12 เมษายน 2564
ราวกับภาพยนตร์ที่เขียนบทไว้แล้วให้เข้มข้นเร้าใจ เกมฟุตบอลไทยลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2020-21 เมื่อสองทีมหนีตกชั้นอย่าง สุพรรณบุรี เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี ต้องโคจรมาพบกันเอง เพื่อทำศึกชี้ชะตาว่าใครจะอยู่รอดในลีกสูงสุด แล้วเมื่อ สุพรรณ ทองสงค์ กองหลังตัวหลักของทีมเจ้าบ้านสุพรรณบุรี ถูกเปลี่ยนตัวลงไปในช่วงครึ่งหลัง ครั้งนี้จึงนับเป็นเกมวัดใจที่หนักหน่วงของเขาอย่างแท้จริง เพราะสุพรรณหรือ “เชน” ไม่เพียงเป็นกัปตันทีมช้างศึกยุทธหัตถีชุดนี้เท่านั้น เขายังเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของคนสุพรรณบุรี และกำลังลงเล่นต่อหน้ากองเชียร์ชาวสุพรรณ ที่เข้ามาลุ้นระทึกไม่ให้ทีมบ้านเกิดตกชั้นในนัดสุดท้ายอีกด้วย...
ชื่อของสุพรรณนั้น เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่ามาจากชื่อพ่อที่มีคำว่า “สุ” และชื่อแม่ที่มีคำว่า “พรรณ” นำมารวมกันกลายเป็นชื่อเขา นอกจากนั้นแม่ของเขายังเป็นคนสุพรรณบุรี แล้ววันหนึ่งเมื่อสุพรรณได้รับโอกาสย้ายกลับมาเป็นนักเตะของทีมสุพรรณบุรี เอฟซี แถมได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม มันจึงทำให้เขารู้สึกภูมิใจและเต็มที่ทุกครั้งเมื่อได้ลงเล่นให้ทีมบ้านเกิด
ย้อนกลับไปในวัยเด็ก สุพรรณต้องย้ายตามพ่อแม่ที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และพักที่แฟลตย่านดินแดง ตอนนั้นสุขภาพของเขาไม่ค่อยดี มักป่วยเป็นไข้หวัดบ่อยๆ จนพ่อแม่อยากให้เขาเล่นกีฬาเพิ่มความแข็งแรง โดยจะส่งไปฝึกเต้นลีลาศ
“เพื่อนแม่คนหนึ่งเป็นนักเต้นลีลาศหญิงทีมชาติ แล้วเหมือนเขาหาคู่เต้นอยู่ แต่ผมไม่เอา เราไม่ชอบ พ่อให้เลือกระหว่างบอลกับลีลาศ เราเลือกบอลดีกว่า”
สุพรรณหัวเราะขำกับความคิดที่ว่าหากตอนนั้นเลือกอีกทาง วันนี้เขาอาจเป็นนักเต้นลีลาศลีลาพลิ้วไหว แทนที่จะเป็นกองหลังจอมแกร่งแห่งไทยลีก
หรือไม่ก็อาจติดยาเสพติด เพราะตอนเด็กเขาต้องเดินจากแฟลตไปเล่นฟุตบอลที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่นฯ ทุกวัน ระหว่างทางผ่านกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมเสพยา แต่ด้วยจิตใจมุ่งมั่นกับฟุตบอล เขาจึงผ่านดงอบายมุขมาได้โดยไม่เข้าไปข้องแวะ
“พ่อเห็นว่าผมชักชอบฟุตบอล แกบอกมาทางนี้เลยดีกว่า สมัยก่อนไม่มียูทูป ไม่มีเฟซบุ๊ก พ่อก็เปิดหนังสือพิมพ์หาอะคาเดมีที่สอนฟุตบอล ทุกวันเสาร์อาทิตย์แกจะพาผมซ้อนมอเตอร์ไซค์จากดินแดงไปถึงมีนบุรี ให้ผมได้เรียนฟุตบอล ตอนนั้นอะคาเดมีไม่ต้องจ่ายเงิน ถ้าฝีเท้าเราดีจริง เขาให้ไปฝึกซ้อมได้เลย”
