stadium

เช็คความพร้อมทัพ "ช้างศึก" ก่อนตะลุยคัดบอลโลกที่ ยูเออี

17 มีนาคม 2564

เช็คความพร้อมทัพ "ช้างศึก" ก่อนตะลุยคัดบอลโลกที่ ยูเออี

#แบกเป้ดูบอลไทย By #เก้นนิติพงษ์

 

หลังจากเจอพิษโควิด-19 ปั่นป่วนจนส่งผลกระทบต่อโปรแกรมของทีมชาติไทยในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบสอง โซนเอเชีย ที่ยังค้างอีกสาม - สี่นัด ในที่สุดก็ได้บทสรุปจาก สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า โปแกรมที่เหลือทั้งหมดในกลุ่ม G นั้นจะทำการลงฟาดแข้งกันที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี

 

แน่นอนว่าประเด็นนี้ย่อมสร้างความผิดหวังต่อแฟนบอลบ้านเราที่ต้องการเห็นมหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกถืออุบัติขึ้นในบ้านเรา แต่ถึงอย่างไร นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญมากไปกว่า การมองไปข้างหน้า และหาวิธีการทำงานที่จะช่วยให้ทีมชาติไทยของเราพร้อมเต็มที่ก่อนเดินทางไปลงเล่น ณ แดนตะวันออกกลาง

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตัดสินใจหารือกับ อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย และทีมงานสต๊าฟโค้ช หลังครบกำหนดกักตัว 14 วันทันที ณ ห้องประชุมชั้น 1 สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เมื่อช่วงสองวันที่ผ่านมา

 

โดยประเด็นที่ทุกฝ่ายได้หารือกันนั้น เน้นไปที่โจทย์ของการทำอย่างไรให้ทีมชาติไทยชุดนี้มีความพร้อม และลงตัวมากที่สุดทั้งใน - นอกสนาม อาทิ การเดินทางไปดูฟอร์มนักเตะในเกมโตโยต้า ไทยลีก, การเตรียมความพร้อมสำหรับการเก็บตัว, การประสานงานกับสโมสร, ระยะเวลาการเดินทาง-สถานที่เก็บตัวก่อนเข้าสู่โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รวมถึงศึกษามาตรการป้องกันโควิด-19 ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นชาติเจ้าภาพจัดการแข่งขันรอบคัดเลือก โซนเอเชีย กลุ่มจี ที่เหลืออีก 3 นัด

 

เพราะด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เรารั้งอันดับสามในตารางกลุ่ม G แน่นอนว่าหากเราไม่วางแนวทางบริหารจัดการให้ดี โอกาสที่เราจะพิชิต 9 คะแนนเต็มนั้นก็อาจจะริบหรี่ลงไป ซึ่งไม่ใช่เป้าหมายที่ สมาคมฟุตบอลฯ และอากิระ นิชิโนะ ตั้งเป้าไว้แน่ๆ

 

หากเป็นช่วงฤดูกาลปกติ แน่นอนว่างานของกุนซือแดนปลาดิบรายนี้ก็อาจจะไม่ซับซ้อนมากนัก หากแน่นี่คือช่วงเวลาที่ฟุตบอลลีกบ้านเรากำลังลงฟาดแข้งกันอย่างดุเดือด กับโปรแกรมนรก 15-17 นัดในสองเดือน และกำลังจะปิดฉากในช่วงสิ้นเดือนนี้ แน่นอนว่าโอกาสที่ นิชิโนะ จะได้วิเคราะห์หานักเตะที่ตรงสเป็กเจ้าตัวได้มากที่สุดก็อาจจะน้อยลงไป แต่ด้วยเงื่อนไขของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เราจำเป็นต้องยอมรับกันตรงๆ กับเงื่อนไขนี้ และนี่คือช่วงเวลาที่จะได้พิสูจน์สายตาของนายใหญ่ทีมชาติไทยรายนี้ว่า เมื่อเข้าสู่สถานการณ์ที่คับขัน สายตาของ นิชิโนะ จะยับเฉียบแหลม และคมกริบราวกับใบมีดหรือไม่

 

