21 มีนาคม 2564
ค่ำคืนวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2564 น่าจะเป็นวันที่ตรึงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลของทัพ “พญาไก่ชน” และทัพ “ช้างเผือก” ไม่มีวันลืมเลือนเป็นแน่ หลังจากที่ทั้ง หนองบัว พิชญ เอฟซี และเชียงใหม่ ยูไนเต็ด นั้นสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ พร้อมกับการันตีเป็นสองทีมจากศึก M-150 แชมเปี้ยนชิพ ที่ทะลุขึ้นสู่ศึกโตโยต้า ไทยลีก ในฤดูกาลหน้าโดยอัตโนมัติได้สำเร็จ ทั้งๆ ที่เหลือโปรแกรมในมืออีกถึงสามนัดด้วยกัน
นี่คือประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของทั้งสองทีม เพราะอย่าลืมว่าทั้ง หนองบัว พิชญ เอฟซี และเชียงใหม่ ยูไนเต็ด นั้นไม่เคยทะยานขึ้นมาเล่นในเวทีลีกสูงสุดมาก่อน ดังนั้น ทุกสายตาต่างโฟกัสมามองทั้งสองสโมสรในฐานะ “คลื่นลูกใหม่” ที่เตรียมมาสร้างสีสันให้เวทีไทยลีก 1 นั้นเต็มไปด้วยความสนุก และเร้าใจมากยิ่งขึ้น
เครดิตทั้งหมด แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นผู้บริหารของทั้งสองทีมที่ต่าง “ชัดเจน” ในเป้าหมายตั้งแต่ก่อนฤดูกาล 2020/2021 จะเริ่มต้นขึ้น และวันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันชัดๆ ว่า อะไรคือปัจจัยที่ช่วยส่งให้ทั้ง หนองบัว พิชญ เอฟซี และเชียงใหม่ ยูไนเต็ด ฝ่าด่านหินพิชิตตั๋วไทยลีกได้สำเร็จ…
“เป้าหมาย” คือใบเบิกทางอันดับแรกที่สำคัญที่สุดของทุกๆ สโมสร เพราะเป้าหมายที่ชัดเจนนั้นเปรียบเสมือนการชี้ชัดทิศทางของทีมได้เดินไปข้างหน้าแบบไม่สะเปะสะปะ ซึ่งแน่นอนว่า ผู้บริหารของทั้งสองทีมล้วนแต่เปี่ยมไปด้วย ดีเอ็นเอ ของผู้ชนะ และแน่นอนว่าการพิชิตตั๋วไทยลีกได้ในวันนี้ จึงเปรียบเสมือนการพิชิตเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรกได้สำเร็จ
ทัพ “พญาไก่ชน” ภายใต้การนำของคุณสุเทพ ภู่มงคลสุริยา และ “มาดามจอย” กฤษยา ภู่มงคลสุริยา นั้นตัดสินใจเปิดตัวทีมด้วยคอนเซ็ปต์ “Flying to the top” เพื่อเป็นการตอกย้ำว่า พวกเขาพร้อมแล้วที่จะลบล้างความผิดหวังจากฤดูกาลที่ผ่านๆ มา เพื่อเดินหน้าสู่เวทีไทยลีกให้ได้ อีกทั้งยังมีการวางโครงสร้างแห่งอนาคตเพื่อรอบรับการมาของลีกสูงสุดด้วยรังเหย้าใหม่เอี่ยมอย่าง “พิชญ สเตเดี้ยม” ตลอดจนแผนงานด้านอคาเดมี่ ยิ่งเป็นการตอกย้ำความชัดเจนว่า หนองบัว พิชญ เอฟซี พร้อมเต็มที่ในซีซั่นนี้ กระทั่งพวกเขาสามารถทำตามเป้าหมายได้ หลังกวาดไปถึง 69 คะแนนจาก 31 นัด พ่วงด้วยสถิติสุดหรูอย่างการ “ไร้พ่าย” และมีเกมรับที่แข็งแกร่งที่สุดในลีก
ขณะที่ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของคุณพิชัย เลิศพงศ์อดิศร แน่นอนว่าชื่อนี้การันตีถึงความเอาจริง เพราะ “นายกก๊อง” ได้ลั่นวาจาไว้ตั้งแต่เริ่มต้นว่า จะพาทัพ “ช้างเผือก” สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมจากลีกสมัครเล่นที่เลื่อนชั้นสู่เวทีไทยลีกให้ได้ ด้วยแคมเปญ “The Only One” ที่สื่อถึงการเป็นทีมที่พร้อมที่จะทะยานขึ้นไปวาดลวดลายบนลีกสูงสุด จึงเป็นที่มาของการรีแบรนด์ดิ้ง ปรับโฉมทัพ “ช้างเผือก” ให้ดูทันสมัย โฉบเฉี่ยว และเต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพทั้งใน และนอกสนาม ไล่มาตั้งแต่ ชื่อทีม (เจแอล เชียงใหม่ ยูไนเต็ด สู่ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด), โลโก้ของทีมที่เน้นถึงความดุดัน ตลอดจนการเสริมทัพด้วยแข้งระดับบิ๊กเนมมากมาย บวกกับพลังอัดฉีดแบบจัดเต็ม จึงเป๋นส่วนสำคัญที่ทำให้ “ช้างศึก” ทีมนี้ กลับมาพลิกสถานการณ์ในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่น และเข้าวินในท้ายที่สุด