จากการสนับสนุนของพ่อ เด็กชายเชนจึงได้เข้าไปเป็นเด็กฝึกของอะคาเดมีย่านรามอินทรา ได้พัฒนาฝีเท้าจนสามารถผ่านการคัดเลือกเข้าสู่สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงด้านฟุตบอลอย่าง โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี ร่วมกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน เช่น นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ปฏิวัติ คำไหม, กิตติศักดิ์ โฮชิน ฯลฯ
เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ดเข้ามาคัดตัวแข้งหัวกะทิของโรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี เข้าสู่ทีมจำนวนหนึ่ง โดยสุพรรณเป็นหนึ่งในนั้น เขาได้เซ็นสัญญากับทีมกิเลนผยองในปี 2013 ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย
“ไปเมืองทองวันแรกก็ไม่อยากอยู่แล้ว อยากกลับบ้าน รู้สึกกดดัน เพราะตอนเล่นให้ที่โรงเรียน ส่วนมากเราเป็นคนสั่งคนอื่น แต่พอมาที่เมืองทอง เราโดนด่าตลอด รุ่นพี่ดุ เสียบอลก็โดนด่า โดนทุกวันจนท้อ แต่ที่ผมฝ่าฟันตรงนั้นมาได้ เพราะผมเกิดความคิดประมาณว่า ถ้าเกิดเราไปบอกพ่อ หรือบอกผู้บริหารของทีมว่าผมอยู่ไม่ได้ ขอย้าย สมมุติผมย้ายไปทีมใหม่แล้วโดนด่าโดนกดดันอีก เราต้องย้ายอีกเหรอ ผมเลยบอกกับตัวเองว่า งั้นเราต้องสู้ว่ะ ให้เขายอมรับเรา ไม่งั้นเราต้องหนีไปเรื่อยๆ เราต้องชนะใจตัวเอง เพราะมันเหมือนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ว่า ถ้าเราผ่านตรงนี้ไม่ได้ เราก็ไม่มีวันขึ้นมาได้เหมือนคนอื่นเขา”
หลังจากถูกปล่อยยืมตัวไปเก็บประสบการณ์กับทีมอื่นสองรอบ สุพรรณกลับมาสู่เมืองทองและฮึดสู้จนขึ้นชั้นเป็นผู้เล่นตัวจริง ถูกจับตามองในฐานะกองหลังดาวรุ่งฝีเท้าดี
“ผมชอบเล่นกองหลังมาตั้งแต่เด็ก” สุพรรณเผย “สไตล์การเล่นของผมอาจไม่เด่นด้านไหนเป็นพิเศษ คนอื่นอาจมีดีเรื่องความเร็ว เรื่องการส่งบอล แต่ผมพูดตลอดว่าสิ่งที่ดีของผมก็คือ ผมฟังโค้ช เล่นตามที่โค้ชสั่ง ยังไงก็ได้ จะให้เป็นตัวชน หรือตัวเก็บก็ได้ แล้วก็ไม่ยอมแพ้”
สุพรรณเป็นนักเตะในสังกัดเมืองทอง ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2013-17 ในปีสุดท้ายมี 5 สโมสรยื่นข้อเสนอดึงตัวเขาไปร่วมทีม ขณะสุพรรณเลือกย้ายไปเล่นให้ทีมบ้านเกิด สุพรรณบุรี เอฟซี
“ผมอยากกลับบ้าน มันเป็นความฝันตั้งแต่เด็กที่เราได้เล่นให้ทีมบ้านเกิด เพราะผมเป็นคนสุพรรณ ได้เล่นให้คนสุพรรณดู ก็โอเค มันให้ความรู้สึกพิเศษทุกเกมอยู่แล้ว”
