stadium

THE LAST TICKET ผ่าศึกชิงตั๋วไทยลีกใบสุดท้าย กับ 4 ทีมรอบ "เพลย์ออฟ"

1 เมษายน 2564

THE LAST TICKET

ผ่าศึกชิงตั๋วไทยลีกใบสุดท้าย กับสี่ทีมที่รอคุณอยู่รอบ "เพลย์ออฟ"
#แบกเป้ดูบอลไทย By #เก้นนิติพงษ์

 

หลังจากลงกรำศึกกันอยู่นาน ผ่านสถานการณ์ความยากลำบากจาก โควิด-19 กันมามากมาย กระทั่งมารัวกันในช่วงท้ายกับโปรแกรมสุดหฤโหดในรอบสองเดือน จนในที่สุดเราก็ได้บทสรุปขั้นแรกของศึก M-150 แชมเปี้ยนชิพ 2020/2021 นั่นคือ การเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดโดยอัตโนมัติของ หนองบัว พิชญ เอฟซี และเชียงใหม่ ยูไนเต็ด

 

นี่คือความน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะอย่าลืมว่าทั้งทัพ “พญาไก่ชน” และทัพ “ช้างเผือก” ต่างไม่เคยลงฟาดแข้งในเวทีไทยลีก 1 มาก่อน นี่ถือเป็นการเขียนหน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่เชื่อได้เลยว่าทั้งสองทีมจะเป็นความภาคภูมิใจของทีมที่ไต่เต้าขึ้นมาจากระดับรากหญ้า สู่การเลื่อนชั้นแบบไร้ข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น

 

บทสรุปต่อมาจากการได้สองทีมเลื่อนชั้นเลยอัตโนมัติก็คือ การได้ตัวแทนทั้ง 4 ทีมในตาราง ที่จะได้โอกาสแย่งชิงตั๋วเลื่อนชั้นสู่ศึกไทยลีก 1 อีกเพียงแค่ใบเดียวเท่านั้นในการแข่งขันรูปแบบพิเศษอย่าง “เพลย์ออฟ”

 

วันนี้เราจะมาดูว่า ศึกเพลย์ออฟรอบแรกนั้นจะสูสี และน่าติดตามมากน้อยแค่ไหน ภายใต้เงื่อนไขการเล่นแบบ “เหย้า - เยือน” ที่พร้อมจะกระตุ้น และเร้าอารมณ์แฟนบอลทั้งสี่ทีม ถ้าพร้อมแล้ว เราไปติดตามกัน...

 

“อันดับ 3 ปะทะ อันดับ 6”

เสือป่าราชา VS นกใหญ่พิฆาต

 

การจบด้วยอันดับสามของ นครปฐม ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ ธงชัย สุขโกกี ถือเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การยกย่องเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะทีมที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากศึกไทยลีก 3 บวกกับแพสชั้นความเป็นเมืองที่คลั่ง และรักในฟุตบอลจริงๆ พิสูจน์ได้ตั้งแต่รายละเอียดอย่างพื้นสนามที่หลายๆ ทีมในศึกไทยลีก 1 ยังต้องอาย แน่นอนว่าการหลุดเข้ามายังรอบเพลย์ออฟในครั้งนี้ นครปฐม ยูไนเต็ด ย่อมโฟกัสไปที่ตั๋วไทยลีกแบบพร้อมจัดเต็มอย่างแน่นอน

 

จุดแข็งของทัพ “เสือป่าราชา” ในฤดูกาลนี้ก็คือ การเป็นทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดในลีก (68 ประตู) โดยเฉพาะการเล่นในบ้านที่พวกเขากดไปถึง 43 ประตู (มากที่สุด) แถมด้วยฟอร์มการเล่นของ ตาอัว เฟอร์ไรร่า ดอส ซานโตส ที่กดไปแล้วถึง 23 ประตู มากที่สุดเป็นอันดับสองของลีก อีกทั้งยังแอสซิสต์กระจาย ทำให้พวกเขากล้าพูดได้เต็มปากว่า เกมในถิ่นสนามโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐม จะเป็นจุดแข็งที่ทำให้พวกเขาพร้อมจะโกยประตูแบบไร้ความปราณีใดๆ ทั้งสิ้น 

