stadium

อัจฉราพร คงยศ : อนาคต ความฝัน และความหวังของวงการวอลเลย์บอลสาวไทย

8 พฤษภาคม 2564

ถึงเวลาของการผลัดใบแล้วจริง ๆ สำหรับวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ซึ่งชื่อของ อัจฉราพร คงยศ มักจะถูกเอ่ยมากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อเจอคำถามว่าใครจะเป็นเสาหลักของทีมชุดต่อไปในวันที่ไร้ 5 เซียนแล้ว


ความโดดเด่นของเธอในสมัยเยาวชนเคยถูกยกให้เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง เพราะด้วยความหนัก ความแม่นในการเล่นหัวเสา ทำให้เธอถูกหลายสโมสรในลีกยุโรปจับตามอง อยากได้ตัวไปร่วมทีม


ก่อนจะลงเอยกับ ซาริเยร์ เบลิเยดิซี่ ทีมในลีกดิวิชั่น 1 ในลีกตุรกี เป็นที่เรียบร้อย นี่คือโอกาสครั้งสำคัญสำหรับหัวเสาคนสำคัญที่จะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในลีกที่แข็งแกร่งเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก เพื่อต่อยอดความสามารถมาช่วยประคองทีมชุดใหม่ไปให้ถึงเป้าหมายสำคัญคือโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

 

 

เก็บกระเป๋าตามหาฝัน

 

อาจารย์ทวีพร ทิพย์พิริยพงศ์ คือ "ครูคนเเรก" ที่มีส่วนสำคัญในการสร้าง อัจฉราพร คงยศ ขึ้นมาเป็นดาวเด่นประดับวงการวอลเลย์บอลเมืองไทย เพราะย้อนกลับไปสมัยเด็ก อ.ทวีพร ที่รู้จักกับครอบครัวของ "เพียว" อยู่ก่อนเเล้ว ได้เป็นคนชักชวนให้ เจ้าตัว ไปเข้าเรียนที่ โรงเรียนชุมชนวัดปัณณาราม จ.นครศรีธรรมราช เเละเล่นวอลเลย์บอลให้กับทีมของโรงเรียน เพราะด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างสูงน่าจะพัฒนาฝีมือเเละกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมได้อย่างแน่นอน ..... เเละนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ "เพียว" ต้องเดินทางออกจากบ้านตั้งเเต่อายุยังน้อย

 

ความจริงเเล้ว โรงเรียนชุมชนวัดปัณณาราม อาจจะไม่ใช่ที่สุดของโซนใต้ เเต่ว่าฟอร์มการเล่นของ อัจฉราพร ถือว่าร้อนเเรงจนได้รับความสนใจจากใครต่อใครหลายคน โดยเวทีเเจ้งเกิดของ "เพียว" อย่างเต็มตัวคือรายการ "มินิวอลเลย์บอลวิทยุการบิน" เเม้ว่าในรอบชิงเเชมป์ภาค โรงเรียนชุมชนวัดปัณณาราม จะพลาดท่าพ่ายต่อ โรงเรียนบ้านขอนหาด เเต่ว่าสุดท้าย "เพียว" ก็ได้รับโอกาสจาก อาจารย์สมยศ พงศาปาน เรียกตัวมาช่วยทีม โรงเรียนบ้านขอนหาด ในรอบชิงเเชมป์ประเทศ ที่กรุงเทพมหานคร ฯ

 

 

 

ก้าวต่อไปในเมืองหลวง

 

จากฟอร์มการเล่นเเละผลงานอันยอดเยี่ยมของ อัจฉราพร ในสมัยลงเเข่งขันระดับประถมศึกษา ส่งผลให้เเมวมองจากโรงเรียนมัธยมทั่วทุกสารทิศต่างจับจ้องที่จะดึงตัวไปร่วมทีม เเต่ว่าสุดท้าย "เพียว" เลือกที่จะเดินตามความฝันต่อกับ ทีมโรงเรียนบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนีย์) ภายใต้การดูเเลของ อ.นิพน แจ่มเเจ้ง 

