20 เมษายน 2564
ผมเป็นคนนึงที่รู้สึกชื่นชมกับการตัดสินใจถอนตัวจากภารกิจชิงตั๋วบอลโลกของ "มุ้ย" เพราะ “เมื่อไม่ฟิตก็ไม่ฝืน” นั่นแหละคือเหตุผลที่กระชับและชัดเจนที่สุดสำหรับเขา
ทีนี้มาพูดถึงผลกระทบเมื่อไม่มี"มุ้ย"อยู่ในทัพช้างศึกที่จะลุยสามนัดที่ยูเออีกันบ้างว่ามันจะมีผลกับการลุ้นเข้ารอบของทีมชาติไทยมากน้อยแค่ไหน? และกองเชียร์ชาวไทยจำเป็นมั้ยที่ต้องตื่นตระหนก?
“มีบ้างแต่ไม่น่ามีผล” ยอมรับตามตรงว่าในเวลาแบบนี้ที่สถานการณ์การลุ้นเข้ารอบของเรา มันจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้ 9 แต้มเต็มเพื่อการันตีการเข้ารอบแบบ “ชัวร์ๆ” โดยไม่ต้องยืมจมูกชาวบ้านเขาหายใจ และการมี "มุ้ย" ยืนค้ำในตำแหน่งขาประจำในสนามนั้น ยังเป็นอะไรที่ยังเชื่อขนมได้ เพราะอย่างที่รู้กันว่ากีฬาฟุตบอลผลแพ้-ชนะมันวัดจากการที่ว่าใครจะยิงได้มากกว่า แต่ก็นะ!..มันก็ไม่ได้ฟันธงแบบลงอักขระหนิว่าจำเป็นต้องใช้แต่ศูนย์หน้าในการเข้าทำ
มีให้เห็นมาแล้วในช่วงแรกๆที่อาจารย์นิชิโนะเข้ามากุมบังเหียนช้างศึกลงเล่นในคัดบอลโลกหนนี้ ที่ในตอนนั้นปัญหาขาดแคลนศูนย์หน้าคือสิ่งที่เราต้องเผชิญอยู่ในตอนนั้น และสุดท้ายเราก็ได้ Flase-9 มาแก้ปัญหาซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ผลลัพธ์ในเชิงรูปธรรมจากเกมกับเวียดนามและอาจยังใช้ประเมินอะไรไม่ได้มากกับคู่แข่งที่มีแรงกิ้งต่ำกว่าเราถึงกว่า 70 อันดับอย่างอินโดฯ แต่นั่นก็พอจะทำให้เห็นได้ว่าปัญหาการขาดศูนย์หน้าของไทยยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่แบบที่เราจะแก้ไขอะไรไม่ได้แบบเข้าตาจนเสียหยั่งงั้น
ทีมชาติไทยยังมีทีเด็ดจากแผงกองกลางที่แข็งแกร่ง และถ้าผมจะอ่านใจอาจารย์นิชิโนะนะ..ผมว่าเขาน่าจะมีแผนรองรับอยู่แล้วในหัว เพราะอย่างที่รู้กันว่าเกมกับอินโดฯที่เดิมทีเราก็จะไม่มี"มุ้ย"อยู่แล้วในเกมดังกล่าวเพราะเขาติดโทษแบนจากผลของการสะสมใบเหลืองครบตามโควต้า ดังนั้นทีมงานฝ่ายบุ๋นคงจะมีแผนไว้รับมือกับสถานการณ์นี้อยู่แล้ว และจากการประกาศชุดกองหน้าออกมานี่อาจเป็น “โชว์ไทม์” ของ"เจ้าเบียว" ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม เพราะเขาคือศูนย์หน้าที่อยู่ถูกที่และถูกเวลาที่สุดที่เรามีอยู่ในตอนนี้
“ทำไมต้องเป็นเจ้าเบียว?”
