stadium

โปรแกรมอุ่นเครื่องของเพื่อนร่วมกลุ่มกำลังจะบอกอะไรไทย ?

22 เมษายน 2564

โปรแกรมอุ่นเครื่องของเพื่อนร่วมกลุ่มกำลังจะบอกอะไรไทย ?
#ช้างศึกริงไซด์ by akinson149

        

เวียดนามคือชาติล่าสุดที่ประกาศรายชื่อนักเตะจำนวนมากถึง 50 คนพร้อมๆกับการประกาศคิวลับแข้งก่อนเข้าสู่โปรแกรมชิงตั๋วเข้ารอบคัดบอลโลกที่กำลังจะมาถึง และจอร์แดนคือคู่ต่อสู้ที่เขาเลือกเพียงทีมเดียวเท่านั้นในเกมลับแข้งที่ว่า 

                

ในขณะที่มาเลเซียเองที่เดิมทีกางแผนจะบินเข้ายูเออีเสียแต่เนิ่นๆเพื่อให้นักเตะปรับตัวเข้าสู่สภาพแวดล้อมในดินแดนอาหรับ ในขณะที่ก็มีญี่ปุ่นติดต่อเข้ามาเพื่อขอคิวขอลับแข้งด้วยกลับต้องพับแผนดังกล่าวทั้งหมดและยอมแวะตั้งแคมป์ที่บาห์เรนเพื่ออุ่นเครื่องกับสองชาติจากตะวันออกกกลางอย่างคูเวตและบาห์เรน

                

แม้แต่อินโดฯที่ตกรอบไปแล้วนายใหญ่ชาวเกาหลีใต้อย่างชิน แท ยอง ก็ยังกาเกมอุ่นเครื่องโดยมีโอมานเป็นหนึ่งในชาติที่ขอลับแข้งด้วยเหมือนกัน มันจึงเกิดคำถามที่ว่าอะไรทำให้เกิดปรากฎการณ์สี่ชาติจากอาเซียนพร้อมใจกันอุ่นเครื่องกับชาติในอาหรับ? หรือนี่จะเป็นอุปทานหมู่? หรือยูเออีจะเป็นคู่ต่อสู้หมายเลข 1 ที่พวกเขาอยากจะโฟกัส?

                

ผมคิดว่าคำตอบของชุดคำถามในข้างต้นแม้จะพูดไม่ได้อย่างเต็มปากว่า “ใช่” แต่มันก็ดูเหมือนคล้ายว่าจะเป็นแบบนั้น!

ตัน เชง โฮ กุนซือทัพเสือเหลือง มาเลเซีย

                

เพราะหากถอดจากบทสัมภาษณ์ที่ผ่านๆมาของนายใหญ่ทีมชาติมาเลเซียอย่างตัน เชง โฮ ที่มักให้ความสำคัญกับเกมที่พวกเขาจะต้องเล่นกับยูเออีเจ้าบ้าน ทั้งการแสดงทรรศนะที่พูดถึงความเสียเปรียบของทีมตัวเองเมื่อต้องเล่นที่ตะวันออกกลางและโอกาสการเข้ารอบต่อไปที่ยูเออีมีภาษีดีกว่าใครเพื่อนก็พอจะอนุมานไปได้ว่ามาเลเซียเองกำลังอยู่ในอาการวิตก และการชิงตั๋วเข้ารอบต่อไปพวกเขาให้น้ำหนักกับการเผชิญหน้ายูเออีเจ้าบ้านเป็นไพออริตี้ใหญ่

                

เฉกเช่นเดียวกับไทยที่บรรดาเกจิอาจารย์หลายสำนักต่างเห็นตรงกันว่าเกมกับยูเออีนี่แหละสำคัญ เพราะหากเราไม่มีแต้มในเกมนั้นอาจเท่ากับต้องไปว่ากันใหม่ในอีกสี่ปีข้างหน้า 

                

แม้แต่เวียดนามที่ดูจะได้เปรียบใครๆในฐานะจ่าฝูงกลุ่มจีที่ขออีกเพียงสี่แต้มจากสามนัดที่เหลือก็เพียงพอให้พวกเขาได้ไปต่อยังขออุ่นเครื่องกับจอร์แดนไว้ในเคสที่ว่า “กันเหนียว” เพราะเกิดผลการแข่งขันกับอินโดฯและมาเลย์เกิดดวงแตกออกมาแบบไม่เป็นใจ หรือเพื่อนร่วมกลุ่มอย่างไทยและมาเลย์ใครคนใดคนหนึ่งเกิดผีเข้าทำแต้มขึ้นมาทาบ เกมสุดท้ายกับยูเออีอาจเป็นตัวชี้วัดความเป็นความตายก็อาจจะเป็นไปได้

                