การทำผลงานที่ดีให้กับทีมช้างศึกยุทธหัตถี ทำให้ สุพรรณ ทองสงค์ ถูกดึงตัวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ที่มี มิโลวาน ราเยวัช คุมทีม เมื่อปี 2018 จากนั้นเริ่มเข้ามาเป็นตัวหลักในแผงหลังของทีมชาติไทยในยุคโค้ชโต่ย ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย จนกระทั่งปี 2019 เขาลงเล่นให้ทีมชาติในศึกฟุตบอล คิงส์คัพ 2019 ที่ จ. บุรีรัมย์ ในเกมชิงที่ 3 ที่ไทยแพ้อินเดีย 0-1 ประตู สุพรรณต้องเจ็บหนักจากจังหวะเข้าไปสกัดฟุตบอลหน้าปากประตู ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พิสูจน์ให้เห็นหัวจิตหัวใจและความทุ่มเทของเขาได้อย่างดี
“ตอนนั้นผมบวกกับเสาประตู จังหวะนั้นมันต้องเลือก... แบบวัดใจน่ะ เพื่อชาติด้วย แล้วเป็นสัญชาตญาณกองหลังด้วย เราเลยทำไปเลย ผมรู้ว่าอาจจะเจ็บ บอลมันตรงกับเสาพอดี” สุพรรณระลึกถึงเสี้ยววินาทีที่หน้าแข้งซ้ายของเขาปะทะเสาประตูจนแหก เอ็นไขว้หลังฉีกขาด ต้องพักรักษาตัวราว 6 เดือน
“เจ็บคราวนั้นมันมีสองอย่าง ภูมิใจด้วย เพราะเราสามารถพูดให้คนอื่นฟังว่าผมเต็มที่ตลอด ทั้งเพื่อทีมชาติและเพื่อสโมสร แต่ในทางกลับกัน เราเสียใจที่ไม่ได้ช่วยสโมสรในเลกสองเลย กระทั่งทีมสุพรรณบุรีต้องตกชั้นตอนท้ายฤดูกาล (2019) แต่โชคดีที่ปีนั้น ปตท. ระยอง เขายุบทีม เราเลยรอดได้อยู่ไทยลีกต่อ”
ระหว่างนั้นยังมีเรื่องรบกวนจิตใจของสุพรรณ เมื่อมีคนพูดทำนองว่าเขาเจ็บหนักครั้งนี้จะไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีก แต่ก็เช่นเคย มันทำให้เขาฮึดสู้เพื่อลบคำสบประมาท ฟิตร่างกายเพื่อจะกลับมาเป็นกองหลังจอมแกร่งคนเดิม
ในปี 2020 สุพรรณกลับมาเป็นกำลังหลักในแผงหลังของช้างศึกยุทธหัตถี และได้รับความไว้วางใจจากโค้ชให้สวมปลอกแขนกัปตันทีม
“โค้ชอาจเห็นว่าเราทุ่มเทในการซ้อม เป็นตัวอย่างให้รุ่นน้องในทีมได้เห็น ผมจะมาก่อนเวลาเพื่อเล่นฟิตเนส หรือมาวอร์มก่อน แล้วเวลาซ้อมผมไม่ดุด่าน้องๆ อย่างที่เราเคยโดนรุ่นพี่ด่าสมัยก่อน ผมว่ามันไม่โอเค แต่ผมจะคอยสอนมากกว่า เช่น ถ้าอยากพัฒนาก็ต้องอย่าเสียบอล น้องๆ ทุกคนในทีมเลยรักผม”
อย่างไรก็ตามช่วงท้ายฤดูกาล 2020-21 อันดับในตารางคะแนนของสุพรรณบุรี เอฟซี ร่วงรูดลงเรื่อยๆ จากปัจจัยหลายอย่าง จนเข้าสู่โซนเสี่ยงตกชั้น ซ้ำร้ายในนัดเปิดบ้านพบเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด สุพรรณยังเข้าเสียบสกัดคู่แข่งจนกรรมการควักใบแดง เขาต้องยกมือไหว้กองเชียร์บนอัฒจันทร์ระหว่างเดินออกจากสนาม
