10 มิถุนายน 2564
รู้ว่าทุกคนกำลังผิดหวัง กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับทัพ “ช้างศึก” หลังจากสองเกมหลังสุด เราสามารถเก็บได้เพียงแค่หนึ่งคะแนน พร้อมกับปิดประตูการผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปอย่างไม่เป็นทางการ
ผมเองก็ไม่ต่างครับ เพราะต้องยอมรับว่าด้วยแนวทางการเตรียมทีม บวกกับแรงสนับสนุนหลังบ้านจากหลายๆ ฝ่าย รวมถึงขุมกำลังที่เรามีทั้ง 42 คนในชุดนี้ต้องยอมรับว่า เราเองน่าจะผ่านเข้าไปอวดฝีเท้าในรอบ 12 ทีมสุดท้ายได้
แต่ในเมื่อทุกอย่างได้เกิดขึ้นไปแล้ว และเราไม่สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ต้องการในสองเกมแรก ฉะนั้นสิ่งต่อไปที่เราต้องโฟกัสก็คือ การลงสนามพบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง มาเลเซีย
แม้อันดับโลกของเราจะดูเหนือกว่าทัพ “เสือเหลือง” อย่างเป็นเอกฉันท์ (อันดับที่ 20 และ 31 ของเอเชีย) หากแต่อย่าลืมว่าทุกครั้งที่เราลงสนามพบกับ มาเลเซีย ไม่เคยมีเกมไหนที่ง่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว
อีกทั้ง มาเลเซีย ทีมนี้แหละที่เป็นฝ่ายยัดเยียดความปราชัยให้กับเราในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบนี้
ย้อนกลับไปครั้งครั้งสุดท้ายที่เราสามารถเอาชนะทัพ “เสือเหลือง” ได้นั้นต้องย้อนกลับไปถึงปี 2014 ที่เราเปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2-0 จากการทำประตูของ ชาริล ชัปปุยส์ และเกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์
หลังจากเกมนั้น เราแพ้ มาเลเซีย 2 จากสี่นัด แถมยังโดนเจาะตาข่ายไปมากถึง 7 ประตูด้วยกัน
ด้วยความเป็น “ศึกแห่งศักดิ์ศรี” บวกกับความสูสีชนิดที่แทบจะมองไม่ออกว่าใครเหนือกว่าใครแบบเด็ดขาด ฉะนั้น สิ่งเดียวที่ผมมองว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการตัดสินว่าใครคือทีมที่คู่ควรกับชัยชนะในเกมนัดนี้ก็คือ “ความมั่นใจ”
“ความมั่นใจ” คือสิ่งสำคัญที่สุดที่นักเตะทีมชาติไทยทุกคนในชุดนี้ จะต้องแบกลงไปในสนาม โดยไม่ที่ต้องสนใจถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และผลงานก่อนหน้านี้
เพราะนี่คือโอกาสที่ดีที่สุด ที่ทุกคนจะได้พิสูจน์ถึงหัวจิตหัวใจอันกล้าหาญว่าเราคือนักสู้ที่พร้อมสู้สุดใจตราบจนเสียงนกหวีดสุดท้ายบนผืนแผ่นดินยูเออี ท่ามกลางความกดดันที่ถาโถมเข้าใส่คุณแทบจะทุกวินาที
เรารู้ว่าภาระหน้าที่ความเป็น “นักเตะทีมชาติไทย” นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนี่คืองานที่ต้องแบกรับความคาดหวังจากแฟนบอลไทยนับล้านชีวิต แต่ในขณะเดียวกัน นี่คือบทบาทที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และเปรียบได้ดั่งฝันของเด็กชายไทยที่ฝันไว้ว่าสักวันหนึ่งจะได้มีโอกาสลงสนามในฐานะ “ผู้เล่นทีมชาติไทย” พร้อมกับตรา “ช้างศึก” บริเวณอกข้างซ้ายเช่นเดียวกัน
ฉะนั้น อีก 90 นาทีที่เหลือใน อัล มัคตูม สเตเดี้ยม จะเป็นสนามสอบสำคัญที่ให้นักเตะ และทีมงานทุกคนได้โชว์คาแรกเตอร์ความเป็นนักสู้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้
อย่างที่ได้เรียนไปว่า มาเลเซีย ไม่ใช่คู่ต่อสู่ที่เราจะเอาชนะพวกเขาได้ง่ายๆ อีกทั้งยังมีโอกาสขยับแต้มมาเท่ากับเรา หรืออาจจะแซงเราได้หากสามารถเอาชนะ เวียดนาม ได้ก่อนจะเจอกับเรา ดังนั้น การลงสนามเพื่อ “ชัยชนะ” จึงเป็นทัศนคิตสำคัญที่ทุกคนในทีมต้องย้ำ และกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอว่า การจบด้วยอันดับสามของกลุ่ม ยังเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่แฟนบอลทุกคนต้องการ
การเสียสามประตูในช่วงท้ายเกมกับ ยูเออี พอจะบอกเราได้เป็นสองมุมก็คือ อย่างแรก พวกเขาสามารถต่อกรกับ ยูเออี ได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มองได้เช่นกันว่า พวกเขาไม่สามารถยันเกมรุกได้ไว้ตลอดทั้งเกม และยังคงมีปัญหากับสมาธิในช่วงท้ายเกม
ถึงเวลาแล้วที่ อากิระ นิชิโนะ จะแสดงให้แฟนบอลชาวไทยได้เห็นว่า ทัพ “ช้างศึก” ของเรานั้นมีดีพอที่จะ “ถลกหนังเสือ” โชว์ให้แฟนบอลทั้งเอเชียได้เห็นเช่นกัน และผมหวังว่าเมื่อถึงวันนั้น ทุกอย่างจะเป็นใจให้เราเดินออกจากสนามในฐานะ “ผู้ชนะ”
วันนี้คงไม่ขออะไรมากมายครับ นอกเหนือไปจาก ขอแค่คนละหนึ่งกำลังใจจากแฟนบอลทุกคน เพื่อให้ทีมชาติไทย ดาหน้าถลกหนังทัพ "เสือเหลือง" เพื่อเป็นการส่งท้ายการลงเล่นในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกหนนี้
จง “มั่นใจ” ที่จะลงไปสู้ เพื่อศักดิ์ศรีคำว่า “ทีมชาติไทย” และศักดิ์ศรี “แฟนบอลไทยทุกคน”
You’ll never walk alone… พวกคุณจะไม่มีวันเดินเดียวดาย เพราะพวกคุณมีกำลังใจจากพวกเราเสมอ
สู้สู้ครับทุกคน
#โปรแกรมการแข่งขันของทีมชาติไทย ในศึก “ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2”
วันที่ 15 มิถุนายน 2564
- ทีมชาติไทย พบ มาเลเซีย เวลา 23.45 น. ณ สนามอัล มัคตูม
TAG ที่เกี่ยวข้อง