 

หากแต่การโคจรมาพบกับ ชัยนาท ฮอร์นบิล นั้นก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่ายแต่อย่างใด เพราะด้วยการบริหารการจัดการระดับมืออาชีพทั้งใน และนอกสนาม บวกกับประสบการณ์ในเวทีไทยลีก 1 ชื่อของ “นกใหญ่พิฆาต” นั้นยังคงน่าเกรงขาม และขายได้เสมอ แม้ว่าทีมชุดนี้จะอุดมไปด้วยแข้งดาวรุ่ง หากแต่ดาวรุ่งที่ถูก โรนัลด์ โบเร็ตติ ผลักดันขึ้นมานั้นล้วนแต่เปี่ยมไปด้วยฝีเท้าระดับคุณภาพ เมื่อมีแข้งตัวเก๋าอย่าง อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์, ปริญญา อู่ตะเภา หรือแม้แต่ วรายุทธ กล่อมนาค ที่กดไปแล้ว 11 ประตู ทำให้ ชัยนาท ฮอร์นบิล ค่อยๆ ก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่ยึดพื้นที่เพลย์ออฟได้อย่างน่าชื่นชม พร้อมกับผลงานการเป็นทีมที่เล่นในบ้านดีที่สุดเป็นอันดับสองของลีก เทียบเท่าแชมป์อย่าง หนองบัว พิชญ เอฟซี แถมยังกดคู่แข่งไปถึง 41 ประตูด้วยกัน หากแต่สิ่งที่พวกเขาต้องระมัดระวังเป็นพิเศษนั่นคือความรัดกุมใน “เกมรับ” ที่ต้องใช้คำว่า ละเอียดทุกเม็ด หลังจากเสียประตูในซีซั่นปกติไปกว่า 47 ประตู มากกว่าทีมที่ร่วงตกชั้นอย่าง ศรีสะเกษ เอฟซี ด้วยซ้ำ 

ในเมื่อทั้ง นครปฐม ยูไนเต็ด และชัยนาท ฮอร์นบิล ล้วนแต่มีจุดแข็งที่เหมือนกันนั่นคือ “เกมในบ้าน” ดังนั้นเชื่อได้เลยว่า การลงสนามพบกันในเกมนัดแรกที่ เขาพลอง สเตเดี้ยม ในวันอาทิตย์นี้ ( 4 เมษายน) น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลการแทคติกของทั้งสองทีมในเกมนัดที่สองอย่างแน่นอน เพราะฝั่ง “นกใหญ่พิฆาต” ของ โรนัลด์ โบเร็ตติ ก็คงมองว่านี่อาจจะเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะปิดงานของพวกเขาเองเพื่อก้าวขาเข้าไปสู่รอบไฟน่อลให้ได้ เช่นเดียวกับฝั่ง ธงชัย สุกโกกี ที่คงมองเช่นกันว่า คงไม่มีประโยชน์ที่จะเดินทางมายัง จ.ชัยนาท ด้วยการเล่นแต่เกมรับ เพราะในเมื่ออาวุธในมือที่ดีที่สุดของพวกเขานั่นคือ “เกมรุก”

 

ผลงานการพบกันของทั้งสองทีมในฤดูกาลปกติ

นครปฐม ยูไนเต็ด 1-2 ชัยนาท ฮอร์นบิล 

ชัยนาท ฮอร์นบิล 3-3 นครปฐม ยูไนเต็ด

 

----------------------------------------------------------------------

 

“อันดับ 4 ปะทะ อันดับ 5”

จงอางผยอง VS ม้าคะนองศึก

 

เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเซอร์ไพรส์เหมือนกันสำหรับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ต้องมาโดดร่วมวงแจมในศึกเพลย์ออฟครั้งนี้ เพราะทุกคนล้วนแต่ทราบดีว่า ทัพ “จงอางผยอง” ยึดพื้นที่อันดับสองในตารางได้นานถึง 14 แมตช์เดย์ อีกทั้งยังเกาะอยู่ในหกอันดับแรกของตารางมากกว่า 31 นัด บวกกับความร้อนแรงของ เปาโล คอนราโด้ ที่นำลิ่วเป็นดาวซัลโวของลีกที่จำนวน 25 ประตู ทำให้หลายๆ คนต่างมองว่า พวกเขานี่แหละที่มีโอกาสจะพาตัวเองทะยานขึ้นไปโลดแล่นในศึกไทยลีกแบบไร้กังวลใดๆ ทั้งสิ้น

หากแต่ด้วยอุบัติเหตุทางลูกหนังที่ส่งให้ “จงอางผยอง” ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเฮดโค้ช จนนำมาซึ่งผลการแข่งขันที่ไม่เป็นใจ อีกทั้งด้วยโปรแกรมที่เตะถี่ยิบ ทำให้พวกเขาต้องพลาดท่าเสียพื้นที่เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติในช่วง 8 นัดสุดท้าย และนั่นหมายความว่า จากนี้ไป ขอนแก่น ยูไนเต็ด จะพลาดท่าแบบนั้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดแข็งที่สุดของ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ก็คือ ขุมกำลังตัวต่างชาติทั้ง เปาโล คอนราโด้, ดักลาส โคโบ, ดาบิด กูเอบา หรือแม้แต่ปีกจรวดโควต้าเอเชียอย่าง บาดาร์ อาลี ที่หากวันใดนัดกันท็อปฟอร์ม ทัพ “จงอางผยอง” ก็พร้อมจะดับฝันคู่ต่อสู้ทั้งหมด บวกกับพลังเสียงเชียร์ของผู้เล่นคนที่ 12 ที่เราการันตีได้เลยว่าพวกเขาพร้อมจะเนรมิตสนามแข่งให้กลายเป็นนรกของคู่แข่งในบัดดล 

 

ข้ามมาที่อีกหนึ่งน้องใหม่ไทยลีก 2 ในฤดูกาล 2020/2021 อย่าง แพร่ ยูไนเต็ด กับขวบปีแรกที่พวกเขาก้าวขึ้นมาอย่างถ่อมตนด้วยเป้าหมายขอแค่อยู่รอดปลอดภัย แต่พอวันเวลาผ่านไป ใครจะเชื่อว่าทัพ “ม้าคะนองศึก” ทีมนี้จะสามารถรั้งอยู่ในพื้นที่เพลย์ออฟได้ถึง 31 แมตช์เดย์ได้ชนิดหักปากกาเซียน

 

แพร่ ยูไนเต็ด อาจจะไม่ได้เป็นทีมที่อุดมไปด้วยซูเปอร์สตาร์ พวกเขาไม่ได้มีแข้งต่างชาติระดับท๊อปในลีก หรือแม้แต่นักเตะไทยที่ถูกปรามาสว่าหมดสภาพไปแล้ว บ้างก็ถูกมองว่าเป็นส่วนเกินจากทีมอื่นๆ แต่หารู้ไม่ว่า คำดูถูกดูแคลนเหล่านั้น คือสิ่งที่ตัวแทนจากเมืองเหนือทีมนี้นำมาเป็นแรงผลักดัน เป็นแรงขับเคลื่อนที่ส่งให้ อานนท์ บรรดาศักดิ์ และทุกๆ คนในทีมพร้อมที่จะทุ่มสุดใจ เพื่อทำให้ทีมแห่งนี้เป็นความภาคภูมิใจของเมืองแพร่ ดั่งสโลแกนที่ว่า “สโมสรแห่งนี้จะสู้ให้คนแพร่ได้ภูมิใจ”