“จบเกมผมไปขอโทษน้อง (ผู้เล่นทีมเอสซีจี) ว่าผมไม่ได้ตั้งใจ เพราะจังหวะของเกมตอนนั้น เพื่อนเราโดนเตะแล้วไม่ได้ฟาว์ล คราวนี้ทำไง บอลยังไปต่อ ผมก็ต้องตัดเกม แต่อาจแรงไปหน่อย เพราะมีอารมณ์ร่วม ผมยกมือไหว้กองเชียร์ เรารู้ว่าเราผิดก็ต้องยอมรับ แต่เราไม่ได้มีจิตใจโหดเหี้ยมอะไรอย่างนั้น ลองดูได้เลย เลกนี้ผมลงเล่นตลอด ไม่โดนใบเหลืองเลย มาโดนแดงนี้ใบเดียว” เขาระบายความในใจ
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยต่อลมหายใจให้ทีมสุพรรณบุรี เอฟซี คือนัดที่พวกเขาสามารถหักปากกาเซียนด้วยการพลิกชนะทีมแกร่งอย่าง เชียงราย ยูไนเต็ด ในนัดรองสุดท้าย
กลายเป็นแรงส่งมาสู่เกมชี้ชะตานัดสุดท้าย ทีมสุโขทัย เอฟซี ทำเพียงแค่เสมอก็อยู่รอดปลอดภัย ขณะเจ้าบ้านต้องดิ้นรนชนะให้ได้สถานเดียว
“เกมกับสุโขทัย ผมเป็นตัวสำรอง ประมาณว่ากองหลังรุ่นพี่ที่เล่นกับทีมเชียงราย เล่นกันดีอยู่ ทีมเลยมองว่าให้คนเดิมเล่นไปก่อน อย่าเพิ่งเปลี่ยนแปลงเยอะ ผมโดนเปลี่ยนลงไปช่วยทีมในช่วงครึ่งหลัง”
สุพรรณเล่าบรรยากาศเกมนัดสำคัญวันนั้นว่า “ถามว่าทีมกดดันไหม ก็กดดัน แต่พวกผมดีตรงที่เราให้กำลังใจกัน ไม่ด่ากัน ก่อนลงแข่งก็ให้กำลังใจกันตลอด เฮ้ยเราต้องทำได้นะ เพราะเราอยู่กันเป็นครอบครัว อีกอย่างกองเชียร์มีส่วนมากๆ ที่เข้ามาให้กำลังใจ วันนั้นเรามีทางเลือกเดียวคือต้องชนะ แล้วพอเราทำได้ ดีใจมากที่ช่วยให้ทีมสุพรรณบุรีได้อยู่ในไทยลีกต่อ”
ขณะที่ฤดูกาลของไทยลีกสิ้นสุดลงอย่างโล่งอก โปรแกรมของทีมชาติก็กำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง โดยในเดือนมิถุนายนนี้ ทัพช้างศึกมีคิวไปแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบสอง ที่ประเทศยูเออี สุพรรณเผยว่าเขาเป็นอีกคนหนึ่งที่มุ่งหวังกลับไปติดทีมชาติอีกครั้ง
“ตอนเล่นให้ทีมชาติ ผมต้องทำสมาธิมากๆ เพราะตื่นเต้น ขณะเล่นให้สโมสร คนดูรวมทั้งจากทีวีด้วยนะ ผมให้เต็มที่ล้านนึง ก็เยอะนะครับ แต่เล่นในนามทีมชาติ คือเล่นให้คนทั้งประเทศเป็นสิบล้านคนดูเรา ผมว่ามันกดดันกว่าเยอะเลย แต่ผมก็พูดกับตัวเองว่าต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้” เขาเผยความรู้สึกของช่วงแรกที่ติดทีมชาติชุดใหญ่
“ผมเชื่อว่าเป้าหมายสูงสุดในการเล่นฟุตบอล นอกจากเล่นให้สโมสรต้นสังกัดได้แชมป์ ผมว่าคือการเล่นให้ทีมชาติ ผมยังอยากมีชื่อติดทีมชาติ และถ้ามีโอกาสติด ผมมั่นใจว่าตัวเองเต็มที่ ทุ่มเทเกินร้อยตลอดอยู่แล้ว” กองหลังเลือดสุพรรณกล่าวทิ้งท้ายว่า เขามุ่งมั่นทุ่มเทยามเล่นให้ทีมชาติไม่ต่างจากเล่นให้สโมสรบ้านเกิดเลย
TAG ที่เกี่ยวข้อง