 

การย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนบดินทร์เดชา ถือว่าเป็นอีกจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของ "เพียว" เพราะว่าในช่วงที่ อ.นิพน แจ่มเเจ้ง เป็นหนึ่งในทีมงานผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เจ้าตัว มีโอกาสได้ไปฝึกซ้อมร่วมกับรุ่นพี่ทีมชาติบ่อยครั้ง ซึ่งถือเป็นประสบการณ์สำคัญที่ไม่สามารถหาได้ง่ายๆ

 

ส่วนผลงานของ อัจฉราพร ในช่วงที่ลงสนามรับใช้ โรงเรียนบดินทร์เดชา ก็ถือว่าน่าประทับใจเป็นอย่างมาก "เพียว" ประสบความสำเร็จเเละคว้าเเชมป์มาครองมากมาย โดยเฉพาะรายการใหญ่อย่าง วอลเลย์บอลเยาวชน กฟภ. (PEA) อายุไม่เกิน 18 ปี เเละ วอลเลย์บอลเยาวชนหญิง ซีเล็ค ทูน่า รวมทั้งยังกลายเป็น "ดาวรุ่งพุ่งเเรง" ที่โดดเด่นมากที่สุดในรุ่น

 

อ.นิพน แจ่มแจ้ง หนึ่งในผู้ขัดเกลา อัจฉราพร จนกลายเป็น “เพชรเม็ดงาม” ประดับวงการลูกยางเมืองไทย กล่าวว่า “ย้อนกลับไปสมัยที่ อัจฉราพร ลงเล่นวอลเลย์บอลในระดับประถมศึกษา หลาย ๆ คนเชื่อว่า เพียว จะก้าวขึ้นมาเป็นนักวอลเลย์บอลระดับแนวหน้าของเมืองไทย เพราะว่าฟอร์มการเล่นโดดเด่นมากในยุคนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือ เพียว มีความอดทนและความพยายามอย่างเต็มที่ จนกลายเป็นผู้เล่นที่ทุกคนให้การยอมรับอยู่ในเวลานี้”

 

 

 

เจ้าของฉายา "ดาวรุ่งอัจฉริยะ"

 

อัจฉราพร เริ่มติดธงรับใช้ทีมชาติครั้งเเรกในช่วงที่เรียนชั้น ม.3 (ปี 2010) โดยปีนั้น เจ้าตัว เดินทางไปแข่งขันรายการ "ยุวชนหญิงชิงเเชมป์เอเชีย" ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจบทัวร์นาเมนท์เป็นอันดับที่ 3 ต่อด้วยรายการ "เยาวชนหญิงชิงเเชมป์เอเชีย" ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งจบทัวร์นาเมนท์เป็นอันดับที่ 4 

 

จนกระทั่งปี 2012 สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลฯ ได้ตัดสินใจเรียกตัว อัจฉราพร ติดธงรับใช้ "ทีมชาติไทยชุดใหญ่" เป็นครั้งเเรก ในขณะที่ เจ้าตัว มีอายุเพียงเเค่ 17 ปีเท่านั้น เเต่ว่าอายุไม่มีปัญหาต่อผลงานเเละฟอร์มการเล่นเเต่อย่างใด เพราะว่าในทุกๆเกมที่ "เพียว" ได้รับโอกาสลงสนาม เจ้าตัว สามารถเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมเเละได้รับการยกย่องว่าเป็น "ดาวรุ่งอัจฉริยะ" แห่งวงการลูกยางเมืองไทย

 

วันเวลาผ่านไป อัจฉราพร ก็เติบโตเเละเเข็งเเกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยเป็นตัวสำรองนั่งรอโอกาสจากพี่ ๆ อยู่ข้างสนาม "เพียว" ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวจริงได้สำเร็จ เเละกลายเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของ "ทีมชาติไทยชุดใหญ่" มาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจะว่าไปแล้ว เจ้าตัว น่าจะเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของเมืองไทย

 

ไม่เพียงแค่การลงเล่นในระดับชาติเท่านั้น อัจฉราพร คือผู้เล่นคนสำคัญที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับ สโมสรสุพรีมฯ เพราะว่า เจ้าตัว คือกำลังสำคัญที่ช่วย “โลมาสีชมพู” คว้าแชมป์มาครองในทุกๆรายการ ไล่ตั้งแต่ ไทยแลนด์ลีก, ซูเปอร์ลีก และ สโมสรเอเชีย

 

 

"ลีกยุโรป" ความฝันที่เป็นจริง

 

อัจฉราพร เปรียบเหมือนกับสัญลักษณ์ของ สโมสรสุพรีมฯ พาทีมประสบความสำเร็จมากมาย คว้าแชมป์ไทยแลนด์ลีก 3 สมัย (2016-17, 2017-18, 2020) , แชมป์ซูเปอร์ลีก 3 สมัย (2017, 2018, 2019) และแชมป์สโมสรเอเชีย 2 สมัย (2017, 2018) และนับตั้งเเต่ที่ลงสนามรับใช้ "โลมาสีชมพู" ครั้งเเรก "เพียว" ก็ไม่เคยย้ายออกจากทีมไปไหนเลย จะมีก็เพียงเเค่การยืมตัวไปเล่นใน "ลีกอินโดนีเซีย" ฤดูกาล 2018-19 เป็นการชั่วคราวเท่านั้น 

 

ความจริงเเล้ว เจ้าตัว ฝันมาโดยตลอดว่าอยากจะย้ายไปเล่น "ลีกยุโรป" สักครั้งในชีวิต และเคยเกือบได้ย้ายไปเล่นใน "ลีกยุโรป" ตามที่ฝันเอาไว้เเล้ว 2 ครั้ง 2 ครา แต่ก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นเลยสักครั้ง ใกล้เคียงที่สุดก็คือก่อนเปิดฤดูกาล 2020-2021 อัจฉราพร ได้รับข้อเสนออย่างเป็นทางการจาก ลีกตุรกี เเละ ลีกอิตาลี ก่อนที่สุดท้าย เจ้าตัว จะตัดสินใจเลือกไปเล่นใน ลีกอิตาลี เเละมีการตกลงรายละเอียดส่วนตัวกันเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว แต่ว่าสุดท้ายทีมดังกล่าวขอยกเลิกการเซ็นสัญญากับ อัจฉราพร แบบกะทันหัน เนื่องจากเซตเตอร์ตัวหลักไม่พร้อมที่จะลงเล่นในฤดูกาลใหม่ จึงต้องเปลี่ยนจากการคว้าตัว "เพียว" ไปหามือเซตคนใหม่มาเเทน

 

แต่สำหรับคนมีฝีมือโอกาสก็มักจะเข้ามาอยู่เสมอ หลังจากที่ซีซั่น 2020-2021 อันยาวนานได้จบลงไปไม่นาน และในที่สุดความยอดเยี่ยมของเพียวก็ทำให้เธอรับโอกาสครั้งสำคัญในการเติบเต็มความฝันในลีกตุรกีกับสโมสร ซาริเยร์ เบลิเยดิซี่

 

เส้นทางสายวอลเลย์บอลของ อัจฉราพร คงยศ ยังคงเหลืออีกยาวไกล ซึ่งในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา "เพียว" สร้างความสุขเเละรอยยิ้มให้กับ "เเฟนลูกยางชาวไทย" มาอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตข้างหน้าทุก ๆ คนก็หวังจะเห็นเธอมีความสุขและรอยยิ้มเช่นกัน


stadium

author

Plug

StadiumTH Content Creator

La Vie en Rose