stadium

ดัสกร ทองเหลา “ทุกครั้งที่ลงสนาม ผมเป็นนักสู้”

6 มิถุนายน 2564

ดัสกร ทองเหลา “ทุกครั้งที่ลงสนาม ผมเป็นนักสู้”

โดย ช้างศึก x Play Now Thailand
#ChangsuekAttitude

            

ราว 20 กว่าปีก่อน เมื่อ “โก้” ดัสกร ทองเหลา จากบ้านเกิดที่ อ. หนองบัวลำภู จ. อุดรธานี (ปัจจุบันคือ จ. หนองบัวลำภู) เข้ามากรุงเทพฯ เขาตั้งใจมาเรียนหนังสือและหางานทำ ในเวลานั้นโก้คงไม่รู้ว่าต่อไปเขาจะได้เป็นนักฟุตบอลชื่อดัง มีโอกาสเล่นให้กับสโมสรใหญ่และคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ ทั้งก้าวไปติดทีมชาติไทย ยิ่งกว่านั้นเขาคงไม่มีทางรู้ว่า ตนเองจะมีโอกาสได้ลงเล่นในนามทีมชาติถึง 100 นัด ซึ่งเป็นเรื่องที่นักฟุตบอลไม่กี่คนสามารถทำได้

            

เท่าที่ผ่านมามีนักฟุตบอลไทยเพียง 3 คนที่มีสถิติเล่นให้ทีมชาติเกิน 100 นัด และได้รับการรับรองจากฟีฟ่า คือ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (131 นัด) ธชตวัน ศรีปาน (110 นัด) และ ธีรศิลป์ แดงดา (103 นัด) 

            

สำหรับ ดัสกร ทองเหลา สถิติการเล่นให้ทีมชาติของเขาค้างอยู่ที่ 99 นัด ตั้งแต่เกมเอเชียนคัพ รอบคัดเลือก ที่ทีมชาติไทยแพ้โอมาน 2-5 ประตู เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2557 

            

และต้องรอจนกระทั่งวันที่ 8 ตุลาคม 2560 ที่ทีมชาติไทยมีคิวแข่งขันนัดกระชับมิตรกับเคนยา ในเกมฟีฟ่าเดย์ ดัสกรในวัย 33 ปี จึงได้รับโอกาสจากโค้ชทีมชาติไทยขณะนั้น คือ มิโลวาน ราเยวัช ให้หวนกลับมาติดทัพช้างศึก ลงสนามในนามทีมชาตินัดที่ 100 ของตนเอง ซึ่งครั้งนั้นดัสกรเปิดเผยว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติและตื่นเต้นเหมือนกลับมาติดทีมชาติเป็นครั้งแรก

            

อย่างไรก็ตามกว่าที่ฟีฟ่าจะให้การรับรองว่า ดัสกร ทองเหลา เป็นนักเตะรายที่ 4 ของไทยที่ติดทีมชาติเกิน 100 นัด ก็ล่วงเลยมาถึงปีปัจจุบัน (พ.ศ. 2564) ตามที่เป็นข่าวให้แวดวงฟุตบอลไทยร่วมยินดีกับเขาในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

            

“ความจริงผมภูมิใจตั้งแต่ตัวเองมีชื่อเล่นให้ทีมชาตินัดที่ 100 (เกมกับเคนยา) แล้วล่ะ ตอนนั้นเราค้างอยู่ที่ 99 นัด แล้วเราไม่ได้เล่นทีมชาติมานานมาก ต้องขอขอบคุณท่านนายกสมาคมฯ (พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง) และโค้ชมิโลวาน ราเยวัช ที่เห็นความสำคัญ เลยได้รับโอกาสตรงนั้น”

            

“ผมมีความภูมิใจทุกครั้งที่เล่นในนามทีมชาติอยู่แล้ว ยิ่งมีโอกาสเล่นให้ทีมชาติ 100 นัด พอฟีฟ่ารับรอง มันยิ่งทำให้ผมดีใจและภูมิใจมากๆ เพราะเราได้สร้างเกียรติประวัติให้ตัวเองและนามสกุลทองเหลา ทำให้ชื่อเสียงตรงนี้กลายเป็นความทรงจำที่ดีให้กับลูกหลานต่อไป”

            

การที่นักเตะคนใดลงเล่นให้กับทีมชาติถึง 100 นัด ยังมีนัยสำคัญที่บ่งบอกให้รู้ว่า เขาสามารถรักษาคุณภาพฝีเท้าและฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอเป็นเวลายาวนาน

            