 

เวลลิงตัน สมิธ พร้อมที่จะแปลงร่างเป็นอสูรกายคอยหลอกหลอนทีมคู่แข่งด้วยความเร็ว และลูกยิงที่คมกริบดุจใบมีด ซึ่งพิสูจน์ได้จาก 11 ประตูที่เจ้าตัวทำได้ในฤดูกาลนี้ ขณะที่ อดิศร สัพโส ก็มีเท้าซ้ายสั่งตายเป็นทีเด็ดทีขาดจากลูกฟรีคิก เช่นเดียวกับ มาร์ค บลังโก้ ที่กดไปแล้ว 9 ประตู ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่คอยสร้างความหลากหลายให้กับแผงเกมรุก ประกอบกับประสบการณ์ของแข้งระดับ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว และ ยุทธจักร ก้อนจันทร์ ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริงๆ และมันสมองเท่านั้นที่จะทำให้คุณยืนหยัดในฐานะ “ไอดอล” ของเด็กแพร่

 

ฟอร์มการเล่นของ แพร่ ยูไนเต็ด อาจจะไม่ได้หวือหวามาก แต่ถ้าเรามองเข้าไปลึกๆ แล้วจะพบว่า พวกเขามีสถิติการเล่นในบ้านที่เหนียวมากๆ คือ ชนะ 9 เสมอ 6 และแพ้เพียงแค่ 2 นัด เท่านั้น อีกทั้งยังมีเกมรับที่ดีที่สุดเป็นอันดับสองของลีก (เสีย 27 ประตู) เป็นรองแค่แชมป์อย่าง หนองบัว พิชญ เอฟซี ส่วนผลงานเกมนอกบ้านก็สามารถโกยแต้มได้สูสีกับรองแชมป์อย่าง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด เรียกได้ว่าพวกเขาสามารถบาลานซ์การลงสนามทั้งในฐานะทีมเหย้า หรือทีมเยือนได้ค่อนข้างดี

 

น่าสนใจว่า ตลอดสองนัดที่ แพร่ ยูไนเต็ด ลงสนามพบกับ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ในศึกไทยลีก 2 ปรากฎว่าทัพ “ม้าคะนองศึก” ไม่เคยแพ้แข้ง “จงอางผยอง” เลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมยังเป็นการเอาชนะไป-กลับได้อย่างสุดช็อกแฟนบอล นี่คือสิ่งที่น่าติดตามว่าการได้กลับมาดวลกันอีกครั้งในรอบเพลย์ออฟนี้ ใครกันที่จะเป็นฝ่ายกำชัย และทะลุผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศได้...

 

ผลงานการพบกันของทั้งสองทีมในฤดูกาลปกติ

ขอนแก่น ยูไนเต็ด 1-2 แพร่ ยูไนเต็ด

แพร่ ยูไนเต็ด 2-0 ขอนแก่น ยูไนเต็ด

 

โปรแกรมการแข่งขัน

 

นัดแรก อาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 เวลา 19.00 น. 

ชัยนาท ฮอร์นบิล vs นครปฐม ยูไนเต็ด : เขาพลอง สเตเดี้ยม

แพร่ ยูไนเต็ด vs ขอนแก่น ยูไนเต็ด : ห้วยม้า สเตเดี้ยม

 

นัดที่สอง เสาร์ที่ 10 เมษายน 2564 เวลา 19.00 น.

นครปฐม ยูไนเต็ด vs ชัยนาท ฮอร์นบิล : สนามโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครปฐม

ขอนแก่น ยูไนเต็ด vs แพร่ ยูไนเต็ด : สนามกีฬา อบจ.ขอนแก่น


stadium

author

“เก้น” นิติพงษ์ ยวนตระกูล

ผู้บรรยายฟุตบอล และบรรณาธิการกีฬา ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนังอย่างจริงจังโดยเฉพาะฟุตบอลไทย จนตัดสิ

La Vie en Rose