#การเสริมทัพที่เหนือกว่าคู่แข่ง ทั้งแข้งไทย และแข้งต่างชาติ
ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน ดังนั้น สเต็ปต่อมาที่ทั้งสองทีมต่างเห็นพ้องต้องกันก็คือ การเสริมทัพเพื่อยกระดับให้ทีมนั้นแข็งแกร่งกว่าคู่แข่งเพื่อนร่วมลีก เราจึงให้เห็นดีลที่เต็มไปด้วยความฮือฮามากมาย
ทัพ “พญาไก่ชน” เดินหน้าคว้าแข้งประสบการณ์สูงอย่างอย่าง ยุทธพงษ์ ศรีละคร, พรเทพ จันทร์ไข่, รวมถึง กิตติคุณ แจ่มสุวรรณ มาอุดรอยรั่วในเกมรับ แถมยังมือไวปิดดีล วัลโดมิโร่ ซัวเรซ, เลอสรรค์ เทียมราช และเอ็นจีว่า มาเพิ่มพลังในเกมรุกให้แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับ ติอาโก้ ชูลาป้า ที่โยกจาก ระยอง เอฟซี มาปักหลักเป็นยักษ์ยืนค้ำในแผงหน้า ก่อนจะมี เกร็ก ฮูล่า และดักลาส มาแจมในเลกที่สอง ตอบโจทย์แทคติกของ “น้าฉ่วย” จนทำให้พวกเขาติดลมบนด้วยการเป็นจ่าฝูงนานถึง 26 แมตช์เดย์ แถมไม่เคยหล่นจากพื้นที่ Top 3 ของตารางแม้แต่ครั้งเดียว นี่คือจุดที่หลายๆ คนต่างยอมรับว่า หนองบัว พิชญ เอฟซี มีขุมกำลังที่แกร่งจริงๆ
ขณะที่ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด นั้นสร้างความฮือฮาตั้งแต่การปิดดีล “เจ้าชายไทยฮอนด้า” อย่าง ถวิล บุตรสมบัติ, เมลวิน เดอ ลูว์ หัวหอกกัปตันทีมจาก ลำปาง เอฟซี ที่มีสถิติยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ รวมถึง วูกึน ยอง แข้งพลังโสมที่ผ่านประสบการณ์ในวงการลูกหนังบ้านเรามาอย่างโชกโชน พ่วงด้วยแข้งไทยฝีเท้าดีมากมายทั้ง บวร ตาปลา, นนท์ ม่วงงาม นายด่านดีกรีทีมชาติไทย, สุรวิช โลกาวิทย์ - สหรัฐ แก้วแสงใส สองวิงแบ็กที่ผ่านเวทีไทยลีกมาแล้ว, เอฟซั่น ปาทริซิโอ้ - รณพีร์ เชยคำดี ดูโอปราการหลังจอมแกร่ง รวมถึงตำนานลูกหนังอย่าง ณัฐพงษ์ สมณะ ที่ขอกลับมาช่วยทีมบ้านเกิดให้เลื่อนชั้นสู่ไทยลีกให้ได้
เท่านั้นยังไม่พอ ทัพ “ช้างเผือก” ยังสร้างความฮือฮาให้กับวงการลูกหนังบ้านเราอีกหลายครั้ง ไล่มาตั้งแต่การคว้า พูลศักดิ์ มาสุข มาชุบชีวิตใหม่อีกครั้งในแดนล้านนา, จอ โคโค่ หัวหอกดีกรีทีมชาติเมียนมา หรือแม้แต่ เอวานโดร เปาลิสต้า แข้งระดับท๊อปจาก สุโขทัย เอฟซี เมื่อรวมกับแข้งไทยแกนหลักที่มีอยู่ในทีมทั้ง ศิริศักดิ์ ไฝดง, ธนะวิชช์ ธนศศิร์ภัทร์, กิตติภัทร วงศ์สมบัติ และพงศกร สีรอด ที่ล้วนแต่มีประสบการณ์บนเวทีไทยลีกมาแล้ว ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า เชียงใหม่ ยูไนเต็ด เอาจริง จนในที่สุดพวกเขาก็ทำได้ !!!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเฮดโค้ชทั้งสองทีม คืออีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้ต้นสังกัดของตนสามารถติดลมบนจนปิดจ๊อบของตัวเองได้ตั้งแต่ก่อนจบฤดูกาลนี้ถึงสามนัด แน่นอนว่าทั้ง สมชาย ชวยบุญชุม และเดนนิส อมาโต้ สมควรได้รับเครดิตจากความสำเร็จนี้ไปเต็มๆ