โดย นิชิโนะ ได้เปิดเผยว่า “ช่วงที่อยู่ญี่ปุ่นได้ทำงานร่วมกับสมาคมฯ และ สต๊าฟโค้ชตลอด มีการติดตามฟอร์มการเล่นของนักเตะ จากคลิป และการแข่งขันแบบเต็มเกม หรือ การเล่นแบบเจาะจงนักเตะที่อยู่ในลิสต์ ผมมองไปที่นักเตะที่ลงเล่นสม่ำเสมอ ฟอร์มการเล่นดีไหม อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้าอายุ 40 ปี แต่ยังผลงานดี ลงเล่นสม่ำเสมอ ก็พร้อมเรียกมาติดทีมชาติ”

 

“แต่อย่างที่บอกการเล่นทีมชาติต่างจากสโมสร เราต้องเลือกนักเตะให้เหมาะสม เพราะอย่างลืมว่าเราจะเล่นในระยะสั้นๆ แค่ไม่กี่นัดเท่านั้น ส่วนการเดินทางไปดูฟอร์มนักเตะที่สนามในไทยลีกเกมที่เหลืออยู่ โดยจะเริ่มในวันพุธนี้ที่ ชลบุรี เอฟซี พบ สมุทรปราการ ซิตี้”

 

เมื่อเราลองมาแกะคำพูดที่ นิชิโนะ ได้ให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ในมุมมองส่วนตัว ผมมองว่ากุนซือรายนี้จะตัดสินใจเรียกนักเตะทีมชาติไทยชุดนี้ออกเป็นส่วนผสม “สามแบบ” ด้วยกัน อย่างแรกนั่นคือ กลุ่มนักเตะฟอร์มดีในลีกที่ถือได้ว่าเจ้าตัวค่อนข้างโชคดี เพราะไทยลีกปีนี้ได้สร้างแข้งหน้าใหม่มาประดับวงการมากมาย นำโดย เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ เจ้าของ 12 แอสซิสต์ในลีกจาก สมุทรปราการ ซิตี้ หรือจะเป็น ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม ที่พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า 11 ประตูในซีซั่นนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย รวมถึง ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ที่ร้อนแรงเกืนห้ามใจ ด้วยฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา และนิ่งเกินวัย บวกกับพละกำลังของทั้งสามที่พร้อมวิ่งสู้ฟัดในฐานะนักเตะทีมชาติไทยที่มีตรา “ช้างศึก” อยู่ตรงอกซ้าย หากทั้งสามไม่มีอาการบาดเจ็บในช่วงสองสามเดือนต่อจากนี้ เชื่อว่าทั้งสองคงอยู่ในโผของ นิชิโนะ อย่างแน่นอน

 

นี่ยังไม่นับก๊วนนักเตะไทยในรั้ว บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีกทีมล่าสุดทั้ง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, สารัช อยู่เย็น ที่ล้วนแต่เป็นแข้งตัวหลักของทีมชาติไทยอยู่แล้ว, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ​ และกฤษฎา กาแมน สองดูโอจาก ชลบุรี เอฟซี หรือแม้แต่สามตัวริมเส้นอย่าง ฟิลิป โรลเลอร์ ที่กดไปแล้ว 13 ประตูทั้งๆ ที่เล่นตำแหน่งวิงแบ็ก, สันติภาพ จันทร์หง่อม กับ โชติภัทร พุ่มแก้ว ที่กำลังอยู่ในช่วงที่พีคสุดๆ ก็ดีพอที่จะก้าวมาอยู่ใต้สีเสื้อทีมชาติไทยชุดคัดบอลโลกนี้ได้เช่นกัน

 

ส่วนผสมต่อมาคงจะหนีไม่พ้น “แข้งตัวหลักในทีมชาติ”  ที่นำโดยสองนักเตะที่ค้าแข้งในเจลีกอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีราทร บุญมาทัน ซึ่งหากทั้งสองไม่มีอาการบาดเจ็บ ยังไงทั้งคู่ก็คือตัวเลือกแรกของทีมชุดนี้อย่างแน่นอน รวมถึงกลุ่มนักเตะอย่าง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, สุภโชค สารชาติ, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ศศลักษณ์ ไหประโคน, มานูเอล ทอม เบียห์ร, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล หรือ “AK9” อดิศักดิ์ ไกรษร ที่รัวไปแล้ว 10 ประตู ก็ดูมีภาษีดีที่จะติดธงไป ยูเออี 

