stadium

เราเห็นอะไรในเกมบุรีรัมย์บุกรังอินทรีแดง ?

29 มกราคม 2563

3-0 พูลสวัสดิ์ คือสกอร์ที่เกิดขึ้นที่หยวนเซิน สเตเดี้ยมในนครเซี่ยงไฮ้ในเกมเพลย์ออฟรอบสุดท้ายเพื่อตีตั๋วเขยิบก้นเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มรอบต่อไปในรายการชิงแชมป์สโมสรทวีป

 

“ก็ไม่เห็นจะแปลก” คงจะเป็นคำอุทานที่ออกจากปากแฟนบอลชาวไทยหลายคน เพราะถ้าว่ากันด้วยเรื่องชื่อชั้น, เกรดตัวผู้เล่น และจากสถิติที่ผ่านๆมาในรอบที่ว่าของทีมจากไทย มันก็พอจะเชื่อได้ว่าโอกาสที่จะมีเซอร์ไพรส์คงจะเป็นไปได้ยาก! (นับตั้งแต่ทีมจากไทยได้โควต้า 1 บวก 2 ตั้งแต่ปี 2014 ยังไม่เคยมีทีมไหนที่สามารถทะลุผ่านด่านอรหันต์นี้ไปได้เลยซักทีม)

 

เพียงแต่ใครจะไปรู้ล่ะว่ากว่าที่สกอร์มันจะออกมาขาดขนาดนี้ ทีมจากเซี่ยงไฮ้ต้อง “น้ำลายเหนียวคอ” และโหมบุกอย่างหนักจนถึงนาทีที่ 77 นู่น และบุรีรัมย์เองแม้ด้านภาษีจะดูด้อยกว่าแต่โดยรวมพลพรรคปราสาทสายฟ้าก็สู้ได้สนุกชนิด “มีหือมีอือ” อยู่บ้างเหมือนกัน

ปัจจัยที่ทำให้เกมนี้มีผลแพ้-ชนะขาดลอยถึง 3 ลูกสำหรับผมน่าจะมาจากองค์ประกอบหลักๆ 1-2 ข้อ

 

 

ข้อแรก คือ เกรดผู้เล่นโดยเฉพาะตัวต่างชาติที่เทียบกันไม่ได้

ของจีนมีแนวรุกสามประสานดีกรีจากสโมสรใหญ่ในยุโรปและเป็นตัวทีมชาติทั้งนั้น ในขณะที่ของไทยแม้จะมาจากบราซิลและอาร์เจนติน่า แต่ประสบการ์ณที่ผ่านมาของตัวต่างชาติรายใหม่ก็เล่นอยู่ในแถบอเมริกาใต้เสียส่วนใหญ่

การประสานงานกันในตัวผู้เล่นตัวรุกโดยเฉพาะตัวต่างชาติอย่างแบร์นาโต้ คูเอสต้า กองหน้าชาวอาเจนไตน์และริคาร์โด บูเอโน่ ศูนย์หน้าแซมบ้ายังทำออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ (ต่างคนต่างเล่น และยังจูนกับนักเตะไทยไม่ค่อยได้)

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกองกลางจากเกาหลีใต้อย่างจอง แจ ยอง ถือเป็นอีกหนึ่งรายที่ยังช่วยทีมได้ไม่มากในเกมนี้ เห็นได้ในหลายครั้งที่เจ้าตัวหายไปจากจอภาพ, ลงมาตัดเกมไม่ทัน และสลัดไม่หลุดจากตัวประกบของเจ้าบ้าน

และเมื่อแดนกลางกับหน้าของเราเริ่มเก็บบอลกันไม่ได้ มันก็เป็นที่มาของการโดนกดอยู่ตลอด และกลายเป็นบุรีรัมย์เองต้องไปเล่นด้วยลูกสาดยาวแล้วไปเดิมพันกับการวิ่งเปี้ยวของกองหน้าแทน (ซึ่งไม่ได้ผลเพราะแผงหลังของอินทรีแดงวันนี้ที่โค้ชวิคเตอร์ เปย์เรร่าเลือกลง แต่ละคนสูงไม่ต่ำกว่าเมตร 80)

ยิ่งถ้าพูดถึงด้านประสบการ์ณระหว่างนักเตะไทยกับจีนแล้ว ของเขาดูจะเล่นได้เยือกเย็นกว่า เห็นได้จากการออกบอลในหลายๆจังหวะ ดูสมูทและเพื่อนร่วมทีมเอามาเล่นต่อได้ง่าย (ผิดกับนักเตะไทยที่ดูจะตื่นเต้นและออกบอลโฉ่งฉ่างจนเป็นที่มาของการเสียบอลง่าย และไม่ได้พาบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายตามที่ต้องการ)

 

 

ข้อที่สอง คือ ระบบการเล่นเพลย์ออฟของเอเอฟซีดูจะเอื้อให้ทีมใหญ่มากไป

ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าหากเกมเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ถ้ามันจะมีสูตรการคัดเลือกแบบเดียวกับบอลถ้วยของยุโรปบ้างล่ะ อะไรมันจะเกิดขึ้น!?

หากในรอบเพลย์ออฟมีการเล่นแบบเหย้า-เยือน (เหมือนในยูซีแอล) บางทีวันนี้บุรีรัมย์อาจเลือกที่จะเล่นให้เหนียวแน่นไว้ก่อนและอาจพอใจที่ผลเสมอหรือการแพ้น้อยๆกลับออกไป แล้วไปว่ากันใหม่ที่ช้าง อารีน่าก็เป็นได้(เผลอๆดีไม่ดี จากแพ้ 3-0 อาจจะเหลือแค่ 1-0 หรือ 2-1 ด้วยซ้ำ เพราะมันไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งเพื่อเอาประตูคืนให้ได้ทันที และหลังคงไม่ต้องดันสูง นักเตะเองก็คงไม่ลนลานแบบนี้)

ระบบที่ให้ทีมใหญ่ได้รอเตะในบ้านท่ามกลางสภาพภูมิอากาศของตัวเอง, ท่ามกลางจำนวนแฟนบอลทีมตัวเองที่มีมากกว่า, ท่ามกลางความคุ้นเคยสนาม แถมยังเป็นบอลนัดเดียวแบบน็อคเอ้าท์ดูจะเป็นเรื่องที่ “แปลก” และเหมือนเป็นแต้มต่อให้ทีมเหล่านี้อยู่เหมือนกัน (เพราะนับตั้งแต่ที่เอเอฟซีเล่นจัดสูตรการคัดเลือกแบบนี้ออกมา ผลการแข่งขันส่วนใหญ่ก็ดูจะเป็นใจให้แต่ทีมเจ้าบ้าน)

 

“ไม่เป็นไร” เพราะบนความพ่ายแพ้ก็ยังมีเรื่องที่ดีอยู่เหมือนกัน เพราะบุรีรัมย์เองก็คงจะได้ประสบการ์ณอันล้ำค่าจากเกมนี้กลับบ้าน และนั่นจะเป็นที่มาของ “แรงขับ” และการออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ที่พวกเขาจะมี “ค่าความกระหาย” มากกว่าทุกๆครั้ง (มุ่งเป้าโฟกัสเฉพาะถ้วยในไทย)

แล้วมาดูกันว่าปีนี้จะเป็นปีของสาวกเซราะกราวมั้ย ? อีก 2 อาทิตย์ได้เห็นเค้าโครง

 

 

 

 


stadium

author

“akinson149” พงศ์รัตน์ วินัยวัฒนวงศ์

Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย

La Vie en Rose