการ์ณที่ยากลำบากไปตลอดหลังจากนั้น
อย่างที่สอง คือ ผลแพ้ชนะกับมาเลย์มันมีผลต่ออนาคตของไทยในเอเชียนคัพ
การที่ไทยทำผลงานได้ล้มเหลวไม่เป็นท่าทั้งเกมอุ่นเครื่องแบบเอแมตช์กับทาจิกิสถานและสองเกมสำคัญกับอินโดฯและยูเออีเจ้าบ้านทำให้คะแนนฟีฟ่าของไทย(อย่างไม่เป็นทางการ)ในเวลานี้ถูกลบไปแล้วมากถึง 13.7 แต้ม ส่งผลให้อันดับโลกของเราหล่นฮวบทีเดียวถึงเจ็ดอันดับ และถ้าหากไทยไม่สามารถเก็บชัยชนะในเกมกับมาเลย์ได้นั่นก็จะทำให้มีโอกาสที่อันดับของไทยจะ “ออกทะเล” ไปไกลแบบหล่นพรวดไปอยู่แถวๆที่ 120 ของโลก ซึ่งนั่นจะเสี่ยงอย่างมากที่ทำให้เราต้องไปภาวนากันต่อในเรื่องของโถทีมวางในการจับฉลากคัดเอเชียนคัพ
คงไม่ดีแน่ถ้าไทยต้องหลุดจากการเป็นโถ 1 แล้วต้องไปดวลกับบรรดา “กระดูก” ทั้งหลายแหล่อย่างจอร์แดน, บาห์เรน, อิหร่าน, อุซเบกิสถาน, อินเดีย, คีร์กิซสถาน หรือปาเลสไตน์ที่ทีมที่ว่ามาล้วนมีอันดับฟีฟ่าดีกว่าไทย และแน่นอนว่าพวกเขาจะได้อยู่โถ 1 กันถ้วนหน้า(หากพวกเขาต้องมาคัดเอเชียนคัพในรอบสามเหมือนกัน)
ผมคำนวณคร่าวๆแล้วว่าหากไทยสามารถยัดเยียดความปราชัยให้ทัพเสือเหลืองได้สำเร็จ อันดับฟีฟ่าของเราจะไม่หล่นไปไหนไกล(จะยังเกาะกลุ่มอยู่แถวอันดับ 100 นิดๆ) ซึ่งแน่นอนว่าอันดับที่ว่านี้เพียงพอที่จะให้เรายังเกาะกลุ่มทีมวางโถ 1 ในการจับฉลากแบ่งสาย และอาจถือเป็น “ตัวช่วย” สำคัญที่จะส่งเราให้ได้กลับไปเล่นบอลชิงแชมป์ทวีปรอบสุดท้ายอีกครั้ง
ไม่ว่าผลการแข่งขันระหว่างมาเลย์กับเวียดนามจะออกหน้าไหน แต่สำหรับไทยในคัดบอลโลกนัดสุดท้ายอังคารหน้า เราต้องชนะให้ได้!
ถลกหนังเสือเหลือง! เก็บชัยกลับบ้านฝากคนไทย เพื่อชะโลมความเจ็บปวดและเรียกศรัทธาให้กลับคืนมาอีกครั้ง
หากการเดินลงสนามโดยมีธงไตรรงค์ที่อกซ้ายแสดงถึงศักดิ์ศรีและความเป็นทีมชาติไทย นี่คือโอกาสสุดท้ายในการสร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยในรอบเกือบสองปี!
TAG ที่เกี่ยวข้อง