 

“แข้งมากประสบการณ์” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเซ็ตที่จำเป็นในฟุตบอลที่ต้องมีบทสรุปทุกอย่างในสามนัด ซึ่ง อากิระ นิชิโนะ คงไม่มีทางมองข้างจุดนี้ไปแน่ๆ เพราะบางครั้ง “ลูกเก๋า” ในเวทีระดับนานาชาติ ก็จำเป็นในการประคองเกม หรือดึงจังหวะ การตัดสินใจในเสี้ยววินาทีที่จำเป็นต้องมีความนิ่ง รวมถึงกระตุ้นน้องๆ สายเลือดใหม่ไม่ให้สมาธิหลุดในทุกวินาทีที่เต็มไปด้วยความกดดัน และความคาดหวังจากแฟนบอลไทยนับล้านคน แน่นอนว่าแข้งอย่าง ฉัตรชัย บุตรพรม, สุมัญญา ปุริสาย ,ธีรศิลป์ แดงดา, จักรพันธ์ แก้วพรม หรือแม้แต่ ธีรเทพ วิโนทัย ที่ยังคงวาดลวดลายกับ โปลิศ เทโร ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ล้วนแต่จำเป็นต่อการเดินทางไปทำศึกสำคัญที่ ยูเออี ช่วงเดือนมิถุนายนนี้อย่างแน่นอน หรือแม้แต่ชื่อของแข้งที่เคยมีข่าวกับทีมชาติไทยยุค นิชิโนะ ก่อนหน้านี้อย่าง ถวิล บุตรสมบัติ หัวหอกจอมแกร่งวัย 33 ปี ที่ซัดไป 9 ประตู 5 แอสซิสต์ จนพา เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ลุ้นแชมป์ไทยลีก 2 เต็มตัวในซีซั่นนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

ใกล้ถึงเวลาที่เราจะได้ร่วมแรงร่วมใจส่งพลังเชียร์ไปให้กับทัพ “ช้างศึก” ในฐานะ “ผู้เล่นคนที่ 12”... แน่นอนว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณจะมาจากสโมสรไหน หากแต่ถ้าคุณคือคนที่ถูกรับเลือก และถูกเรียกไปติดธงลุยศึกใหญ่ครั้งนี้ แน่นอนว่าแฟนบอลอย่างเราๆ ก็พร้อมที่จะทุ่มสุดใจเพื่อให้คุณก้าวลงไปในสนามได้อย่างมั่นใจ และรู้สึกอยู่เสมอว่า พวกคุณไม่ได้สู้ตัวคนเดียว ไม่ได้สู้เพียงลำพัง เพราะหัวใจแฟนบอลไทยหลายล้านดวงพร้อมจะสู้ไปกับพวกคุณ !!!

 

โปรแกรมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย 3 นัดที่เหลือของทัพ “ช้างศึก”

 

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน 2564

ทีมชาติไทย พบ อินโดนีเซีย

 

วันจันทร์ที่ 7 มิถุนายน 2564

ทีมชาติไทย พบ ยูเออี

 

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2564

มาเลเซีย พบ ทีมชาติไทย

 

#เก้น #นิติพงษ์ยวนตระกูล ผู้จัดการสื่อสารการตลาด & มีเดีย หนุ่มเมืองเหนือไฟแรง : ผู้บรรยายฟุตบอล และบรรณาธิการกีฬา ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนังอย่างจริงจังโดยเฉพาะฟุตบอลไทย จนตัดสินใจยกหัวใจให้ “เกมลูกหนัง” เป็นตัวนำทางชีวิต


stadium

author

“เก้น” นิติพงษ์ ยวนตระกูล

ผู้บรรยายฟุตบอล และบรรณาธิการกีฬา ที่คลั่งไคล้มนต์เสน่ห์ลูกหนังอย่างจริงจังโดยเฉพาะฟุตบอลไทย จนตัดสิ

La Vie en Rose