และที่ผมบอกว่ามันพูดได้ไม่ค่อยเต็มปาก (ว่าทีมจากอาเชียนในกลุ่มจีอาจกำลังวิตกกับเกมเจอยูเออี) จนเป็นที่มาให้ต้องหาทีมจากตะวันออกกลางมาอุ่นเครื่อง นั่นเพราะหากพิจารณากันให้ดีบางทีตัวเลือกในคู่แข่งที่จะมาอุ่นเครื่องด้วยกับบรรดาหลายๆชาติหนนี้มันก็ค่อนข้างจะจำกัดเพราะทุกทีมในกลุ่มนี้ต้องเตะคัดบอลโลกที่ยูเออีและหลายทีมในกลุ่มอื่นอีกเช่นกันที่มีชะตากรรมไม่ต่างกับทีมในกลุ่มนี้ ดังนั้นการหาทีมมาลับแข้งหวยมันก็เลยไปตกที่ทีมจากตะวันออกกลางเสียส่วนใหญ่

                

แต่ก็ไม่เถียงว่าการเล่นที่ยูเออีโดยที่สถานการณ์เจ้าบ้าน “อยากได้แต้ม” ขนาดนี้ มันก็เป็นอะไรที่ทุกทีมก็ต้องหนาวๆร้อนๆอยู่เหมือนกัน เพราะนอกจากเรื่องของสภาพภูมิอากาศ, อาหารการกิน, อุณหภูมิในสนาม และกองเชียร์เจ้าบ้าน คู่แข่งอย่างยูเออีเองดูจะมีการเตรียมการกับภารกิจ “ปิดประตูตีแมว” ในหนนี้อย่างมาก และนั่นคือสาเหตุที่ทีมต่างๆจากอาเซียนต่างสัมผัสได้ถึง “รังสีฆ่าฟัน”

ชิน แท ยอง กุนซืออินโดนีเซีย ที่คันไม้คันมืออยากแสดงศักยภาพแม้ตกรอบแล้ว

                

“มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับเราในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป แต่ผมอยากจะแสดงให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าทีมอินโดนีเซียทีมนี้เปลี่ยนไปอย่างไรในสามเกมที่เหลืออยู่หลังจากนี้ และนักเตะอินโดนีเซียจำเป็นต้องเรียนรู้กับการเผชิญหน้ากับทีมที่แข็งแกร่งกว่าเพื่อเติบโตในวันข้างหน้า” ประโยคของโค้ชชิน แท ยองที่ให้ไว้ในครั้งที่เจ้าตัวเดินทางกลับเกาหลีใต้หลังตรวจพบว่าตนเองติดโควิด-19

                

จริงอยู่ที่ว่าการลงเล่นที่ตะวันออกกลางกับทีมที่กำลังกระหายแต้มอย่างยูเออีเป็นอะไรที่ไม่ง่าย และก็จริงอีกเช่นกันว่านั่นอาจเป็นอะไรที่หลายฝ่ายต้องตื่นตัวเข้าไว้

                

แต่สำหรับเราเกมที่มีความสำคัญที่สุดและผมเห็นว่ามันอาจเป็นตัวกำหนด “ความเป็นความตาย” มันคือเกมแรกกับบอลเปลี่ยนโค้ชอย่างอินโดฯต่างหาก เพราะถ้าหากเราไม่ได้สามแต้มในเกมนั้นมันก็อาจจะเรียบร้อยช้อยเก็บฉากไปเลยก็ได้

                

ยูเออีอาจกำลังยิ้มมุมปากและวาดฝันถึงภารกิจ “ปิดประตูตีแมว” ในขณะที่บรรดาทีมจากอาเซียนอาจกำลังตื่นตระหนกและกำลังหมกมุ่นอยู่กับการหนีบทบาท “แมวตัวนั้น” 

                

แต่สำหรับไทย “เตรียมทีมให้ดีและโฟกัสไปที่ทีละนัดดีกว่า” และสำคัญที่สุดแบบสำคัญมากๆคือ “เราต้องไม่กลัว!” เพราะความกลัวทำให้เสื่อม จงเชื่อมั่นว่าเราสู้เขาได้และจงมั่นใจกับโค้ช, ทีมงานและเพื่อนร่วมทีมทุกคน 

                

“จะใครก็มา ที่ไหนก็ได้!” เพราะนักเตะไทยจะร่วมกันสร้างรอยยิ้มให้คนไทยด้วยฟุตบอล หลังจากที่โควิด-19 ได้พรากรอยยิ้มนั้นไปจากเรานานแสนนานถึงเกือบสองปี.. 

อากิระ นิชิโนะ กับภารกิจสุดหินที่สำคัญที่สุดของทัพช้างศึก

stadium

author

akinson149

Moderator เพจ thailandsusu (Section: บทความ-แปลข่าวบอลไทย) และคอลัมนิสต์ฟุตบอลไทย 

โฆษณา