ดัสกรเผยเรื่องนี้ว่า “ช่วงที่เรายังเป็นวัยรุ่นก็จะมีโอกาสเล่นให้ทีมชาติเยอะหน่อย คือหลังจากนักเตะรุ่นพี่ทยอยเลิกเล่นกัน เราก็จะเป็นตัวแทนแบบรุ่นต่อรุ่น อีกเรื่องที่สำคัญคือการรักษาสภาพร่างกาย เพราะถ้าเราปล่อยเนื้อปล่อยตัว เราเสพในชื่อเสียงเงินทอง ผมก็คงมาไม่ถึงตรงนี้ แต่ผมจะมีความกระหายในการเล่นตลอด ในเมื่อทีมชาติเรียกใช้ ผมก็อยากจะเล่น อยากรักษาฟอร์มการเล่นไว้ให้ได้นานที่สุด ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกว่า 1. ผมต้องสู้กับตัวเอง 2. ผมต้องสู้กับโซเชียลที่มีบางคนเข้ามาด่ามาว่า เช่น ขี้เก๊ก เป็นเด็กเส้น ต่างๆ นานา ก็ทำให้เรามีแรงบันดาลใจ มีแรงกระตุ้นอยากพิสูจน์ให้แฟนบอลได้เห็นว่าเราทำได้”

            

นับจากแจ้งเกิดในฐานะนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าโดดเด่น จนได้รับฉายา “เด็กระเบิด” กระทั่งก้าวมาเป็นมิดฟิลด์ระดับตำนานอีกคนของเมืองไทย ดัสกรพิสูจน์ให้แฟนบอลได้เห็นถึงคลาสบอลที่ยอดเยี่ยมของเขา โดยเฉพาะการวางบอลยาวที่แม่นยำ การจ่ายบอลทะลุทะลวงที่เฉียบขาด มีทีเด็ดทั้งการยิงไกลและเตะฟรีคิก

            

“โดยส่วนตัวผมชอบ เดวิด เบคแฮม ถึงแม้หน้าตาผมไม่ได้อย่างเขาหรอก... แต่ผมคิดว่าเบคแฮมมีเสน่ห์ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณวางบอลให้เพื่อนยิงประตูได้ หรือคุณเป็นคนจ่ายบอลทะลุช่อง ทำแอสซิสต์ ยิงฟรีคิกเข้าประตู คุณเท่ ซึ่งมันเป็นจุดขายของ เดวิด เบคแฮม ด้วยความที่เราอยากเล่นได้อย่างเขา เราก็พยายามฝึกฝน ผมบอกได้ว่าสมัยก่อนผมซ้อมหนักมาก คือหลังซ้อมทีมตอนเย็น เราจะซ้อมพิเศษคนเดียวทุกวัน เอาหุ่นกำแพงมาตั้ง ซ้อมปั่นฟรีคิกวันละ 30-40 ลูก ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการฝึกซ้อม ถ้าเราทำสม่ำเสมอ ผมว่าใครๆ ก็ทำได้”

            

“เวลาเล่นผมจะชอบคิลเลอร์พาส หรือจ่ายบอลให้เพื่อนยิง อย่างถ้าเมื่อไหร่เล่นกับธีรศิลป์ ผมจะรู้เลยว่าต้องทำอะไร ต้องจ่ายบอลให้น้องแบบไหน ถ้าเราทำแอสซิสต์สวยๆ ผมว่ามันไม่ต่างจากคนที่ยิงประตูได้”

ราเยวัช'ไม่หนีบ'ดัสกร'บุก'พม่า'-รอลงสนามครบ100นัดเกมบู๊'เคนยา'ต่อหน้าแฟนบอล ไทย

            

ตลอดเวลาที่ผ่านมา คงไม่มีใครปฏิเสธระดับฝีเท้ายอดเยี่ยมของเขา หรือมันสมองในการคุมเกมแดนกลาง แต่อีกด้านหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ดัสกรเป็นนักเตะที่มีทั้งคนรักและคนเกลียด วัดจากกระแสวิจารณ์เขาในเรื่องที่บางครั้งเล่นแรงแบบถึงลูกถึงคน ขณะที่ดัสกรอธิบายว่า เบื้องหลังการเล่นที่อาจไม่สบอารมณ์คนอื่น มันมาจากแรงขับของความกระหายชัยชนะ และความเป็นนักสู้ในตัวเขา

            

“ผมจะบอกตลอดว่า ผมเป็นคนที่กระหายในชัยชนะ เป็นคนที่ยอมแพ้ไม่ได้ เวลาเล่นผมจะเต็มที่ตลอด โอเคล่ะ บางจังหวะมันอาจจะแรงจริง ด้วยความที่อยู่ในสนามเราต้องแข่งขันกัน เราต้องสู้เพื่อผลงานของสโมสร เพื่อให้คนเห็นความสามารถ เพื่ออนาคตในการติดทีมชาติ เราก็ต้องมุ่งมั่นและเต็มที่ตลอดเวลา”

            