ผมคิดว่าหากจะฝากความหวังการพังประตูให้ได้เทียบเคียงหรือใกล้ที่สุดในแบบที่เราเชื่อขนมเจ้ามุ้ย "เจ้าเบียว"ตอบโจทย์ที่สุดในตอนนี้
นั่นเพราะเขาเล่นในตำแหน่งหน้าเป้าตัวโป้งให้กับสโมสรต้นสังกัด ในขณะที่ในรายของ"อุลตร้ากอล์ฟ" อดิศักดิ์ ไกรษร พักหลังหันไปเล่นเป็นตัวริมเส้นด้านข้างเสียมากกว่า
และยิ่งพอพิจารณาจากผลงานตามเนื้อผ้าเมื่อเทียบกันกับอีก 2 รายที่เหลือ จำนวนตุงที่ "เจ้าเบียว" ทำได้ก็ทิ้งทั้ง"เจ้าอาร์ม"และ"เจ้าแบงก์"แบบไม่เห็นไฟท้าย ดังนั้นผมคิดว่าเกมแรกกับอินโดฯมันมีโอกาสสูงเลยทีเดียวที่คนที่จะรับหน้าที่แทน"มุ้ย"บนฟิลด์คือ"เจ้าเบียว"
ในขณะที่เกมที่ 2 กับยูเออีซึ่งสถานการณ์ของเจ้าบ้านเหมือน “เสือโหย” ที่กำลังหิวแต้มและต้องการสามแต้มเต็มจากทุกนัด ดังนั้นยูเออีจะมาบุกเราแบบเต็มสูบโดยไม่ต้องสงสัย และนี่จะเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญในด้านความอดทนและการเล่นเกมโต้กลับของเรา
ผมว่าชุดตัวผู้เล่นในเกมกับยูเออีจะต่างออกไปจากในเกมแรกกับอินโดฯอย่างสิ้นเชิงชนิด “หน้ามือเป็นหลังเท้า” และเราจะได้เห็นบรรดาตัวจี๊ดทีมชาติลงสนามกันอย่างครบครัน
ส่วนนึงเป็นเพราะจากสิ่งที่ออกมาในเกมอุ่นครื่องที่ผ่านๆมาดูเหมือนว่านายใหญ่ทีมเดอะไวท์อย่าง"เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์" จะหันกลับไปใช้ตัวมากประสบการณ์ยืนคุมแผงหลังกันแบบยกชุด (ช่วงที่กุนซือชาวดัตซ์คุมยูเออีลงเล่นคัดบอลโลกก่อนที่โควิด-19 จะมาเบรค เขาถูกสื่อท้องถิ่นหลายสำนักโจมตีอย่างหนักถึงการเลือกนักเตะรุ่นๆลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการที่ดูเหมือนจะประมาทคู่แข่งแถมยังแสดงถึงการไม่ให้ความสำคัญนักเตะตัวเก๋ามากประสบการ์ณ) ซึ่งหากมันเป็นอย่างงั้น “ความสดจะเป็นทีเด็ดของเรา”
กับคำถามที่ว่า “ขาดมุ้ยจะขมมั้ย” ? ผมว่ามันไม่ขมหรอก บางทีนี่อาจเป็นโอกาสให้ทีมชาติไทยได้ช้างพลายเชือกใหม่ที่จะไว้ใช้ต่อยอดต่อไปก็อาจจะเป็นไปได้ และผมยังคิดว่าคอมบิเนชั่นเพลย์ของทีมชาติไทยในสไตล์ของอาจารย์นิชิโนะจะไม่ทิ้งภาระหนักให้ใครคนใดคนนึงในสนามแน่ๆ เราจะเล่นด้วยระบบและการจะพาลูกฟุตบอลไปซุกก้นตาข่ายคู่แข่งจะเป็นใครก็ได้ นี่คือเหตุผลที่ผมคิดว่าแม้จะไม่มีมุ้ยก็ยังไม่น่าหนักใจสำหรับไทย
อีกแค่เดือนกว่าๆเท่านั้น! เราจะได้กลับเข้าสู่โหมดทีมชาติกันอย่างเป็นทางการ แล้วจะได้รู้กันว่าบทสรุปของทีมชาติไทยในบอลโลกที่กาตาร์จะเป็นอย่างไร? ใครจะได้แจ้งเกิดหรือกลับมาเฉิดฉายใหม่อีกครั้ง? เร็วๆนี้ได้รู้กัน!
TAG ที่เกี่ยวข้อง