“น้าฉ่วย” สร้าง หนองบัว พิชญ เอฟซี ชุดนี้ให้เต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง มีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนโดยเน้นโฟกัสที่เกมรับ ตามวลีที่ว่า “เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” นั่นจึงเป็นที่มาของการรักษาสถิติไร้พ่ายมาแล้วถึง 31 นัด อีกทั้งยังเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในลีก โดยพวกเขาถูกเจาะตาข่ายไปเพียง 14 ประตู เท่านั้น อีกทั้งยังรักษาคลีนชีทได้มากที่สุด 19 นัด เท่ากับ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด นี่คือบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่า หนองบัว พิชญ เอฟซี คือทีมที่ลงเล่นด้วยความคงเส้นคงวา แม้อาจจะไม่หวือหวา หรืออาจจะมีฟอร์มหล่นไปบ้างในเลกที่สอง (ชนะ 6 เสมอ 8) แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากเกมที่ยากได้อยู่เสมอ
ขณะที่ เดนนิส อมาโต้ ที่ตัดสินใจก้าวเข้ามารับเผือกร้อนต่อจาก คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ เปไรร่า ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนั้น อาจจะไม่ได้เริ่มต้นได้อย่างสวยหรูทักเท่าไหร่ หลังชนะ 2 เสมอ 2 และแพ้ไปอีก 1 ก่อนจบเลกแรก อีกทั้งหลังกลับมาลุยต่อในเลกที่สอง ก็ยังโดนทีมเก่าอย่าง ชัยนาท ฮอร์นบิล สอยไปอีกด้วยสกอร์ 3-1 ทำให้หลายคนมองว่า โอกาสที่ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด จะพลิกสถานการณ์มาลุ้นแชมป์ หรือเลื่อนชั้นโดยอัตโนมัตินั้นคงเป็นไปได้ยาก หากแต่กุนซือชาวเยอรมันรายนี้ก็สามารถทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดด้วยการกวาดชัยได้มากถึง 11 จาก 13 นัดหลังสุด พร้อมกับสถิติไร้พ่าย อีกทั้งยังกดคู่แข่งไปถึง 30 ประตู รวมถึงการสร้างสถานการณ์ “โกงความตาย” ครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ว่าจะเป็นแมตช์ที่บุกไปคว่ำ ศรีสะเกษ เอฟซี ในวินาทีสุดท้ายของการแข่งขัน เช่นเดียวกับการโหมเกมรุกจนไล่ตีเสมอ แพร่ ยูไนเต็ด ในวินาทีสุดท้ายเช่นเดียวกัน กระทั่งปิดจ๊อบการันตีตั๋วไทยลีกด้วยการถล่ม ราชนาวี ไปแบบเด็ดขาด 4-1
นี่คือสิ่งที่ อมาโต้ ตอกย้ำให้กับทุกคนได้รู้ว่า ผลงานการคว้าแชมป์ไทยลีก 2 กับ ชัยนาท ฮอร์นบิล ของเจ้าตัวนั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย และเชื่อได้เลยว่าต่อจากนี้ไปอีกสามนัดที่เหลือนั้น อมาโต้ คงปลุกเร้าลูกทีมอย่างเต็มที่เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ให้ได้
ต้องขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลทั้งสองทีมด้วยนะครับ สำหรับการสร้างประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ ต่อจากนี้ไปกับอีกสามเกมที่เหลือ เชื่อได้เลยว่าคงจะเป็นการขับเคี่ยวเพื่อลุ้นแย่งโทรฟี่แชมป์แบบสุดมันส์อย่างแน่นอน และนี่คือสิ่งที่เราจะมาลุ้นด้วยกันครับว่าสุดท้ายแล้ว ระหว่าง “หนองบัว พิชญ เอฟซี” กับ “เชียงใหม่ ยูไนเต็ด” ใครกันที่จะได้เป็นฝ่ายเฮ และชูโทรฟี่แชมป์ไทยลีก 2 หลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้ายของฤดูกาล…
ขอแสดงความยินดีกับแฟนบอลทั้งสองทีมจากหัวใจ และขอต้อนรับสู่ “ไทยลีก 1” อย่างเป็นทางการอีกครั้งครับ
#เก้น #นิติพงษ์ยวนตระกูล ผู้จัดการสื่อสารการตลาด & มีเดีย หนุ่มเมืองเหนือไฟแรง : ผู้บรรยายฟุตบอล และบรรณาธิการกีฬา ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนังอย่างจริงจังโดยเฉพาะฟุตบอลไทย จนตัดสินใจยกหัวใจให้ “เกมลูกหนัง” เป็นตัวนำทางชีวิต
TAG ที่เกี่ยวข้อง