“แต่เป็นเรื่องปรกตินะครับ ผมเชื่อว่านักฟุตบอลรู้ดีว่าเวลาลงเล่น มันต้องแข่งกันจริงๆ ถ้าคุณไม่แข็งแรง ถ้าคุณลงไปแล้วเหยาะแหยะ คุณมีโอกาสเจ็บสูง หรือเมื่อไรทีมคุณแพ้ แต่คุณไม่สู้ก็โดนด่าอยู่ดี ให้เลือกว่าจะเอาแบบไหน ไม่สู้แล้วแพ้ หรือสู้แล้วแพ้ดีกว่า คือทุกครั้งที่ลงสนาม ผมเป็นนักสู้ ทำยังไงก็ได้ให้ทีมชนะ ต่อให้เขาจะด่าว่าเราเกเร ว่าเราแอ็ก หรือพุ่งล้มบ้าง แต่สุดท้ายฟุตบอลมันไม่ได้สวยงามตลอด ในเกมเกมหนึ่งมันมีอะไรตั้งหลายอย่าง แต่สุดท้ายทีมชนะ แฟนบอลมีความสุข แมตช์หน้าเข้ามาดูเต็มสนาม สโมสรอยู่ได้ ผมว่าโอเคกว่า”

            

ข่าวคราวล่าสุดของ ดัสกร ทองเหลา ในวัย 37 ปี เขาเพิ่งย้ายจากต้นสังกัดเดิม อยุธยา ยูไนเต็ด ในไทยลีก 2 ไปเล่นให้กับ อุทัยธานี เอฟซี ในไทยลีก 3 หากเทียบกับนักฟุตบอลรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนใหญ่คงแขวนสตั๊ดกันไปแล้ว ขณะที่ดัสกรยังโลดแล่นบนเส้นทางลูกหนัง เขาบอกว่าเพราะยังมีความสุขกับการเล่นฟุตบอล

            

“ตอนนี้ผมยังรู้สึกว่า เมื่อไหร่ที่ผมเล่นฟุตบอล ทุกครั้งที่ผมได้สัมผัสลูกฟุตบอล ผมมีความสุข ผมยังสนุกกับมัน ยังอยากทำให้ทุกคนเห็นว่า ผมสามารถทำได้ในอายุขนาดนี้ ก็เลยทำให้ผมตั้งใจดูแลตัวเองให้มากกว่าคนอื่น รักษาสภาพร่างกาย รักษาความสามารถของตัวเอง พยายามซ้อมหนักกว่าคนอื่น เพื่อที่จะทำให้เราอยู่กับวงการฟุตบอลได้นานๆ”

            

ด้วยอายุเพิ่มมากขึ้นอาจทำให้ดัสกรห่างหายจากการสวมชุดทีมชาติไทย นับจากการลงเล่นเกมนัดที่ 100 ของตนเองเมื่อปี 60 แต่เขาบอกว่ายังคงติดตามผลงานและเอาใจช่วยทัพช้างศึกรุ่นน้องอยู่เสมอ

            

ฟุตบอลของโค้ชนิชิโนะจะเป็นสไตล์แบบญี่ปุ่น เน้นการ Passing อย่างยุคผมก็จะเป็นบอลอีกแบบ แต่ก็ไม่ต่างอะไรกันมากนะครับ อยู่ที่ว่าผลงานจะออกมาดีแค่ไหน ผมเชื่อว่านักฟุตบอลทีมชาติที่ขึ้นมาใหม่ ทุกคนมีความสามารถ มองตาก็รู้ใจกันอยู่แล้ว ต่อให้เขาไม่ได้เก็บตัวร่วมกันนาน ผมว่าก็ไม่ใช่ปัญหา เวลาแข่งขันในนามทีมชาติ ทุกคนมีเป้าหมายเดียวคือลงไปเล่นเต็มที่ เก็บชัยชนะให้เยอะที่สุด แพ้ไม่ได้ เล่นเพื่อชาติ เพื่อชื่อเสียงของตัวเอง สิ่งสำคัญคือเล่นเพื่อแฟนบอลคนไทย”

            

การพูดคุยกับ ดัสกร ทองเหลา ครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ทีมชาติไทยบินลัดฟ้าไปประเทศยูเออี เพื่อทำศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 ระหว่างวันที่ 3-15 มิถุนายน 64 ถึงแม้สถานการณ์บางอย่างอาจดูติดขัด ผลการแข่งขันนัดแรกกับอินโดนีเซียก็ดูจะไม่เป็นใจ

            

อย่างไรก็ตามเมื่อยังอยู่ในเส้นทางการต่อสู้นัดชี้ชะตา สิ่งที่ดัสกรมักพูดถึงเสมอและพิสูจน์ให้เห็นมาแล้วอย่าง เลือดนักสู้ และ ความกระหายชัยชนะ ก็อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้ทัพช้างศึกรุ่นใหม่ไปสู่ความสำเร็จในวันนี้หรือวันข้างหน้า


TAG ที่เกี่ยวข้อง

stadium

author

Play Now Thailand

Play Now Content Creator

โฆษณา